บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 489

“นี่จะใช่วิญญาณสิงในร่างใหม่ได้อย่างไร?”

นี่แตกต่างจากธรรมชาติที่นางพูดถึงอย่างนะ?

“จะไม่ใช่วิญญาณสิงในร่างใหม่ได้อย่างไร? ยืมร่างกายคนอื่น วิญญาณเป็นของเจ้าเอง ไม่น่าแปลกใจที่ข้าบอกว่าเจ้าดูน่าเกลียดมาก ที่แท้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า วิญญาณน่าสนใจจริงๆ”หยู่เหวินเห้า เหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่ใช่ปีศาจน้อยอะไรก็พอแล้ว วิญญาณสิงในร่างใหม่ ยังไงวิญญาณก็สิงอยู่ในร่าง ไม่เดินออกมา

หยวนชิงหลิงอึ้งขึ้นมาในทันใด ถูกวงจรสมองของเขาทำให้ตนเองค่อนข้างอึ้ง เขาพูดเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะถูกอยู่

หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “เจ้าพูดว่าเดิมเจ้าเป็นดุษฎีบัณฑิตคนหนึ่ง? เป็นคนขายน้ำชาหรือคนขายเหล้า?”(คำที่เรียกคนขายน้ำชากับคนขายเหล้ากับดุษฎีบัณฑิต/ด็อกเตอร์ออกเสียงเหมือนกันในภาษาจีน)

หยวนชิงหลิงกระตุกมุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ดุษฎีบัณฑิต ไม่ใช่คนขายน้ำชาหรือคนขายเหล้าเสมอไปมั่ง? ตามที่ข้ารู้มา ในรัชสมัยของเราก็มีนักวิชาการระดับดุษฎีบัณฑิต”

“แต่ล้วนเป็นผู้ชาย เจ้า....” หยู่เหวินเห้ามองดูนางอย่างตื่นตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระเจ้า เจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ข้าก็ว่าแหละ เจ้ารู้มากมายขนาดนั้น ดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ คุยกับหวางเจียงเกี่ยวกับจุดบอดบนดวงอาทิตย์มาตลอด....”

หยวนชิงหลิงมองดูเขาอย่างทุกข์ใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยพูด ไม่ว่าข้าจะกลายเป็นยังไง เจ้าก็จะรักข้า ข้ากลายเป็นผู้ชาย เจ้าก็จะไม่รักข้าแล้วหรือ?”

“ไม่น่าขำ”หยู่เหวินเห้ามองดูนางอย่างจริงจัง แต่เป็นท่าทีที่เหมือนจะเป็นลมไปแล้ว

หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ใช่ผู้ชาย เป็นหญิงที่สับเปลี่ยนมา ส่วนสถานะดุษฎีบัณฑิตอะไรนั่น ก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว เจ้าก็คิดเสียว่าข้าเป็นหมอคนหนึ่ง พร้อมทั้งพอรู้เรื่องดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์อยู่บ้างก็พอ”

หยู่เหวินเห้าสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ความสามารถในการยอมรับความจริง เกือบถูกเจ้าทำให้ตกใจแทบตาย”

“เจ้าคิดไปเองเรื่อยเปื่อยคนเดียวต่างหาก” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างคับข้องใจว่า “แต่หากสมมุติว่า เดิมข้าเป็นผู้ชายจริงๆ เจ้าจะทำอย่างไร?”

หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่สามารถนึกภาพได้”

“ก็นึกภาพดูหน่อยสิ”

หยู่เหวินเห้าก้มหน้าก้มตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ตบเจ้าติดผนัง ขุดออกมาแล้วก็ตบอีกที”

“โหดเหี้ยมขนาดนั้นเชียว?”

“หากเจ้าเป็นผู้ชาย เรื่องนี้สำหรับข้าก็ถือว่าโหดเหี้ยมเหมือนกัน”หัวใจหยู่เหวินเห้ายังเต้นตึกตัก ตื่นตกใจอย่างมาก

เขาคิดถึงคำพูดตั้งแต่แรก จึงถามขึ้นว่า “เจ้าพูดว่า พวกขนมหวานจะมีความผิดปกติอย่างไร เป็นความผิดปกติอะไรกันแน่?”

หยวนชิงหลิงเก็บอาการ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงข้าก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เพราะร่างกายในตอนนี้ไม่ใช่ร่างกายเดิมของข้า ยาที่ข้าฉีดเข้าร่างกายตามหลักแล้วไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกายนี้ นอกเสียจากยาของข้าสามารถควบคุมระบบประสาทได้ เกิดการถ่ายทอดพันธุกรรมทางระบบประสาท แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ สิ่งนี้ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ แต่ความจริงแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกขนมหวานในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาจะฉลาดกว่าคนทั่วไป มีพลังมากกว่าไปบ้าง.... ประมาณนี้”

ยังไงรายละเอียดนางก็ยังไม่รู้ พวกขนมหวานเป็นสิ่งล้ำค่าสามอย่าง จะต้องค่อยๆสืบค้น ถึงจะรู้ว่าอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

หยู่เหวินเห้าพยายามใช้ความคิดของตนเอง เพื่อทำความเข้าใจในคำพูดของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นวิญญาณสิงในร่างใหม่ ก่อนที่วิญญาณจะสิงในร่างใหม่ เจ้าเป็นดุษฎีบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิตตายแล้วแต่วิญญาณค่อนข้างเก่งกว่าวิญญาณทั่วไป มีพลังวิเศษต่างๆ จากนั้นวิญญาณสิงในร่างใหม่ของหยวนชิงหลิง พลังวิญญาณไม่ได้จางหาย ถูกพวกขนมหวานสืบทอด ทำให้พวกขนมหวานมีความสามารถมากกว่าคนปกติทั่วไป หมายความเช่นนี้ใช่ไหม?”

หยวนชิงหลิงอึ้งไปเนิ่นนาน พยักหัวอย่างยากลำบากว่า “น่าจะ....ประมาณนี้”

“ก็คือพวกขนมหวานมีพลังผี” เขาถามขึ้นอีกครั้ง

“นี่ไม่ใช่พลังผี”

หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ข้าคิดว่าคือพลังผี มาพร้อมกับวิญญาณของเจ้า ไม่ใช่พลังผีแล้วคืออะไร?”

หยวนชิงหลิงฟังเช่นนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร

แต่ก็ยังพูดอธิบายว่า “การควบคุมคลื่นสมอง นี่เป็นเรื่องของความคิด”

“ความคิดก็ไม่ใช่พลังอย่างหนึ่งหรือ? เมื่อก่อนเจ้าอาวาสเคยพูดว่า ผีก็คือพลังอย่างหนึ่ง ความสามารถอย่างหนึ่ง”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมีความรู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน