ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 52

“แค่คำพูดคำเดียวของคุณก็สามารถยึดร้านนี้ไปได้เลยเหรอ คุณถามผมแล้วยัง?!”

เมื่อเสียงของเย่เทียนลดลง ในห้องก็เงียบไปทันที เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงเข็มที่หล่นลงพื้น

แต่ว่า ภายในสองวินาทีนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าก็หัวเราะออกมาทันที และสายตาของทุกคนที่มองเย่เทียนก็เหมือนมองดูคนโง่คนหนึ่ง

“ไอ้โง่นี่มาจากไหนวะ? กล้าคุยกับพี่ใหญ่ของเราแบบนี้ได้ไง?”

“แกเป็นใครหน้าไหน? เจ้านายเราจะตัดสินยังไงต้องได้รับคำยินยอมจากแกเหรอ?”

ในทางตรงกันข้าม เชิ่งหู่กลับใจเย็นกว่าคนอื่นๆ จากนั้นเขายกมือเบาๆ แล้วกดลง และลูกน้องของเขาจึงจะค่อยๆ ปิดปากไป

เชิ่งหู่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าผมจะเอาร้านเหล้านี้ แล้วคุณมีปัญหาเหรอ?”

“ผมจะไม่มีปัญหาได้ไงล่ะ?!”

เย่เทียนยักไหล่แล้วพูดอย่างเปรียบเปรยว่า “ก็เหมือนผมไปบ้านคุณ แล้วผมบอกคุณว่าบ้านคุณเป็นของผมแล้ว แล้วคุณจะไม่มีปัญหาเลยใช่ไหม?”

“ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

เชิ่งหู่ยักไหล่แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “แต่แน่นอน ก่อนอื่นคุณต้องเข้ามาในบ้านผมให้ได้ก่อน”

“......” เย่เทียนหรี่ตาลง เขารู้สึกว่าเชิ่งหู่คนนี้ดื้อด้านจริงๆ!

เชิ่งหู่ยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วพูดเบาๆ ว่า “ว่ามา คุณต้องการอะไร?”

“ความจริงแล้วผมเป็นคนใจกว้าง แต่ถึงอย่างนั้น คุณจะโทษผมไม่ให้โอกาสพวกคุณไม่ได้นะ......”

เย่เทียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอแค่พวกคุณรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับร้านดรุณียั่วรักอีก ผมจะไว้ชีวิตพวกคุณ!”

แม้คำพูดจะฟังดูเรียบเฉย แต่เป็นน้ำเสียงที่ข่มขู่กันอย่างปฏิเสธไม่ได้

เมื่อเสียงพูดลดลง ทุกคนก็หงุดหงิดและส่งเสียงดังขึ้นมา

“พี่ใหญ่ยอมคุยกับแกหมายความว่าเขาให้เกียรติแก แต่ดูเหมือนแกจะไม่เห็นแก่เกียรตินี้สินะ?”

“ตอนที่พวกพี่ตีรันฟันแทงกัน แกยังกินนมแม่อยู่เลย! แต่ตอนนี้แกกล้าพูดจายโสแบบนี้ สงสัยอยากเห็นหน้ายมบาลแล้วสินะ!”

เย่เทียนเหลือบมองผู้คนที่ส่งเสียงโห่ร้องด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นหันมองไปที่เชิ่งหู่แล้วพูดว่า “ผมคุยกับพี่ใหญ่ของพวกคุณอยู่ จะพูดแทรกทำไม? มีมารยาทกันบ้างไหม? หรือว่าพวกคุณคิดจะกบฏ?”

ทุกคนถึงกับผงะไปอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็โกรธจนลุกเป็นไฟ

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เชิ่งหู่ที่นิ่งสงบมาตลอดก็เริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เขาชื่นชมเย่เทียนและอยากให้เย่เทียนทำงานให้เขา แต่เย่เทียนก็ปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เขาไม่พอใจ

จากนั้น ชายวัยสามสิบต้นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเชิ่งหู่ตั้งแต่แรก เมื่อเขาเห็นสีหน้าความไม่พอใจของเชิ่งหู่ เขาก็เดินเข้ามาแล้วเสนอความคิดเห็นว่า “ท่านหู่ ไอ้หมอนั่นมันเกินไปแล้วนะครับ จะให้ผมสั่งสอนมันหน่อยไหมครับ?”

“เสี่ยวเตา?!”

เชิ่งหู่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เอาสิ แต่อย่าฆ่าเขานะ”

ชายวัยกลางคนที่ชื่อเสี่ยวเตาก็พยักหน้าและก้าวไปข้างหน้าจนกระทั่งยืนห่างจากเย่เทียนสองเมตร

“พี่เตาสู้ๆ ครับ!”

“จัดการมันเลยครับ ดูว่ามันจะกล้าดูถูกพวกเราอีกไหม!”

เมื่อเห็นยอดฝีมืออย่างเสี่ยวเตาออกโรง หูไห่และเหล่าผู้นำแก๊งคนอื่นๆ ของแก๊งเสือดำที่ไม่พอใจเย่เทียนมาตลอดก็ตะโกนให้กำลังใจเสี่ยวเตา

“ไอ้หนู แกอาจจะมีความสามารถก็จริง แต่......”

เสี่ยวเตายืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียนและจ้องมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แกไม่ควรปฏิเสธท่านหู่ ยิ่งไม่ควรใช้ทัศนคติแบบนี้ต่อท่านหู่ด้วย!”

“แล้วไง?” เย่เทียนเบะปากอย่างเฉยเมย

“วัยรุ่นที่มีความมั่นใจตัวเองสูงก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน แต่บางทีหากมั่นใจเกินเหตุมันก็มีผลเสียเหมือนกันนะ”

เสี่ยวเตาส่ายหัวเบาๆ แล้วพูด “ว่ากันว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน แกจะต้องชดใช้สำหรับความเย่อหยิ่งของแก!”

“เหอะ!”

เย่เทียนทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “อย่างคุณนะ?”

เสี่ยวเตาพยักหน้าอย่างมั่นใจแล้วพูดอย่างหยิ่งทะนงว่า “อย่าข้านี่แหละ!”

เย่เทียนกวาดมองเสี่ยวเตาแล้วส่ายหัวพูดอย่างประชดประชันว่า “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แค่ทักษะกระจอกของคุณ อย่าว่าแต่ทำอะไรผมได้เลย แค่คุณหลบการโจมตีของผมได้ก็พอแล้ว!”

ไม่เพียงแต่เสี่ยวเตาคนเดียว แม้แต่สมาชิกระดับสูงของแก๊งเสือดำก็ไม่สามารถทนต่อความเย่อหยิ่งของเย่เทียนได้อีก และทุกคนต่างก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวเตา ยังรอช้าอะไรอีก!”

“ไอ้เด็กเวรไม่รู้ฟ้าคนนี้ จัดการมันเลย!”

“ไปตายซะ!”

สีหน้าเสี่ยวเตาเคร่งขรึม ไม่รู้ว่าเขาหงุดหงิดเพราะเย่เทียนหรือว่าถูกสมาชิกระดับสูงของแก๊งเสือดำสั่งให้ทำ

เขาตะโกนอย่างเสียงดัง จากนั้นมือขวาที่ห้อยอยู่ก็ยกขึ้นและเหวี่ยงหมัดความเร็วเท่าสายฟ้าออกไปที่เย่เทียนอย่างกะทันหัน

เสี่ยวเตาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด หมัดที่แหลมคมของเขาแหวกกลางอากาศจนดังหวีดหวิว รวมไปถึงพลังที่น่ากลัวทุบเข้าไปที่ใบหน้าของเย่เทียน

“ระวัง!”

ซูเหมยที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นแบบนี้ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจและหน้าซีดลงทันที

แค่มองดูท่าทางที่ทรงพลังนี้ก็รู้ว่ามันคงจะระเบิดกระสอบทรายได้แล้ว และถ้าหากชกเข้าหน้าเย่เทียนเข้า คงจินตนาการจุดจบของเขาไม่ยาก

แต่น่าเสียงดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือเย่เทียน!

ในขณะที่เสี่ยวเตากำลังขยับไหล่ของเขา เย่เทียนก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว

เขายกฝ่ามือขึ้นแล้วตบอย่างไร้ความปรานี

ผัวะ!

เสียงตบดังก้องอยู่ในห้องวีไอพีนั้น

กลุ่มสมาชิกระดับสูงของแก๊งเสือดำต่างก็จ้องมองด้วยความประหลาดใจ พวกเขาได้แต่อ้าปากค้างจนแทบยัดไข่ทั้งฟองเข้าไปได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกใจมากแค่ไหน!

ไม่มีสิ่งอื่นได้ ในขณะที่เสี่ยวเตากำลังเหวี่ยงหมัดออกไป เย่เทียนกลับกลายเป็นคนที่ลงมือก่อนโดยการตบหน้าเสี่ยวเตาด้วยความแรง

“แก!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แสบร้อนจากแก้ม และหลังจากผงะไปสักพัก ดวงตาของเสี่ยวเตาแดงก่ำทันที ในตอนนี้เขาเหมือนกับสัตว์ป่าที่โกรธจนสุดขีด

“ให้ตายสิวะ!”

เสี่ยวเตาบิดเบี้ยวไปทั้งหน้าเพราะความโกรธของเขา และปากก็ตะโกนอย่างเสียงดังราวกับสัตว์ป่าที่คำรามด้วยความโกรธ

แต่น่าเสียดายที่เสี่ยวเตายังไม่ทันได้ทำอะไร เย่เทียนก็เตะไปที่เขาโดยที่ไม่รอให้เขาตอบโต้เลย

ผัวะ!

เสี่ยวเตาสัมผัสถึงความเจ็บปวดจากหน้าท้อง จากนั้นทั้งร่างกายของเขาก็กระเด็นถอยหลังอย่างความคุมไม่ได้และกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ไม่ไกล

พุ้ม!

เสี่ยวเตาที่น่าสงสาร เมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาไม่สามารถทำการโต้ตอบใดๆ เลย ได้แต่ล้มลงกับพื้นแล้วกระอักเลือดออกมาเต็มปากและหมดสติไป

“นี่มัน......”

หือ!!

ภาพนี้ทำให้สมาชิกอาวุโสของแก๊งเสือดำถึงกับตะลึงทันที

ต้องเข้าใจว่าเสี่ยวเตาเป็นนักสู้ที่มีฝีมือระดับเหรียญทองและยังสร้างผลงานต่างๆ ให้กับแก๊งเสือดำอีกมากมายด้วย

ซึ่งบอกอย่างไม่เกินจริงเลยก็คือ ถ้าหากไม่มีเสี่ยวเตา แก๊งเสือดำก็ไม่อาจมีวันนี้ได้!

แต่แล้ว ยอดฝีมือที่สร้างผลงานมากมายให้กับแก๊งเสือดำคนนี้กลับถูกเย่เทียนจัดการภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น แล้วความเปรียบต่างมันจะใหญ่เกินไปไหม?

กรึ่บ!

หัวหน้าแก๊งแก๊งเสือดำหลายๆ คนได้แต่กลืนน้ำลายและนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความกลัว

สรุปว่าเสี่ยวเตาอ่อนแอเกินไป? หรือว่าเย่เทียนแข็งแกร่งเกินไปกัน?!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่