วันรุ่งขึ้น ด้วยเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เย่เทียนก็ตื่นจากสภาวะการฝึกฝน
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาก็เห็นสายเรียกเข้าของซูเหมย
บอกตามตรง แม้ทั้งสองจะแลกเบอร์กันนานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเหมยโทรหาเขาก่อน
“จะชวนเราไปเดทเหรอ?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน มีความคิดที่ฟุ้งซ่านเกิดขึ้นในใจเขา แต่นึกคิดแล้วมันน่าละอายไปหน่อย เขาจึงเก็บรอยยิ้มนั้นไว้แล้วกดรับสาย
“เย่เทียน แก๊งเสือดำตามหาฉันแล้ว”
ทันทีที่กดรับสาย คำพูดเร่งรีบของซูเหมยก็ดังขึ้น
เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นและได้ยินความกังวลพร้อมกับความกลัวของซูเหมยจากน้ำเสียงของเธอ เขาจึงพูดปลอบใจเธอว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่แก๊งเสือดำ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว แล้วเขามาหาคุณเมื่อไหร่?”
“เปล่า เขาแค่โทรหาฉัน เชิญฉันไปเจรจาที่สโมสรหาดน้ำหนาว......” ซูเหมยตอบอย่างใจเย็น
“สโมสรหาดน้ำหนาวเหรอ? แล้วคุณอยู่ไหน ผมไปหาคุณ เดี๋ยวเราเจอกันก่อนค่อยว่ากัน”
เย่เทียนพยักหน้า แต่ในใจรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาทำหูไห่ไปขนาดนั้น ยังไงก็ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว แล้วบอกว่าแค่จะเจรจาได้อย่างไร?
“ฉันรอคุณที่ใต้ตึกแล้ว”
เมื่อซูเหมยพูดจบ เย่เทียนก็ถึงกับขำในใจ เขารู้ว่าเธอคงกังวลมากเกินไป ถึงได้มาเร็วขนาดนี้
ดังนั้น เย่เทียนจึงไม่พูดอะไรมาก หลังจากวางสายแล้วเขาก็หยิบเสื้อเชิ้ตออกมาสวมใส่ เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยเขาก็เดินออกจากห้องทันที
และเมื่อเดินออกมา เขาก็เจอรถอาวดี้สีดำรุ่น A8 ของซูเหมยจอดอยู่ข้างถนน เขาจึงเดินเข้าไปแล้วเปิดประตูรถออก และในขณะนั้น หญิงสาวที่แต่งตัวสวยงามและมีเสน่ห์ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเย่เทียน
ซูเหมยในวันนี้ได้เปลี่ยนจากชุดทำงานของเธอ ด้วยผมสีแดงทรงหยักศกเล็กน้อย ใบหน้าที่ละเอียดอ่อน ชุดสูทตัวเล็กๆ และด้านในคือชุดเดรสยาวสีดำ ซึ่งเปล่งประกายหุ่นอันงดงามและมีเสน่ห์ของเธอออกมา
และนี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้เห็นเธอแต่งตัวแบบนี้ ดวงตาของเขาจึงเป็นประกายแล้วยิ้มร้ายๆ ออกมา “ประธานซู คุณแต่งตัวแบบนี้ คนไม่รู้เขาอาจจะคิดว่าพวกเราไปเดทกันก็ได้นะ ไม่ใช่ไปเจรจาหรอก!”
ซูเหมยที่ได้ยินสิ่งนี้ก็กลอกตาขาวใส่เขาทันที
วันนี้เธอตั้งใจจะไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทของเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าแก๊งเสือดำจะโทรหาเธออย่างกะทันหันแบบนี้ เธอจึงต้องยกเลิกนัดของเพื่อนแล้วรีบมาหาเย่เทียนโดยที่ไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนชุดก่อนเลยด้วยซ้ำ
“นี่มันสถานการณ์อะไรแล้ว ยังพูดจาเลอะเทอะแบบนี้อีก!”
เธอบ่นสั้นๆ คำเดียว แต่หลังจากการหยอกล้อของเย่เทียนแล้ว ความตึงเครียดแต่เดิมของเธอก็คลี่คลายลงบ้าง
เย่เทียนหัวเราะออกมาดังๆ แต่ไม่พูดอะไรมากอีก เพียงแค่เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่นในรถ
“ไปกันเถอะ เราไปเจอกับแก๊งเสือดำสักหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าพวกมันคิดจะเล่นกลอะไร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหมยก็หรี่ตาลงและพยักหน้าเบาๆ เธอนั่งบนที่นั่งคนขับ จากนั้นหันหน้าไปข้างหน้าและขับรถตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถอาวดี้ก็มาจอดที่หน้าคลับเฮาส์สุดหรูในย่านใจกลางเมือง
คลับเฮาส์แห่งนี้เป็นคลับระดับไฮเอนด์ของเมืองเจียงหนัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ความบันเทิง การพนัน ฟิตเนส ซึ่งเป็นศูนย์รวมของการพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนรวยในเมืองเจียงหนันแห่งนี้
แต่เย่เทียนกับซูเหมยไม่ได้ตั้งใจมาเล่น ทั้งสองลงจากรถก็เดินตรงไปที่ประตู
หลังจากที่แจ้งจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ รปภ. หน้าประตูก็มองไปที่เย่เทียนกับซูเหมย นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวว่า “มากับผม!”
เย่เทียนไร้คำบรรยาย เป็นแค่รปภ. คนหนึ่ง จำเป็นต้องทำตัวกร่างขนาดนี้เลยหรือ?
แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้ถือสาอะไรมากมาย ได้แต่เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินตามเข้าไปอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
ในทางกลับกัน ซูเหมยสีหน้าเคร่งขรึมมาก เธอได้แต่จับกระเป๋าไว้แน่นๆ ราวกับว่ามีอาวุธสังหารอยู่ในนั้น
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็ได้มาถึงหน้าห้องวีไอพี
รปภ. ผลักประตูออกแล้วยืนอยู่ข้างๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เข้าไปสิ เจ้านายผมกำลังดื่มชาอยู่ข้างใน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่