เพียงแค่ครู่หนึ่ง เหลยเหลาหู่ที่ต้องจ่ายด้วยสองนิ้วของเขาก็พาลูกน้องหนีไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับซุนปินกับหวางจื้อเฟยจะต้องเจอกับอะไรต่อนั้น ทุกคนแค่ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้แล้ว
ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ แต่กลับให้ความสนใจกับเย่เทียนมากกว่า
เย่เทียนไม่เพียงแต่แสดงประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่น่าทึ่ง และยังทำให้คุณหญิงของตระกูลฉินยอมรับและสนับสนุนในตัวเขา ความสามารถแบบนี้มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
แต่สำหรับเรื่องนี้ เย่เทียนได้แต่ยิ้มอย่างไม่แยแส
เมื่อเขาอยู่ในโลกทหารในอดีต หลายครอบครัวใหญ่และผู้มีอำนาจหลายๆ คนต่างก็อยากให้เขาไปทำงานด้วย
แม้ตระกูลฉินจะมีอำนาจและอิทธิพลมากมายในเจียงหนัน หรือเป็นถึงครอบครัวชนชั้นระดับที่สูงที่สุดของเจียงหนันก็ตาม สำหรับเย่เทียนแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาเลย
นอกจากนี้ เย่เทียนก็รู้ดีว่าการที่ฉินโล่หยินยอมช่วยเขา เพียงเพราะว่าเขาเคยช่วยปู่ของเธอไว้
“คุณเย่ ไม่นึกเลยนะว่าเราจะได้เจอกันที่นี่”
ในขณะนี้ ฉินโล่หยินเดินเข้าไปหาเย่เทียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่งดงามของเธอ
เย่เทียนเหลือบมองเธอแล้วยิ้มตอบ “ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแก๊งไผ่เขียวจะเป็นคนของคุณนะ”
“ก็แค่บุคลากรในธุรกิจเล็กๆ ของที่บ้านน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ถ้าคุณเย่ชอบ ฉันยกให้คุณได้นะ”
ฉินโล่หยินตอบเบาๆ ด้วยคำพูดที่เป็นไปตามความจริง
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ต่อให้แก๊งไผ่เขียวจะอ่อนแอแค่ไหน พวกเขาก็คือหนึ่งในสามกลุ่มของเจียงหนันอยู่ดี ซึ่งมีเพียงครอบครัวยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลฉินเท่านั้นที่สามารถใช้แก๊งไผ่เขียวที่ยิ่งใหญ่นี้มาเป็นบุคลากรในธุรกิจเล็กๆ ของพวกเขาได้
และหลังจากที่เธอพูดจบ ทุกคนต่างก็ยิ่งตกใจมากขึ้น!
แก๊งไผ่เขียวนั่นมีคนในสังกัดมากกว่าพันคน ซึ่งทรัพยากรมนุษย์ของพวกเขานั่นได้แผ่กระจายไปทั่วทุกสาขาอาชีพในเจียงหนัน และรายได้รายปีของพวกเขาอย่างน้อยก็มากกว่าสามพันล้านหยวนเลยด้วยซ้ำ!
การที่ฉินโล่หยินบอกจะยกให้คนอื่นง่ายๆ แบบนี้ มันไม่ได้หมายความว่าถ้าเย่เทียนรับปาก เขาก็จะกลายเป็นผู้นำของคนนับหมื่นของเจียงหนันภายในชั่วข้ามคืนหรือ?
แม้แต่ซูเหมยก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เธอไม่คาดคิดเหมือนกันว่าฉินโล่หยินจะพูดอย่างนั้น
และจากสีหน้าของฉินโล่หยินแล้ว เธอดูเหมือนไม่ได้ล้อเล่นเลย!
ส่วนห่าวเหรินก็เบิกตากว้าง แก๊งไผ่เขียวที่ยิ่งใหญ่นี้จะยกให้คนอื่นง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ? เพื่อนของเขาคนนี้จะยอดเยี่ยมไปไหม!
เมื่อนึกถึงเพื่อนที่ดีของเขากำลังจะเป็นพี่ใหญ่ของแก๊งไผ่เขียว ในใจเขารู้สึกตื่นเต้นมาก ถ้าข่าวนี้ถูกปล่อยออกไป เขาก็จะได้รับเกียรติด้วยไม่ใช่หรือ?
ดังนั้น ห่าวเหรินจึงรีบขยับตาเพื่อให้เย่เทียนรับปาก
แต่เย่เทียนไม่ได้คิดเหมือนเขา เขาได้แต่พูดประโยคสั้นๆ ที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงอีกครั้ง!
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบเท่าไหร่”
คำพูดที่แผ่วเบาแต่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงงัน
“แม้แต่แก๊งไผ่เขียว เขายังไม่ชอบงั้นเหรอ?”
“ให้ตายสิ ไอ้หมอนี่ทำไมหยิ่งชะมัด?”
“ถ้าจะพูดในแง่ดี เขาแน่มาก แต่ถ้าให้พูดในแง่ลบ เขาโง่จริงๆ! กล้าปฏิเสธแม้แต่แก๊งไผ่เขียวด้วยเหรอ?”
ทุกคนต่างซุบซิบนินทากัน และสายตาที่มองเย่เทียนก็เหมือนพวกเขากำลังมองคนขาดสติอยู่!
คุณชายรองฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเย่เทียนจะปฏิเสธ หลังจากตกใจอยู่สักพัก เขาก็หัวเราะแล้วพูดด้วยคำพูดเสียดสี
“ฮ่า ๆ พี่ครับ ไอ้หมอนี่มันเจ๋งจริงๆ เลยนะครับ! แม้แต่แก๊งไผ่เขียวเขายังไม่เอาเลยนะ แล้วเขาจะเอาใคร เอาตระกูลฉินของเราเหรอ?”
เป็นคำพูดที่ตั้งใจเสียดสีมาก
แม้คุณชายรองฉินจะดูเป็นคนเย่อหยิ่ง หรือบางทีอาจจะเอาแต่ใจไปหน่อย แต่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฉิน เขาจะเป็นคนโง่เขลาได้อย่างไร?
เขาพูดไปแล้วเพ่งมองไปที่เย่เทียน และออร่าของคนชนชั้นสูงของเขาได้เข้าครอบงำเย่เทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่