คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 140

ทั้งหมดเมื่อเดินทางมาถึงก็ได้ถามไถ่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเมื่อทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้วต่างก็ลงความเห็นกันว่า ท่านยายของไท่เฟยอาจโดนกลุ่มลักพาตัวที่กำลังออกอาละวาดอยู่ตอนนี้จับตัวไปก็เป็นได้

ตอนนี้หน่วยสืบข่าวกรองกำลังเร่งตามหาคนกลุ่มนี้อยู่อย่างเร่งด่วน เพราะพวกมันสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก

“พวกเราจะหาท่านยายไม่เจอแล้วเช่นนั้นหรือ?” ไท่เฟยเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อได้รับรู้ว่าว่าท่านยายของตนถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไป

“ไม่ใช่อย่างนั้นพวกเราต้องท่านยายของเจ้าและคนอื่น ๆ พบอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่วันนี้ คนกลุ่มนี้มันระแวดระวังตัวเป็นอย่างมากจึงอยากแก่การสืบเสาะหา จึงต้องใช้เวลาเสียหน่อย” จิ้นฝานเอ่ยบอก เพราะหน่วยข่าวกรองเพิ่งเข้ามารายงานว่าใกล้ตามถึงรังของพวกมันแล้ว แต่หนทางของพวกมันช่างซับซ้อนและลึกลับเป็นอย่างมากจึงยากแก่การสะกดรอยตาม

“ข้ากลัวว่าท่านยายจะได้รับอันตราย” ไท่เฟยถึงแม้จะได้ยินเช่นนั้นก็ยังไม่วายที่จะเป็นห่วงผู้เป็นยายไม่ได้ กลัวว่าท่านจะได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายสารพัด

“ท่านยายของเจ้าต้องไม่เป็นอันใดแน่นอนเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ตอนนี้หน่วยข่าวของเรากำลังเร่งติดตามพวกโจรกลุ่มนั้นอยู่คาดว่าอีกไม่นานคงพบตัว” เย่วเทียนเอ่ยขึ้นมาอีกเสียง เพราะตอนนี้ต่อให้ออกค้นหาจนทั่วทั้งเมืองก็ไม่อาจหากลุ่มโจรลักพาตัวพวกนั้นได้ เพราะที่ซ่อนตัวของพวกมันช่างลึกลับยิ่งนัก

“จริงอย่างที่พี่เทียนเอ่ยมา ไท่เฟยเจ้าอย่าได้กังวลมากนักเลยตอนนี้เรากลับจวนกันก่อนเถิดนี่ก็ดึกมากแล้ว” เย่วซินเอ่ยบอก

“เอาเช่นนั้นก็ได้” ไท่เฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง นางไม่มีทางเลือกนอกจากรอฟังจากหน่วยข่าวกรองเพียงเท่านั้น ตอนนี้นางทำได้เพียงภาวนาให้ท่านยายของนางปลอดภัยเพียงเท่านั้น

หลังจากพูดคุยและตกลงกันได้เรียบร้อยทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับที่พักของตน เมื่อมาถึงยังจวนเย่วเทียนก็เล่าถึงเรื่องราวทั้งหมดให้บิดา มารดาและท่านปู่ของตนเองฟัง ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็มีสีหน้าตื่นตกใจกันอยู่ไม่น้อย

ตื้นลึกหนาบางของกลุ่มโจรที่ลักพาตัวเด็กและคนชรานี้พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่เท่าที่เห็นขอทานบางรายผ่านตามาบ้างนั้นนับว่าสภาพไม่ค่อยน่ามองสักเท่าไรนัก และที่คาดคิดไม่ถึงก็คือพวกขอทานนั้นคือคนที่ถูกกระทำและบังคับให้มาขอทาน เรื่องนี้พวกเขาก็เพิ่งรับรู้มาจากเย่วเทียนเมื่อครู่นี้เอง

วันนี้เย่วซินชวนไท่เฟยไปนอนด้วยกันเพราะกลัวว่านางจะคิดมากนอนไม่หลับและอาจจะคิดพิเรนท์ออกไปตามหาท่านยายของนางก็เป็นได้ เพราะไท่เฟยเป็นสตรีที่ไม่ได้อยู่ในกฎระเบียบอยู่แล้ว หากคิดวู่วามผลีผลามออกไปคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นแน่…

ทางด้านของเจิ้งอู่เสียงที่เดินทางยังแคว้นหนิงก็มุ่งหน้าไปยังฐานลับของพรรคอสรพิษทันที ฐานลับที่ว่านั้นก็คือกลุ่มชายฉกรรณ์ที่ทำหน้าที่หาเด็กและคนชรามาทำงานหาเงินเข้าฐานลับนั่นเอง

เครือข่ายของพรรคอสรพิษไม่ได้มีเพียงแค่นี้ยังมีกลุ่มลับที่ทำงานผิดกฎหมายบ้านเมืองอีกไม่น้อย ด้วยความที่มีพรรคอสรพิษหนุนหลังอยู่การกระทำใด ๆ ล้วนไม่ยากและทางการก็ไม่สามารถตามสืบหาถึงฐานลับได้เลย เพราะทางเข้าฐานลับนั้นค่อนข้างลึกลับซับซ้อนบวกกับพิษที่พวกมันทำกับดักเอาไว้อีกมากมาย

“คาราวะนายท่าน” กลุ่มชายฉกรรณ์โค้งคำนับให้กับผู้มาใหม่ด้วยความเคารพ

“พวกเจ้าตามสบายเถิด ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างได้คนมาเยอะหรือไม่” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยถามพรรคพวกของตน

เจิ้งอู่เสียงรู้ว่าผู้เป็นลุงอยู่เบื้องหลังการทำสิ่งผิดหมายบ้านเมืองหลายอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลยสักครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ที่เขาก้าวย่างเข้ามายังฐานลับแห่งนี้ก็เป็นเพราะยาสั่งของผู้เป็นลุง ที่เข้าครอบงำจิตใจของเขาจนหลงลืมซึ่งสติอันดีงามของตนไปเสียจนสิ้น

“ข้าน้อยคิดว่าพวกเราเจอของดีเข้าให้แล้วขอรับ” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ยรายงานให้ผู้เป็นนายได้รับฟัง

“ของดีอันใดหรือ?” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มยื่นป้ายหยกที่มีสัญลักษณ์รูปนกอินทรีย์สลายปีกให้กับผู้เป็นนายแล้วเอ่ย  “ป้ายหยกชิ้นนี้มียายแก่ผู้หนึ่งครอบครองมันไว้ข้าน้อยคิดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคอินทรีย์ก็เป็นได้ขอรับ”

เจิ้งอู่เสียงหยิบป้ายหยกขึ้นมาเขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งของป้ายหยกชิ้นนี้โชคดีที่พื้นที่ตรงนี้มีกลิ่นอายของสมุนไพรและพิษนานับประการไม่เช่นนั้นป้ายหยกชิ้นนี้คงจะนำความเดือดร้อนมายังฐานลับแห่งนี้อย่างแน่นอน

“ไม่ผิด ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของพรรคอินทรีย์อย่างที่เจ้าสงสัยแน่นอน ว่าแต่ยายแก่ที่เจ้าว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างไม่ใช่ว่าเจ้าทรมานนางเสียจนสภาพไม่น่ามองไปเสียแล้วเล่า” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน