คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 139

ตลอดเช้าจรดเย็นเย่วซินรอคอยการกลับมาของท่านยายเจาแต่ก็เหมือนจะไร้วี่แวว เพราะนี่ก็บ่ายคล้อยลงมากแล้ว ท่านยายสั่งเอาไว้ว่าจะออกไปตามหาหลานสาวเย็น ๆ ก็จะกลับมาพักที่โรงเตี๊ยมเช่นเดิม อีกอย่างตนก็ขึ้นไปดูด้านบนห้องแล้วเห็นว่าห่อผ้าของท่านยายยังวางอยู่ท่านยายไม่ได้เอาห่อผ้าไปด้วยแสดงว่าท่านตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะกลับมาที่นี่อีก

“คุณหนูอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยขอรับนางอาจจะกลับในช่วงค่ำ ๆ ก็ได้ หากนางกลับมาข้าจะต้อนรับนางอย่างดีคุณหนูโปรดไว้ใจข้าน้อย” หลงจู๊เอ่ยบอกผู้เป็นนายเพื่อคลายความกังวล

“ข้าไม่ได้เป็นห่วงว่าท่านจะดูแลท่านยายไม่ดี แต่ข้ากำลังเป็นห่วงว่าท่านยายจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเปล่า หรือว่าอาจจะเป็นลมเป็นแล้งไประหว่างตามหาหลานสาว” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยความกังวล

“แล้วคุณหนูจะทำเช่นขอรับสั่งข้าน้อยมาได้เลย”

“ลองให้คนออกไปดูใกล้ ๆ แถวนี้ก่อนเผื่อจะเจอ” เย่วซินเอ่ยสั่ง

“ได้ขอรับข้าน้อยจะให้คนออกไปตามหาประเดี๋ยวนี้เลย” หลงจู๊เอ่ยจบก็รีบจัดแจงให้เสี่ยวเอ้อร์ที่รู้จักหน้าคร่าตาของหญิงชราออกไปตามหาทันที

จิวองิที่ออกจากร้านอาภรณ์มารับน้องสาวของตน เมื่อเห็นว่าน้องสาวยังไม่ยอมมาขึ้นรถม้ากลับจวนจึงลงมาตามด้วยตนเอง

ในช่วงเย็นเหลาอาหารนั้นมีคนค่อนข้างมากไม่ต่างจากช่วงกลางวัน เมื่อจิวอิงเดินลงมาจากรถม้าก็พลันให้หลายสายตาต่างจับจ้อง หลายคนลมหายใจสะดุดเมื่อเห็นร่างงามเดินเยื้อย่างด้วยท่าทางอ่อนช้อยนุ่มนวล ทั้งหมดรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้ใดที่เดินเข้ามาเพราะข่าวลือเมื่อหลานวันก่อนไม่ผิดแน่เป็นหลานสาวของท่านหมอหมิงสตรีหน้าดำผู้นั้น แต่ตอนนี้นางไม่ได้หน้าดำแล้วแถมยังสวยปานล่มเมือง นับว่าเป็นบุญของพวกเขาแท้ๆ ที่เห็นสตรีที่งามล่มเมืองทั้งสองคนที่เหลาอาหารแห่งนี้

จิวอิงแม้จะขัดเขินอยู่บ้างแต่ก็นับว่ยังสามารถควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ได้ดี เพราะว่านางเป็นห่วงน้องสาวมากกว่าไม่รู้ว่าทำไมป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับจวนเสียที ท่านปู่ ท่านพ่อและคนอื่น ๆ คงกังวลกันแล้ว

จิวอิงขึ้นมายังห้องพักด้านบนชั้นสามที่เป็นห้องพักและห้องทำงานของน้องสาวเมื่อมาถึงก็เห็นว่าน้องสาวกำลังนั่งทำหน้านิ่วอยู่ในห้อง จิวอิงจึงเอ่ยถามน้องสาวทันที

“ซินเอ๋อร์ใยเจ้ายังไม่ยอมกลับจวนเล่าข้ารอตั้งนานแล้วหรือว่าเจ้ากำลังยุ่งเรื่องใดข้าพอจะช่วยเจ้าได้หรือไม่” จิวอิงเอ่ยถามน้องสาว

“ข้าไม่ได้ยุ่ง แต่ข้ากำลังรอท่านยายผู้หนึ่งนางหายออกไปจากโรงเตี๊ยมตั้งแต่เช้าป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ข้าเป็นห่วงจึงให้คนออกไปตามหานางใกล้ ๆ แถวนี้ดูก่อนเผื่อจะเจอ” เย่วซินเอ่ยบอกพี่สาว

“นางเป็นใครหรือทำไมเจ้าดูเป็นห่วงนางนัก” จิวอิงเอ่ยถาม

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านยายเป็นใครแต่ว่าข้าเป็นห่วงนางกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ท่านยายอายุมากแล้วเดินอยู่ในเมืองหลวงตัวคนเดียวก็อันตรายอยู่ไม่น้อย” เย่วซินเอ่ยบอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย

“เช่นนั้นข้าจะให้คนกลับไปแจ้งที่จวนว่าจะกลับช้าหน่อยพวกท่านจะได้ไม่ต้องห่วง” จิวอิงเอ่ยบอกจากนั้นก็ให้หยวนเค่อองครักษ์เงาของตนเองกลับไปแจ้งข่าวทันที

หลังจากที่รอกันอยู่พักหนึ่งคนของร้านก็กลับมาแจ้งว่าไม่พบเห็นสตรีชราเลยแม้แต่เงา ผู้คนในเมืองหลวงค่อนข้างมากมายจะถามไถ่ผู้ใดดูก็จะเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่ไม่น้อย

“ข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับท่านยาย อิงอิงพวกเราจะทำเช่นไรกันดี” เย่วซินเมื่อได้รับรู้ว่าไม่พบเจอตัวท่านยายเจาจึงให้รู้สึกร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรใยต้องสนใจท่านยายผู้นั้นนัก หรืออาจเป็นเพราะว่าสงสารเห็นว่าเป็นเพียงสตรีชราคนหนึ่งที่ตนช่วยเหลือเอาไว้ก็อาจเป็นไปได้

ถ้าหากกว่าเป็นแขกที่เข้ามาพักปกติที่ตนเองไม่ได้พูดคุยหรือให้ความช่วยเหลือก็อาจจะไม่รู้สึกร้อนใจหรือเป็นห่วงเช่นนี้ แต่นี่ท่านยายเจาตนเป็นคนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่แรกจึงรู้สึกเป็นห่วง

ทางด้านไท่เฟยหลังจากไม่ได้เจอผู้เป็นยายมาหนึ่งคืนวันนี้เลยตั้งใจว่าวันนี้จะมาหาที่ตรงเตี๊ยมเสียหน่อย ไท่เฟยเลยขอแยกตัวมาแต่พี่เย่วฉีก็ไม่ยอมจะตามนางมาให้ได้ ไท่เฟยจึงต้องยอมแต่โดยดี

ไท่เฟยบอกความจริงกับเย่วฉีแล้วว่าท่านยายของนางเดินทางมายังแคว้นหนิงและมาพักยังโรงเตี๊ยมของเย่วซิน นางบอกว่าท่านยายของนางต้องการที่จะเจอเย่วซินโดยที่ไม่ให้เย่วซินไม่รู้ว่าท่านยายเป็นใคร ไท่เฟยบอกกับเย่วฉีว่านางโดนท่านยายบังคับไม่ให้บอกเย่วซิน

เมื่อมาถึงยังโรงเตี๊ยมไท่เฟยและเย่วฉีเห็นว่ารถม้าของจวนยังจอดอยู่จึงรีบขึ้นไปยังชั้นบนทันทีเพื่อดูว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นเหตุใดทั้งสองคนถึงยังไม่กลับจวนเสียทีนี่ก็ค่ำแล้ว

“อิงเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ทำไมถึงยังไม่กลับจวนเสียทีมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือไม่” เย่วฉีเอ่ยถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน