คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 12

บนเรือนใหญ่ตระกูลซู

“ท่านแม่ชุดนี้งามหรือไม่เจ้าค่ะ” ซูเจียวเหมยเอ่ยถามมารดาเพราะนางเพิ่งได้ชุดนี้มาใหม่

“ลูกสาวแม่งดงามที่สุดอยู่แล้วสวมใส่ชุดใดก็ย่อมงามทั้งนั้น” ซูเจียวซื่อเอ่ยชมบุตรสาวที่ตอนนี้เติบโตเป็นสาวงามหาผู้ใดมาเปรียบ

“สวยงามอันใดสองสามวันก่อนลูกได้ยินพวกบ่าวคุยกันว่านางจิวอิงที่อยู่เรือนท้ายจวนหน้าตางดงามนัก” ซูเจียวเหมยเอ่ยบ่าวคนสนิทของนางได้ยินจึงนำความมาบอก ตนเองนั้นไม่เคยย่างกายเข้าไปใกล้เรือนท้ายจวนเลยด้วยเพราะห่างไกลจากเรือนใหญ่พอควรและนางก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องสนใจคนพวกนั้น แค่ท่านแม่ลงโทษไม่ส่งอาหารให้พวกมันได้กินแค่นั้นก็นับว่าพวกมันคงอยู่กันอย่างแล้งแค้นน่าดูทีเดียว

“ลูกจะไปฟังความอะไรกับพวกบ่าวไพร่กันพวกมันคงโป้ปดเกินความจริงไปมากโข”

“ลูกต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเองเจ้าค่ะ”

“ตามใจเจ้าแล้วกันอยากทำอะไรกับมันก็เชิญ ท่านปู่ก็มิได้เห็นมันเป็นหลานอยู่แล้วแถมยังไม่ยอมให้มันใช้สกุลซูอีกต่างหากและช่วงนี้ท่านพ่อของเจ้าก็ไปประจำการอยู่ต่างเมืองคงอีกหลายเดือนกว่าจะกลับมา” ซูเจียวซื่อเองก็ซะใจยิ่งนักที่น้องสาวของสามีระเห็จออกไปจากจวนไปได้ นางเป็นที่รักของพี่ชายยิ่งนักเขารักน้องสาวมากว่านางที่เป็นภรรยาเสียอีก เอาอกเอาใจนางสารพัดจนนางอดหมั่นไส้เสียไม่ได้

“จูเพ่ยเจ้าไปกับข้า” ซูเจียวเหมยเอ่ยบอกสาวใช้ข้างกาย

“เจ้าค่ะคุณหนู” จูเพ่ยรับคำแล้วรีบเดินตามร่างบางระหงออกไปยังเรือนท้ายจวนทันที

จิวอิงที่วันนี้อากาศดีเพราะเมื่อคืนมีฝนโปรยลงมาวันนี้นางจึงออกมาดูแลแปรงผักและสวนดอกเหมยกุ้ยที่ปลูกเอาไว้ท้ายเรือนตอนนี้มันเริ่มออกดอกสาวสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วนางจะเก็บมันไปทำถุงหอมให้พี่เสี่ยวชิงและตนเองด้วย

ร่างบางที่ดูผ่ายผอมกว่าปกติเพราะทำงานทุกอย่างในเรือนและอาหารการกินพวกนางก็มักจะกินกันอย่างประหยัดไม่ได้กินจุกจิกหรือต้องมีขนมยามว่างอย่างผู้อื่น แต่ใบหน้าของจิวอิงนั้นกลับไม่ได้ด้อยลงไปเลย นางมีใบหน้ารูปไข่ดวงตาลกลมโตพราวระยับรับกันขนตายาวงอน จมูกโด่งเชิดรับกับดวงหน้าปากอิ่มแดงระเรื่อดูเย้ายวนหากผู้ใดได้พบเจอคงต้องหลงใหลได้อย่างไม่ยากเย็น

“มันอยู่นั่นเจ้าคะ”จูเพ่ยเอ่ยบอกเจ้านายของตนอย่างเอาหน้า

“ดี! ข้าอยากดูน้ำหน้ามันนัก” ร่างอรชรของจูเพ่ยเดินปรี่เข้าหาร่างบางที่นั่งถอนหญ้าออกจากแปลงผัก

ร่างอรชรที่สวมใส่อาภรณ์สีสวยงดงามหยุดยืนด้านหลังของคนที่นางยังไม่เห็นหน้าแต่กลับรู้สึกชิงชังยิ่งนัก

“เจ้า!..หันหน้ามาหาข้าสิ” ซูเจียวเหมยเอ่ยเสียงห้วนสั่งให้สตรีร่างผอมบางในอาภรณ์สีหม่นหันมา

จิวอิงที่กำลังเพลิดเพลินกับการถอนหญ้าที่แปลงผัก เมื่อได้ยินเสียงดังถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะร้อยวันพันปีนางไม่ค่อยได้พูดคุยกับผู้ใดเลยและไม่มีผู้ใดย่างกกายเข้ามายังเรือนท้ายจวนแห่งนี้

“เจ้าพูดกับข้าหรือ?” จิวอิงหันหน้ามาพบกับสตรีแต่งกายงดงามยืนอยู่เบื้องหน้านางไม่เคยเห็นนางมาก่อน

“บังอาจเห็นคุณหนูซูเจียวเหมยยังไม่เคารพอีก คุณหนูเป็นถึงบุตรีของท่านแม่ทัพหลวนซานเจ้าของเรือนที่เจ้าอาศัยอยู่นี้” จูเพ่ยเอ่ยเสียงดังเพื่อเอาใจเจ้านายของตน

ซูเจียวเหมยที่ได้เห็นใบหน้าของสตรีที่เพิ่งหันหน้ามาก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที งามนัก! ซูเจียวเหมยอิจฉาใบหน้าที่งดงามกว่าตน นางเกลียด เกลียดสตรีตรงหน้ายิ่งนัก

“คาราวะเจ้าค่ะคุณหนูซูเจียวเหมย” จิวอิงลุกขึ้นยืนแล้วย่อกายเคารพสตรีตรงหน้าเมื่อรู้ว่านางคือผู้ใด

“คุกเข่าลงไป..” ซูเจียวเหมยเอ่ยด้วยใบหน้าเชิดหยิ่ง

“เหตุใดข้าต้องคุกเข่าลงไปด้วย” จิวอิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เป็นแค่บ่าวอาศัยอยู่ในเรือนมายืนเทียบเคียงกับผู้เป็นนายได้อย่างไรกัน” ซูเจียวเหมยเอ่ย

“ข้ามิได้เป็นบ่าวไพร่ และไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับเรือนใหญ่เลยพวกเราต่างคนต่างอยู่เช่นนี้มานานแล้ว” จิวอิงจำคำพูดของพี่เสี่ยวชิงมานางไม่ใช่บ่าวไพร่เสียหน่อย

“มิเกี่ยวข้องเช่นนั้นหรือ ได้ๆเจ้าไม่เกี่ยวข้องแต่ผืนดินที่เจ้าเหยียบย่ำอยู่นั้นมันเป็นของท่านพ่อข้า จูเพ่ยจัดการกับหญ้าพวกนั้นเสียมันรกหูรกตาข้ายิ่งนัก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน