เวินซูซูไม่เชื่อว่าฉินเป่ยจะเก่งแบบที่ท่านย่าของเธอพูด!
หัวใจของเวินหงอิงไม่อาจสงบลงได้เลย ในเมืองหยางตูแห่งนี้ นอกจากเหล่าเฒ่าปีศาจพวกนั้น เธอก็ไม่กลัวใครแล้ว
เมื่อหลายปีก่อนเธอมีโอกาสได้ต่อกรกับเฒ่าปีศาจ แต่เธอก็พ่ายแพ้ไปโดยปริยาย
ถึงแบบนั้นเธอก็ยังรับรู้ได้ถึงกระแสลมปราณไหลเวียนในร่างกายของพวกเขา รู้ว่าตัวเองมีความแตกต่างกับพวกเขามาก
แต่เมื่อกี้เธอกลับหยั่งรู้ถึงการบำเพ็ญของฉินเป่ยเลย ยามที่เธอมองเขา เขาก็เป็นราวกับหลุมดำลึก!
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน”
“เด็กน้อย หลานต้องจำไว้นะ สิ่งที่หลานทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะทำไม่ได้”
“แล้วจำไว้ด้วยว่า อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก ย่าดูคนไม่ผิดหรอก”
“ย่าจะให้งานหลานไปทำ ไปหาเสี่ยวเป่ยแล้วผูกมิตรกับเขาซะ”
“เข้าใจไหม?”
เวินซูซูฟังน้ำเสียงของเวินหงอิงที่ดูเรียบง่ายแต่เธอกลับไปกล้าตั้งข้อสงสัย ถึงภายในใจของเธอจะไม่อยากยินยอม แต่ก็ทำได้เพียงยอมรับปาก
……
ตอนนี้ฉินเป่ยซื้อร้านแห่งหนึ่งได้สำเร็จแล้ว และตอนที่เขาตั้งท่าจะเดินจากไป เขาก็ถูกคนคนหนึ่งขวางหน้าเอาไว้
และคนที่มาก็คืออากุ่ย! หัวหน้าบอดี้การ์ดของตระกูลโจว
“ไงไอ้เปี๊ยก ข้อชื่ออากุ่ย หัวหน้าบอดี้การ์ดของตระกูลโจว ข้ามาตัดแขนขาของเจ้าตามคำสั่งของผู้นำตระกูลที่ส่งข้ามา ข้าจะไม่ลงมือกับสวะหรอกนะ แกทำเองซะสิ!”
อากุ่ยพูดพร้อมกับส่งมีดเล่มหนึ่งมาตรงหน้าฉินเป่ย เขารู้สึกผิดหวังในตัวฉินเป่ยมาก ผิดหวังในระดับที่ทำให้ใจห่อเหี่ยว
เพราะเขาไม่รับรู้ถึงลมปราณจอมยุทธ์จากตัวฉินเป่ยเลย เดิมทีนึกว่าเขาเป็นผู้มากฝีมือเสียอีก อย่างน้อยก็คงให้เขาได้เหงื่อออกบ้าง!
ถึงยังไงซะฉินเป่ยก็เป็นถึงคนที่หักขาสองข้างของนายน้อยโจวอย่างโจวห้าวกับเหมาสง
แต่เมื่อได้เห็นฉินเป่ย ความอยากลงมือของเขาก็หายไปทันที
“โรคจิตเหรอ”
ฉินเป่ยไม่แลตามองอากุ่ยก่อนจะเดินผ่านด้านข้างของเขาไป
“เจ้าเปี๊ยก ได้ยินที่ข้าพูดไม่ชัดหรือไง?”
ฉินเป่ยหยุดก่อนจะพูดขึ้น “ผมได้ยินชัดเลยล่ะ แล้วก็จะพูดคำของคุณคืนไป ผมจะไม่ลงมือกับสวะ เว้นเสียแต่จะทนไม่ไหว”
“ฮ่า ๆ ๆ ยอดมาก ยอดจริง ๆ!”
“เจ้าเปี๊ยก เจ้าทำให้ข้าโมโหได้สำเร็จ ในเมื่อเจ้าบังคับให้ข้าต้องลงมือ งั้นข้าก็จะทำตามที่เจ้าขอ!”
อากุ่ยพูดพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาฉินเป่ยโดยไม่สนใจฉินเป่ยเลย เพราะสำหรับเขาแล้วฉินเป่ยก็แค่แกะที่รอโดนถลกหนัง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
ฉินเป่ยขมวดคิ้ว ในใจก็คิดว่า ไอ้เจ้านี่มันไม่ได้เป็นเอ๋อใช่ไหม
“เจ้าโง่เอ๊ย”
ฉินเป่ยไม่ได้สนใจอากุ่ยเลย เขาเดินผ่านไปด้วยสีหน้ารังเกียจ
อากุ่ยโมโหจัด ก้าวพุ่งไปเบื้องหน้าฉินเป่ยทันที ก่อนจะฟาดมือลงบนหัวไหล่ของเขาอย่างแรง!
“เจ้าเปี๊ยก เจ้าเป็นสวะที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนที่สุดตั้งแต่ข้าเคยเจอมา!”
“ไอ้XX นี่เจ้ายังกล้ามองเมินข้า?”
อากุ่ยโมโหถึงขีดสุด!
“ไม่ชอบมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?”
ฉินเป่ยหันมองเขาด้วยสายตาอันแหลมคม อากุ่ยสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิรอบด้านหนาวเหน็บขึ้นมาทันที ความกลัวที่แทงลึกลงในกระดูกทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว ก่อนจะก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
“แก นี่แกเป็นจอมยุทธ์?”
“นี่แกระดับพลังอะไรกัน?”
อากุ่ยตกใจมาก ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วตัวราวกับมดไตร่
แต่ต่อให้เป็นเวลานี้ เขาก็ยังไม่สามารถสัมผัสถึงการไหลเวียนของลมปราณจอมยุทธ์ในร่างกายของฉินเป่ยได้เลยแม้แต่น้อย
แต่แววตาของฉินเป่ยเมื่อกี้ กลับทำให้เขารู้สึกกลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ตายไปแล้วรอบหนึ่ง!
“กลับไปบอกคนตระกูลโจวด้วยว่าสองวันนี้ผมต้องได้เห็นหยางลี่กับโจวห้าวมาคุกเข่าขอโทษพร้อมเงินอีกห้าล้าน!”
“ไสหัวไปซะ!”
พูดจบ ฉินเป่ยก็เดินจากไป
หลังจากที่เขาเดินจากไปได้ไม่กี่นาที อากุ่ยถึงได้สติกลับคืนมา ตัวเขาตอนนี้เหงื่อออกเต็มตัวไปหมด ร่างกายสั่นเทาอย่างหยุดไม่ได้
“อะไรกัน? เจ้าหมอนั่น เมื่อกี้ทำไมถึงได้มีแรงสังหารที่น่ากลัวขนาดนั้น”
“หรือเขาจะเป็นจอมยุทธ์ แล้วยังเป็นคนที่มีพลังสูงมากด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณภรรยาเทพนักรบของผม
ต้องการอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
อยากอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
ไม่ไปต่อแล้วเหรอครับ...
บทที่ 11-14 หายไปไหนเหรอครับ...