“ลุงรู้สึกสงสารเด็กคนนี้… เอาเป็นว่าถ้าอยากเรียนต่อลุงจะช่วยส่งเสียให้เอง จะส่งให้เรียนจนถึงปริญญาตรี”
ลุงทองกล่าวประโยคที่ทำเอาราตรีตกใจ
“อะไรนะคะ… ลุงพูดจริงหรือคะ”
ราตรีแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“จริงสิ… บอกตรงๆ ว่าลุงรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าลุงจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้เธอจะขัดข้องอะไรไหม”
เสียงของลุงทองหนักแน่นจริงจัง ในวันที่เขารู้สึกได้รุนแรงว่าชะตาต้องกันกับสาวน้อยผู้มีนามว่าน้ำหวานคนนี้
“ไม่เลยค่ะ ไม่ขัดข้องค่ะ… ขอบคุณมากค่ะลุงขอบคุณแทนหลาน บุญคุณนี้ฉันกับน้ำหวานจะไม่มีวันลืม”
ราตรีน้ำตาซึม รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ รีบก้มกราบลงแทบเท้าของลุงทอง เจ้าของไร่สับปะรดผู้นี้ช่างมีพระคุณเหลือเกิน ไม่เพียงกับหล่อน แต่ยังเผื่อแผ่มาถึงหลานกำพร้าคนนี้ด้วย
นอกจากลุงทองจะเอื้อเฟื้อให้ที่พักพิงกับราตรี ให้อาศัยอยู่ในห้องพักในเรือนหลังเล็กที่อยู่ห่างกับบ้านหลังใหญ่ของเขาเพียงไม่กี่เมตร ลุงทองก็ยังจ้างราตรีไว้ทำงานในไร่อีกด้วย
ทุกวันนี้ราตรีช่วยงานในไร่สับปะรดอย่างขยันขันแข็ง และยังทำงานเป็นแม่บ้านให้ลุงทองทุกวันเสาร์อาทิตย์ ทุกเช้าหล่อนจะทำอาหารแล้วนำใส่ปิ่นโตมาวางไว้ในครัวบ้านลุงทองทุกเช้าเย็น
“พระคุณนี้ฉันกับหลานจะจำใส่กะลาหัวไม่ลืม”
ราตรีก้มกราบอีกครั้ง
“พอเถอะ… ไม่ต้องไหว้ ก็อย่างที่บอก… ว่าลุงรู้สึกสงสารเด็กคนนี้”
นั่นคือเรื่องราวเมื่อเดือนก่อน
ตอนนี้น้ำหวานได้มาอยู่ที่บ้านลุงทอง ได้เรียนต่อระดับปริญญาตรีในวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งก็เพราะความเมตตาของลุงทองเจ้าของไร่คนนี้
อีกหนึ่งเดือนต่อมา
ตอนเช้าวันเสาร์
“หวาน… นั่นเอ็งจะไปไหน”
ราตรีถาม เมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยกำลังคว้าจักรยานที่จอดพิงกำแพงหลังครัวเอาไว้ ทำท่าว่าจะขี่ออกไปข้างนอก
“หนูจะไปบ้านลุงทองจ้ะป้า… ”
ใบหน้าสวยใสหันมาตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาแจ่มใส ราตรีสังเกตเห็นหลานสาวออกอาการดีใจจนออกนอกหน้าทุกครั้งที่จะไปหาลุงทอง
“นี่… เอาใหญ่แล้วนะเรา อย่าไปกวนลุงแกให้มาก อย่าไปทำเรื่องวุ่นวายให้ลุงทองปวดหัว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหนูกับลุงยาม
น้ำหวานลุงทองมีลูกด้วนกันไหม...