“คนเสนอราคาสูงสุดได้ไปใช่ไหม? ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราเพิ่มเงินหนึ่งในสี่ของราคา!”
มุมปากเย่เทียนวาดรอยยิ้มอันตรายขึ้น มองหญิงวัยกลางคนด้วยสีหน้าหยอกเย้า ดวงตาดำมืดกลอกไปมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดแผนชั่วอะไรอยู่
“ถูกต้อง! พวกเราเพิ่มเงินหนึ่งในสี่ของราคา!”
ฉินโล่หยินยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ตั้งแต่เด็กจนโตครั้งไหนบ้างที่เธออยากได้อะไรแล้วไม่ได้อันนั้น? นับประสาอะไรกับเพียงแค่เรื่องของเงินนี้ ทำไมเธอต้องทนรับความไม่เป็นธรรมด้วย?
“อย่าคิดว่ามีเงินสกปรกหน่อยแล้วจะทำราวกับว่าทั้งโลกนี้หมุนรอบเธอนะ เงินแค่ไม่กี่แสน ฉันยังเอาออกมาได้เหมือนกัน!”
“เธอ......” หญิงวัยกลางคนโมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง โกรธจนแทบคุมตนเองไม่อยู่
หล่อนถลึงดวงตาใส่ฉินโล่หยินไม่กะพริบ กัดฟันแน่นพูดว่า “ดี! งั้นวันนี้ฉันจะดูว่าพวกเธอมีความสามารถมากแค่ไหนกัน ฉันเพิ่มอีกหนึ่งในสามของราคา สูทชุดนี้ฉันซื้อไว้แล้ว!”
เพิ่มมาเป็นหนึ่งในสาม! นั่นก็เป็นเงินหกหมื่นกว่าเลยสิ!
เวลานี้ทำให้เสี่ยวมู่พนักงานขายทั้งตื่นเต้นทั้งขมขื่น
ที่ตื่นเต้นคือ ดูจากท่าทางของสองฝ่าย เกรงว่าราคานี้ยังไม่ถึงที่สุด มีแนวโน้มมากว่าจะแข่งเสนอราคาต่อไป
ที่ขมขื่นคือ การทะเลาะของสองฝ่ายดึงดูดการจับจ้องของทุกคนภายในร้านแล้ว ถึงแม้จะเป็นราคาขายเพิ่มมามาก เกรงว่ายากมากที่จะเข้ากระเป๋าของหล่อนแล้ว
ที่เกินความคาดหมาย แทบจะเป็นช่วงที่คำพูดของหญิงวัยกลางคนจบลงไป เย่เทียนก็เพิ่มราคาอย่างนิ่งเฉย
“ฉันเพิ่มอีกเป็นหนึ่งในสองของราคา!”
เหตุการณ์นี้อย่างกับงานประมูลเลยทีเดียว รอบหนึ่งล้วนให้ราคาหลายหมื่น ทำให้ฝูงชนมุงดูที่อยากให้เรื่องวุ่นวายใหญ่กลุ่มหนึ่งต่างตื่นตกใจกันหมด
คนที่สายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกกันทั้งนั้น นี่เห็นได้ชัดว่าสองฝ่ายจงใจเสนอราคาแบบอารมณ์เสีย
แน่นอนว่า นี่ไม่ขัดอารมณ์การดูเรื่องสนุกของทุกคน ในเมื่อไม่ว่าเป็นฝ่ายไหนซื้อไปได้ ฝ่ายที่เสียเปรียบล้วนจะไม่ใช่พวกเขา
หญิงวัยกลางคนโดนยั่วยุจนโกรธเคือง พูดจาเย็นชา “ไม่ใช่แค่สองแสนเจ็ดหมื่นเหรอ? ยังไม่พอฉันซื้อรถสักคันเลย!”
พูดจบ หญิงวัยกลางคนเพิ่มราคาอีกครั้งแบบไม่ยอมอ่อนข้อ ครั้งนี้เพิ่มเป็นเท่าหนึ่งของราคาขายโดยตรง
พูดมาแบบนี้ ราคาสูทหรูหราชุดนี้คือหนึ่งแสนแปดหมื่น หญิงวัยกลางคนยินยอมใช้ราคาสามแสนหกหมื่นซื้อไป
เย่เทียนยักไหล่ หัวเราะนิ่งๆ บอกว่า “เพิ่มแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรหรอก ไม่สู้พวกเราบอกมาตรงๆ ฉันให้ห้าแสน!”
พอเสนอราคานี้ ชั่วขณะหนึ่งทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ฮือฮาครู่หนึ่ง สายตาที่แต่ละคนมองทางเย่เทียนทั้งเหยียดหยามทั้งนับถือ
ที่นับถือคือ เย่เทียนยินยอมจ่ายเงินเพิ่มสามแสนสองหมื่นมาซื้อสูทชุดนี้ไป
ที่เหยียดหยามคือ สรุปว่าเย่เทียนเป็นคนรวยโผล่ออกมาจากที่ไหน ถึงเห็นเงินเป็นเพียงตัวเลขกองหนึ่งโดยแท้
ในความเป็นจริง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย แม้แต่ตัวหญิงวัยกลางคนเองยังตื่นตระหนกไปอยู่บ้าง
ถึงจะพูดเช่นนี้ หญิงวัยกลางคนกลับยังคงไม่ยอมเสียหน้า กัดฟันพูดยืนหยัด
“พวกเธออยากเล่นงั้นเหรอ? วันนี้ฉันจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเธอ!”
“ฉันให้ห้าแสนห้าหมื่น!”
“เจ็ดหมื่น!”
แทบจะเป็นชั่วขณะที่หญิงวัยกลางคนพูดจบลง เย่เทียนก็เสนอราคาใหม่ล่าสุดออกมาแล้ว
แต่ละครั้งที่สองฝ่ายเสนอราคา มีแนวโน้มจะดึงดูดเสียงฮือฮาของผู้คนในเหตุการณ์กัน และเสียงปรบมือกู่ร้องที่หวังให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตขึ้น
ควักเช็คหนึ่งล้านที่ได้มาจากในมือเจิ้งเหวยหวาใบนั้นออกมาจากบนตัว เย่เทียนชูขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“อย่างอื่นฉันไม่กล้าพูด หนึ่งล้านฉันยังพอจ่ายออกไปได้อยู่!”
“นาย......”
สีหน้าโกรธเคืองของหญิงวัยกลางคนเข้มขึ้นจนเป็นสีตับหมูแล้ว แต่กลับไม่ได้เสนอราคาไปในวินาทีแรก
เงื่อนไขทางบ้านหล่อนไม่เลวจริง มีสามีที่รักเอาใจใส่ มีลูกชายที่เจริญก้าวหน้า ถ้าไม่มีอะไรเกินคาดช่วงบั้นปลายชีวิตลิขิตมาให้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่