คุณหนูกับลุงยาม นิยาย บท 10

“ลุงรู้สึกสงสารเด็กคนนี้… เอาเป็นว่าถ้าอยากเรียนต่อลุงจะช่วยส่งเสียให้เอง จะส่งให้เรียนจนถึงปริญญาตรี”

ลุงทองกล่าวประโยคที่ทำเอาราตรีตกใจ

“อะไรนะคะ… ลุงพูดจริงหรือคะ”

ราตรีแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“จริงสิ… บอกตรงๆ ว่าลุงรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าลุงจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้เธอจะขัดข้องอะไรไหม”

เสียงของลุงทองหนักแน่นจริงจัง ในวันที่เขารู้สึกได้รุนแรงว่าชะตาต้องกันกับสาวน้อยผู้มีนามว่าน้ำหวานคนนี้

“ไม่เลยค่ะ ไม่ขัดข้องค่ะ… ขอบคุณมากค่ะลุงขอบคุณแทนหลาน บุญคุณนี้ฉันกับน้ำหวานจะไม่มีวันลืม”

ราตรีน้ำตาซึม รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ รีบก้มกราบลงแทบเท้าของลุงทอง เจ้าของไร่สับปะรดผู้นี้ช่างมีพระคุณเหลือเกิน ไม่เพียงกับหล่อน แต่ยังเผื่อแผ่มาถึงหลานกำพร้าคนนี้ด้วย

นอกจากลุงทองจะเอื้อเฟื้อให้ที่พักพิงกับราตรี ให้อาศัยอยู่ในห้องพักในเรือนหลังเล็กที่อยู่ห่างกับบ้านหลังใหญ่ของเขาเพียงไม่กี่เมตร ลุงทองก็ยังจ้างราตรีไว้ทำงานในไร่อีกด้วย

ทุกวันนี้ราตรีช่วยงานในไร่สับปะรดอย่างขยันขันแข็ง และยังทำงานเป็นแม่บ้านให้ลุงทองทุกวันเสาร์อาทิตย์ ทุกเช้าหล่อนจะทำอาหารแล้วนำใส่ปิ่นโตมาวางไว้ในครัวบ้านลุงทองทุกเช้าเย็น

“พระคุณนี้ฉันกับหลานจะจำใส่กะลาหัวไม่ลืม”

ราตรีก้มกราบอีกครั้ง

“พอเถอะ… ไม่ต้องไหว้ ก็อย่างที่บอก… ว่าลุงรู้สึกสงสารเด็กคนนี้”

นั่นคือเรื่องราวเมื่อเดือนก่อน

ตอนนี้น้ำหวานได้มาอยู่ที่บ้านลุงทอง ได้เรียนต่อระดับปริญญาตรีในวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งก็เพราะความเมตตาของลุงทองเจ้าของไร่คนนี้

อีกหนึ่งเดือนต่อมา

ตอนเช้าวันเสาร์

“หวาน… นั่นเอ็งจะไปไหน”

ราตรีถาม เมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยกำลังคว้าจักรยานที่จอดพิงกำแพงหลังครัวเอาไว้ ทำท่าว่าจะขี่ออกไปข้างนอก

“หนูจะไปบ้านลุงทองจ้ะป้า… ”

ใบหน้าสวยใสหันมาตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาแจ่มใส ราตรีสังเกตเห็นหลานสาวออกอาการดีใจจนออกนอกหน้าทุกครั้งที่จะไปหาลุงทอง

“นี่… เอาใหญ่แล้วนะเรา อย่าไปกวนลุงแกให้มาก อย่าไปทำเรื่องวุ่นวายให้ลุงทองปวดหัว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหนูกับลุงยาม