คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 34

ร่างเล็กของบุรุษหน้าละอ่อนเดินย่างกายเตรียมเข้าร้านเป้าหมายอย่างตื่นเต้นยินดี แต่ดันมีมือดีมารั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

“คุณชายเย่วซินจะรีบไปไหนหรือ?”

“อะ...อง...พี่หยางปิง!” เย่วซินเอ่ยเสียงกุกกักอย่างตกใจเมื่อเจอคนที่ไม่ได้อยากเจอโดนบังเอิญ ถ้าเขาไปฟ้องพี่ชายงานนี้นางได้หูชาเป็นแน่ เอ๊ะ หรือว่าพวกเขาจะมาด้วยกัน เย่วซินหันซ้ายแลขวาเลิ่กลั่กมองหาคนที่อยู่ในความคิด

“ข้ามาคนเดียวพี่ชายเจ้าไม่ได้มาหรอก” หยางปิงเอ่ยบอกคนร่างเล็กอย่างรู้ทันความคิด เขาตามนางมาโดยบังเอิญ เห็นนางแต่งกายเช่นนี้จึงอยากรู้ว่าจะไปที่ใด ใครจะไปคิดว่านางจะกล้าหาญมาในที่แห่งนี้เพียงผู้เดียว

“ค่อยยังชั่ว” เย่วซินถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเอ่ยต่อ “ท่านมาห้ามข้าไว้ทำไมกัน”

“ข้าไม่ได้ห้ามแค่จะไปด้วยก็เท่านั้นตามข้ามาสิข้ามาเที่ยวบ่อยพวกนางคุ้นหน้าข้าเป็นอย่างดี” หยางปิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

เย่วซินเหลือกตามองบนอย่างเพลียใจกับคำพูดนั้น มันน่าอวดอ้างเสียที่ไหนเล่าเจ้าบุรุษเสเพล! “ดูท่านภูมิใจเสียเหลือเกินนะอนาคตจะหาสตรีข้างกายได้ไหม?”

“ใครสนใจกัน” หยางปิงไหวไหล่อย่างไม่สนใจพร้อมก้าวเท้าเดินเข้ามาด้านในทันที

ชิ...องค์ชายสายชิว? เย่วซินคิดอย่างหมั่นไส้แล้วเดินตามไปเช่นกัน

เย่วซินเดินเข้ามาอย่างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศในแบบที่นางไม่เคยพบเห็น มันช่างดูคึกครื้นสนุกสนานเฮฮาเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ยุคนี้แบ่งเพศไปหน่อยไม่ให้สตรีเข้ามาในสถานที่แบบนี้ ไม่เช่นนั้นคงจะดีกว่านี้ไม่น้อยเลย

“ข้าอยากนั่งดูบรรยากาศด้านล่าง” เย่วซินเอ่ยเมื่อเห็นว่าเขาจะให้แม่เล้าพาขึ้นไปด้านบนที่เป็นห้องส่วนตัวและมีราคาแพง

“ตามใจเจ้าแล้วกัน” หยางปิงเอ่ยพร้อมกับพากันมานั่งอยู่มุมหนึ่งซึ่งมองเห็นลานแสดงได้อย่างดีเยี่ยม เขามองร่างบางที่ตอนนี้แปลงโฉมมาในคราบคุณชายน้อยหน้าละอ่อน หยางปิงส่ายหน้าพร้อมกับยกยิ้มอย่างหน่ายใจ เย่วฉีเอ่ยบ่นกับเขาอยู่เสมอกับความซุกซนของนาง แต่ไม่คิดว่านางถึงขั้นหนีออกมาเที่ยวหอคณิกาเช่นนี้ ถ้าสหายของเขารู้เข้าจะทำหน้าอย่างไรกันนะ อยากรู้เสียจริง

“ขอเหล้าผลไม้หนึ่งกากับแกล้มสามอย่าง” เย่วซินเอ่ยสั่งหญิงงามตรงหน้าที่มารับหน้าที่บริการลูกค้า

“เจ้าจะดื่มเหล้าหรือ?” หยางปิงเอ่ยถาม

“ข้าดื่มไม่ได้หรือ?” เมื่อชาติที่แล้วนางดื่มบ่อยจะตายไป พอรู้ตัวว่าเริ่มมึน ๆ ก็หยุดนางรู้ลิมิทตัวเองอยู่หรอกว่าไปได้แค่ไหน ไม่กินเผื่อสุนัขอย่างแน่นอนรับรองได้

“อย่าดื่มจนเมาแล้วกัน” หยางปิงถอนหายใจ เขาแค่อยู่กับนางไม่ถึงเค่อต้องปวดหัวกับนางไปหลายรอบแล้วรู้สึกว่าตัวเองแก่ลงไปหลายปีอีกด้วย

อีกฟากหนึ่งของเวทีแสดงมีบุรุษใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั่งจิบสุราอยู่กับผู้ติดตามหนึ่งคนด้วยท่วงท่าสบายเฉกเช่นบุรุษเจ้าสำราญทั่วไป

“ญาติของเจ้ามาแน่หรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามซานจงคนสนิทของตน

“มาแน่ขอรับ” ซานจงเอ่ยบอกอย่างรู้กันในความที่สื่อ ญาติที่เอ่ยถึงไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่เป็นเป้าหมายที่ตนตามสืบอยู่เท่านั้น

“แล้วเรื่องหมอที่สามารถถอนพิษได้เล่าได้เรื่องหรือไม่ ไหน ๆ ก็มาที่แคว้นหนิงแล้วข้าอยากพบเสียหน่อย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามคนสนิท มีข่าวลือว่าฮองเฮาของแคว้นหนิงถูกวางยาพิษแต่มีท่านหมอคนหนึ่งรักษาเอาไว้ได้ เขาจึงได้เดินทางมายังแคว้นหนิงเพื่อสืบความเรื่องนี้อีกทีเผื่อว่าจะโชคดีเจอหมอที่สามารถถอนพิษในร่างกายได้

“เรื่องนี้มีข่าวลือต่าง ๆ มากมายขอรับข้าน้อยจะให้คนไปสืบอย่างละเอียดอีกที นายท่านขอรับดูเหมือนว่าญาติของข้าน้อยจะมากันแล้ว” ซานจงเอ่ยเมื่อเห็นว่าเป้าหมายกำลังเดินเข้ามาสองคน

“ใช่แน่หรือ?”

“แน่นอนขอรับ” ซานจงเอ่ยเมื่อสังเกตรูปร่างหน้าตาของเป้าหมายอย่างละเอียด

บุรุษสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีผ่อนคลาย วันนี้พวกตนมีนัดคุยเรื่องสำคัญและเงินดีไม่น้อย แต่เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจจนเกินไปจึงต้องเลือกมาคุยกันในสถานที่เช่นนี้แทน เพราะผู้คนมัวแต่ร่ำสุราเคล้านารีไม่ค่อยสนใจคนรอบข้างเสียเท่าไรจึงเหมาะแก่การคุยเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

“เจ้าว่าพวกเขาจะมาแน่หรือ?แล้วคราวนี้เป็นอะไรกัน เงินจะดีเหมือนคราที่แล้วหรือไม่” เสียงบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามสหาย

“มาแน่นอนเจ้าในเย็น ๆ จิบสุรารอไปก่อน” ทั้งสองคุยกันและจิบสุราอย่างเพลิดเพลินผ่านไปเพียงครูสหายที่นั่งดื่มสุราด้วยกันกับล้มลงกับพื้น ตัวแข็งเกร็งและริมฝีปากเริ่มมีสีม่วงคล้ำ ผู้คนรอบข้างต่างแตกตื่นตกใจ ลุกขึ้นยืนมองบางคนก็เข้ามาดูอาการ

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่วซินเอ่ยถามสหายสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

“เจ้าอย่าเข้าไปยุ่งเชียวนะ” หยางปิงพูดยังไม่ทันขาดคำร่างเล็กเดินตัวปลิวไปยังจุดเกิดเหตุเสียแล้ว หยางปิงรีบเดินตามไปทันทีเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว

เย่วซินที่เดินมาเห็นมีคนนอนอยู่กับพื้นเมื่อมองดูคร่าว ๆ ก็รู้ทันทีว่าเขาถูกพิษ และดูเหมือนว่าจะเป็นพิษชนิดเดียวกันกับที่ท่านปู่ของนางโดนเมื่อหลายวันก่อน

หรือว่าคนร้ายจะเป็นคน ๆ เดียวกัน คนผู้นี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่ เย่วซินคิดได้เช่นนั้นก็คิดจะรักษาคนเจ็บแต่อนิจจาดูเหมือนว่าเขาจะไม่รอดเสียแล้ว...

เย่วซินเห็นคนที่อยู่ด้านข้างทำท่าร้อนลนแปลก ๆ แล้วรีบวิ่งหนีออกไป นางคิดว่าถ้าไม่ใช่คนร้ายก็เป็นพวกเดียวกันกับคนที่ถูกพิษเมื่อครู่ เร็วกว่าความคิดก็เท้าของนางที่ตอนนี้วิ่งตามออกมาด้านนอกร้านและวิ่งเข้าตรอกเล็กตรอกน้อยลัดเลาะตามไปเรื่อย

ทางด้านหยางปิงที่หาคนตัวเล็กไม่เจอเพราะความวุ่นวายจนทำให้คลาดกัน ก็หัวเสียขึ้นมาทันทีเพราะความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ใดหรือว่ากลับจวนไปแล้ว หยางปิงคิดไปในทางที่ดี

เย่วซินวิ่งตามมาจนพบร่างของคนที่นางสงสัยนอนแน่นิ่งกองกับพื้นข้างทางจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการทันที เมื่อพบว่าเขายังหายใจอยู่จึงรีบหยิบโอสถระงับพิษป้อนใส่ปาก แล้วรีบหยิบมีดเล่มเล็กกรีดเข้าที่นิ้วมือทั้งสองข้างรีดเลือดพิษออกมาก่อน เย่วซินมองหาตัวต้นเหตุก็พบว่ามันคือผึ้งพิษแบบเดียวกับที่ท่านปู่โดนเมื่อหลายวันก่อนไม่ผิดแน่ เย่วซินหยิบผึ้งพิษออกจากตัวคนเจ็บแล้วนำใส่ขวดแก้วแต่ยังไม่ทันที่จะได้เก็บก็รู้สึกว่ามีบางอย่างพาดอยู่บนบ่าของตน

“หยุดมือเดี๋ยวนี้ถ้ายังไม่อยากตาย” ซานจงเอ่ยบอกคนร้ายที่กำลังจะฆ่าคนที่เขาตามตัวอยู่

เย่วซินชะงักมือตัวแข็งทื่อเมื่อจู่ ๆ ก็มีดาบมาขวางคอเอาไว้แถมยังคมมากอีกด้วยเงาวับเลยทีเดียว

“ค่อย ๆ หันมาช้า ๆ” ซานจงเอ่ย เขาจะผลีผลามไม่ได้ทุกคนล้วนเกี่ยวข้องต้องจับเป็นเท่านั้น

“ท่าน...ข้าไม่รู้ไม่เห็นเพียงผ่านมาเท่านั้น” เย่วซินเอ่ยบอกคนชุดดำที่ร่างกายใหญ่โตดูน่ากลัว เขาอาจเป็นคนร้ายที่ใช้แมลงพิษพวกนี้เป็นแน่ ซวยแล้วตรู..

“โกหกข้าเห็นว่าเจ้าวิ่งตามคนผู้นี้มา” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น จ้าวไท่เหว่ยมาตามสืบหาตัวคนที่วางยาพิษเขาเมื่อเดือนก่อน ข่าวของเขารายงานว่าพวกมันจะนัดเจอกันในที่แห่งนี้จึงเดินทางมาด้วยตนเอง วันนี้เขาไม่ได้สวมใส่หน้ากากเฉกเช่นเคยแต่เอาผมลงมาบดบังใบหน้าแทน เพราะต้องปลอมตัวเป็นคุณชายธรรมดา ถ้าเขาใส่หน้ากากผู้คนที่เคยพบเห็นต้องรู้แน่ว่าเป็นเขาประมุขพรรคอินทรีย์

“ เอ่อ...” เย่วซินจนกับคำพูดนางวิ่งตามคนผู้นี้มาจริง ๆ จะแก้ตัวอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้นเป็นแน่

“ซานจงนำตัวคนเจ็บกลับจวนแล้วตามหมอมาดูอาการ ส่วนข้าจะพาคนร้ายกลับไปเอง” จ้าวไท่เหว่ยคนสนิทข้างกาย

เย่วซินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทราบว่าพวกเขาไม่ใช่คนร้ายที่จะฆ่าคนผู้นี้ก็พลันโล่งอกแล้วรีบเอ่ยบอก “ข้าเป็นหมอรักษาเขาได้”

“จะให้ข้าเชื่อเจ้าหรือ เมื่อครู่เจ้าก็ยังโกหก” จ้าวไท่เหว่ยเดินเข้าใกล้บุรุษตรงหน้าพร้อมกับสกัดจุดเอาไว้ไม่ให้ได้พูดอีก จากนั้นก็หิ้วกลับจวนทันที การกระทำของเขารวดเร็วจนคนร้ายไม่ทันได้ขยับตัวหนีด้วยซ้ำเขามีจวนอยู่ทุกแคว้นเวลาที่ต้องเดินทางเรื่องงานหรือสืบความลับบางอย่างก็เข้าพักได้เลย

เย่วซินที่โดนกระทำอย่างไม่ทันตั้งตัวก็พลันให้เกิดความกลัวขึ้นมา ตอนนี้ร่างกายนางขยับไม่ได้ จะหยิบพิษมาใช้ได้อย่างไรต้องหาวิธีให้ไอ้บ้านี่คลายจุดเสียก่อน คนอะไรตัวใหญ่แถมพลังเยอะอีกต่างหาก หิ้วนางกระโดดขึ้นหลังคา ขึ้นกำแพงโอ๊ย...เวียนหัวจะอ้วกอยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน