บทที่ 573 ผู้คนออกเดินทางไกล
ไม่มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง
มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงในมือที่ล่องลอยหายไปภายใต้ท้องฟ้า
สำนักศรัทธาราษฎรยังคงอยู่
ภูเขายังคงอยู่ เมฆหมอกยังคงลอยละล่อง
แต่ในอาเขตของสำนักสาธราษฎรกลับว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยหรือกลิ่นอายของมนุษย์ ตำราและคัมภีร์หายไปจนหมดสิ้น
จางหลินต้าวเดินทางมายังโลกนี้หลายร้อยปีแล้ว ในที่สุด เขาก็ได้เดินทางกลับเสียที
เพียงแต่ว่าตอนขามานั้น เขาเต็มไปด้วยความหวัง ตอนจากไปเขากลับเหมือนตะเกียงไฟที่ใกล้หมดน้ำมัน
โลกแห่งความลับใบนี้ เขาคงไม่มีโอกาสกลับมาอีก แต่ลูกศิษย์ของเขา ผู้เป็นความหวังของสำนักศรัทธาราษฎรที่เขาเห็นจะกลับมาสู่โลกนี้อีกครั้ง
เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะเป็นช่วงเวลาที่หมากที่เขาวางไว้จะถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์
เขาวางแผนควบคุมโลกทั้งใบนี้ไว้ให้แก่ศิษย์รักอย่างหยางเมียวเจิ้น เส้นทางสู่ความเป็นสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อที่สำนักศรัทธาราษฎรจะได้มีอนาคตยืนยาวตลอดไป
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวอู่เจียงเห็นจางหลินต้าว ผู้เป็นเจ้าสำนักศรัทธาราษฎรลงมืออย่างแท้จริง
โลกกำลังล่มสลาย เจ้าสำนักศรัทธาราษฎรสามารถใช้พลังของตนเองช่วยเหลือผู้อื่น แสงไฟจากตะเกียงในมือเขาช่างน่าประทับใจจนทำให้จ้าวอู่เจียงรู้สึกเหมือนว่าโลกใบนี้อยู่ในการควบคุมของชายชรา เขาสามารถมองเห็นภูเขา แม่น้ำ และดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
ในขณะเดียวกันนี้ เมื่อเห็นเซวียนหยวนจิ้ง ตู๋กูหมิงเยว่ และคนอื่นๆ เดินทางจากไปอย่างปลอดภัย จ้าวอู่เจียงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไร จะว่าเป็นวิญญาณก็ใช่ จะเหมือนอยู่ในโหมดการดูเนื้อเรื่องในวีดีโอเกมก็ไม่เชิง
สามารถสังเกตการณ์ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้เลย
เขาเห็นหมาป่าเทพเจ้าร้องคำราม ขนสีขาวจำนวนมากตกลงมาบนตัวของเหล่าประชาชนและนักรบจากดินแดนแห่งทุ่งหญ้าโหลวหลานที่ได้พลังแห่งโชคชะตาไปจากร่างของจ้าวอู่เจียง
หลังจากนั้น พัดโบราณสีขาวพลันปรากฏขึ้น พัดนั้นมีขนาดใหญ่โตเป็นภูเขามหึมา มันพัดสายลมอย่างเบาๆ ไปยังกลุ่มคนที่มีขนสีขาวปกคลุมทั่วตัวเหล่านั้น
สายลมพัดผ่าน ไม่มีสิ่งใดเติบโต ไม่มีหญ้าขึ้น ไม่มีเสียงนกร้อง เหล่าผู้ที่ได้รับขนสีขาวเหล่านั้นล่องลอยขึ้นไปในท้องฟ้า ไม่ต่างไปจากกลีบดอกไม้ที่ปลิวไปตามสายลม



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละขันทีอันดับหนึ่งในใต้หล้า