“แค่คำพูดคำเดียวของคุณก็สามารถยึดร้านนี้ไปได้เลยเหรอ คุณถามผมแล้วยัง?!”
เมื่อเสียงของเย่เทียนลดลง ในห้องก็เงียบไปทันที เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงเข็มที่หล่นลงพื้น
แต่ว่า ภายในสองวินาทีนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าก็หัวเราะออกมาทันที และสายตาของทุกคนที่มองเย่เทียนก็เหมือนมองดูคนโง่คนหนึ่ง
“ไอ้โง่นี่มาจากไหนวะ? กล้าคุยกับพี่ใหญ่ของเราแบบนี้ได้ไง?”
“แกเป็นใครหน้าไหน? เจ้านายเราจะตัดสินยังไงต้องได้รับคำยินยอมจากแกเหรอ?”
ในทางตรงกันข้าม เชิ่งหู่กลับใจเย็นกว่าคนอื่นๆ จากนั้นเขายกมือเบาๆ แล้วกดลง และลูกน้องของเขาจึงจะค่อยๆ ปิดปากไป
เชิ่งหู่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ลึกล้ำและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าผมจะเอาร้านเหล้านี้ แล้วคุณมีปัญหาเหรอ?”
“ผมจะไม่มีปัญหาได้ไงล่ะ?!”
เย่เทียนยักไหล่แล้วพูดอย่างเปรียบเปรยว่า “ก็เหมือนผมไปบ้านคุณ แล้วผมบอกคุณว่าบ้านคุณเป็นของผมแล้ว แล้วคุณจะไม่มีปัญหาเลยใช่ไหม?”
“ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
เชิ่งหู่ยักไหล่แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “แต่แน่นอน ก่อนอื่นคุณต้องเข้ามาในบ้านผมให้ได้ก่อน”
“......” เย่เทียนหรี่ตาลง เขารู้สึกว่าเชิ่งหู่คนนี้ดื้อด้านจริงๆ!
เชิ่งหู่ยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วพูดเบาๆ ว่า “ว่ามา คุณต้องการอะไร?”
“ความจริงแล้วผมเป็นคนใจกว้าง แต่ถึงอย่างนั้น คุณจะโทษผมไม่ให้โอกาสพวกคุณไม่ได้นะ......”
เย่เทียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอแค่พวกคุณรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับร้านดรุณียั่วรักอีก ผมจะไว้ชีวิตพวกคุณ!”
แม้คำพูดจะฟังดูเรียบเฉย แต่เป็นน้ำเสียงที่ข่มขู่กันอย่างปฏิเสธไม่ได้
เมื่อเสียงพูดลดลง ทุกคนก็หงุดหงิดและส่งเสียงดังขึ้นมา
“พี่ใหญ่ยอมคุยกับแกหมายความว่าเขาให้เกียรติแก แต่ดูเหมือนแกจะไม่เห็นแก่เกียรตินี้สินะ?”
“ตอนที่พวกพี่ตีรันฟันแทงกัน แกยังกินนมแม่อยู่เลย! แต่ตอนนี้แกกล้าพูดจายโสแบบนี้ สงสัยอยากเห็นหน้ายมบาลแล้วสินะ!”
เย่เทียนเหลือบมองผู้คนที่ส่งเสียงโห่ร้องด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นหันมองไปที่เชิ่งหู่แล้วพูดว่า “ผมคุยกับพี่ใหญ่ของพวกคุณอยู่ จะพูดแทรกทำไม? มีมารยาทกันบ้างไหม? หรือว่าพวกคุณคิดจะกบฏ?”
ทุกคนถึงกับผงะไปอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็โกรธจนลุกเป็นไฟ
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เชิ่งหู่ที่นิ่งสงบมาตลอดก็เริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เขาชื่นชมเย่เทียนและอยากให้เย่เทียนทำงานให้เขา แต่เย่เทียนก็ปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เขาไม่พอใจ
จากนั้น ชายวัยสามสิบต้นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเชิ่งหู่ตั้งแต่แรก เมื่อเขาเห็นสีหน้าความไม่พอใจของเชิ่งหู่ เขาก็เดินเข้ามาแล้วเสนอความคิดเห็นว่า “ท่านหู่ ไอ้หมอนั่นมันเกินไปแล้วนะครับ จะให้ผมสั่งสอนมันหน่อยไหมครับ?”
“เสี่ยวเตา?!”
เชิ่งหู่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เอาสิ แต่อย่าฆ่าเขานะ”
ชายวัยกลางคนที่ชื่อเสี่ยวเตาก็พยักหน้าและก้าวไปข้างหน้าจนกระทั่งยืนห่างจากเย่เทียนสองเมตร
“พี่เตาสู้ๆ ครับ!”
“จัดการมันเลยครับ ดูว่ามันจะกล้าดูถูกพวกเราอีกไหม!”
เมื่อเห็นยอดฝีมืออย่างเสี่ยวเตาออกโรง หูไห่และเหล่าผู้นำแก๊งคนอื่นๆ ของแก๊งเสือดำที่ไม่พอใจเย่เทียนมาตลอดก็ตะโกนให้กำลังใจเสี่ยวเตา
“ไอ้หนู แกอาจจะมีความสามารถก็จริง แต่......”
เสี่ยวเตายืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียนและจ้องมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แกไม่ควรปฏิเสธท่านหู่ ยิ่งไม่ควรใช้ทัศนคติแบบนี้ต่อท่านหู่ด้วย!”
“แล้วไง?” เย่เทียนเบะปากอย่างเฉยเมย
“วัยรุ่นที่มีความมั่นใจตัวเองสูงก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน แต่บางทีหากมั่นใจเกินเหตุมันก็มีผลเสียเหมือนกันนะ”
เสี่ยวเตาส่ายหัวเบาๆ แล้วพูด “ว่ากันว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน แกจะต้องชดใช้สำหรับความเย่อหยิ่งของแก!”
“เหอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่