ระหว่างทาง องครักษ์หลวงสองคนเอ่ยถามกัวกูกูอย่างแผ่วเบา “กลัวว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่?”
กัวกูกูยิ้มอย่างเยือกเย็น “คนที่จะกลัวมิใช่พวกเราหรอก!”
องครักษ์หลวงสองคนไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่าที่กัวกูกูพูดก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะสั่งสอนหลานสาว พวกเขาจะไปขัดขวางได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นอะไร ไม่ได้รู้อะไรเลย
หากจะมองในแง่ร้ายที่สุด ในวังหลวงใครจะมาสนใจหลงจ่านเหยียนกัน? ถึงอย่างไรก็เป็นแค่คนที่จะต้องตายแล้ว
ทันทีที่กัวกูกูพาคนเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ก็มีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้เย่เต๋อโหรวทราบ
เย่เต๋อโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ ฟังน้ำเสียงคลุมเครือชวนให้คิดไปไกลต่าง ๆ ที่ดังมาจากห้องด้านใน รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกมีดกรีด
เมื่อได้ยินรายงานจากคนที่เข้ามา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “พอแล้ว เจ้าออกไปเถิด!”
นางเรียกหญิงรับใช้ที่ชื่อหงฮวาเข้ามา เก็บซ่อนความรังเกียจในแววตา พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยน “เจ้าเข้าไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพในห้อง แล้วเรียกไฉ่หลีออกมา!”
ไฉ่หลีเป็นคนใจดำ และพอมีฝีไม้ลายมืออยู่บ้าง แม้ว่านางจะเกลียดชังที่ไฉ่หลีได้รับความโปรดปรานจากหลงฉางเทียน แต่ก็ขาดนางไปมิได้
หงฮวากล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!” พูดจบก็รีบเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความสุข
ตอนที่ไฉ่หลีออกมา เสื้อผ้ายังไม่ได้สวมใส่เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ารูปไข่งดงามแฝงไปด้วยความอ่อนหวาน และขึ้นสีแดงระเรื่อ
นางติดกระดุมเสื้อผ้าไปพลาง เอ่ยขึ้นไปพลาง “ฮูหยิน จะไปเดี๋ยวนี้เลยหรือเจ้าคะ?”
เย่เต๋อโหรวเบือนหน้าหนี จากนั้นกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไปจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน!”
“ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะ!” นางรวบผมให้เรียบร้อย ติดกระดุมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว นางจึงหยิบโคมไฟขึ้นมาถือ เดินนำทางอยู่ข้างหน้า พร้อมกับโค้งคำนับและเอ่ยขึ้น “เชิญฮูหยิน!”
ตามระเบียงทางเดินที่คดเคี้ยว ทุก ๆ สิบจั้งจะมีโคมไฟรูปเขาแกะแขวนอยู่ ส่องสว่างให้สวนดอกไม้ของจวนแม่ทัพดูลึกลับและเงียบสงบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง