“ไม่จำเป็น!” เย่เต๋อโหรวกล่าวอย่างเย็นชา เหลือบมองจี๋เสียงและหรูอี้ด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็เอ่ยกับไฉ่หลี “พวกนางสองคนปรนนิบัติจ่านเหยียนได้แค่วันเดียว แต่กลับมีความจงรักภักดีอย่างมาก พาออกไปรับรางวัลเถิด!”
“บ่าวมิกล้ารับความดีความชอบ การปรนนิบัตินายเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” จี๋เสียงและหรูอี้กล่าวพร้อมกัน
ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย “ฮูหยินบอกจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธที่ไหนกัน?” พูดจบก็คว้าแขนทั้งสองคนแล้วลากออกไปข้างนอก
นอกประตู ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของไฉ่หลี “พวกเจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับบาปแทนเจ้านายของพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ!”
เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เปิดม่านขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอน
ภายในห้องนอนมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหลงจ่านเหยียนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางหัวเราะเยาะ ใกล้จะตายแล้วยังนอนหลับสนิทได้อีกหรือ? นางจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่
นางเดินไปตามทิศทางของเตียง แต่เพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดียว ก็รู้สึกเหมือนใต้เท้าว่างเปล่า ร่างของนางร่วงหล่นลงไปเรื่อย ๆ ด้วยความตกใจอย่างมาก นางจึงส่งเสียงร้องออกมา พยายามคว้าจับอะไรบางอย่างไว้ แต่รอบ ๆ ตัวว่างเปล่า นางคว้าอะไรไม่ได้เลย
ร่างกายร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวเข้าโจมตีทันที เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เหตุใดที่นี่ถึงเหมือนกับหน้าผาได้?
“ไฉ่หลี...” นางตะโกนเสียงแหลม แต่รอบข้างมีเพียงเสียงลมหวีดหวิว ไม่มีใครตอบรับนางเลย
มีมือปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า คว้าไหล่ของนางไว้แน่นแล้วออกแรงกดลง นางยื่นมือออกไปหวังจะคว้ามือนั้นไว้ แต่มือข้างนั้นกลับหายวับไป และในที่สุดสองเท้าของนางก็สัมผัสกับพื้น
ทันใดนั้น แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า นางมองสำรวจไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ ที่นี่ คุ้นเคยมาก!
ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ ที่นี่คือห้องเก็บฟืนของจวนแม่ทัพ ไม่สิ ควรจะพูดว่าเป็นห้องเก็บฟืนเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ที่นี่ นางฆ่าหยางจิ่วเม่ย ตัดมือตัดเท้าของนางทั้งหมด กลิ่นคาวเลือดราวกับยังไม่จางหายไป อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวคลุ้ง ในหูก็เหมือนจะยังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหยางจิ่วเม่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง