บนภูเขาลูกหนึ่งไม่ขึ้นกับแคว้นใดปกครองโดยประมุขพรรคอินทรีย์ พรรคอินทรีย์เป็นพรรคที่แข็งแกร่งที่สุด บรรดาพรรคต่างๆให้ความเคารพยำเกรงไม่มีใครกล้ายุ่งหรือทำให้โกรธเคืองเป็นอันขาด เคยมีพรรคขนาดใหญ่อยู่หนึ่งพรรคที่อยากครอบครองความแข็งแกร่งอันดับหนึ่ง จึงหาทางกำจัดพรรคอินทรีย์แต่พรรคนั้นกลับโดนถล่มเสียจนไม่เหลือซากแม้กระทั่งที่ตั้งของพรรคยังหายวับไปกับตาภายในคืนเดียวเท่านั้น
ไม่เพียงความแข็งแกร่งข่าวลือเรื่องท่านประมุขพรรคอินทรีย์รูปโฉมงดงามราวเทพเซียนนั้นก็โด่งดังในเหล่ายุทธภพไม่แพ้กัน แต่ก็มีข่าวลือที่ว่าท่านประมุขไม่นิยมชมชอบสตรี เป็นบุรุษตัดแขนเสื้อเพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้ที่พรรคอินทรีย์ขายสาวใช้ออกมาทั้งหมดเหลือไว้เพียงบ่าวชายเพียงเท่านั้น แต่สตรีบางคนที่เคยพบเห็นตอนที่ท่านไปเยือนสำนักต่างๆไม่เชื่อในข่าวลือและยังแอบหลงใหลในรูปโฉมนั้นอย่างไม่อาจสลัดออกไปจากหัวและความคิดได้ แม้ไม่อาจเอื้อมถึงขอแค่ละเมอเพ้อฟันอยู่ในห้วงความคิดของตนเพียงเท่านั้นก็ยังดี
“ท่านประมุขโอสถระงับพิษขอรับ” ซานจิ่นองครักษ์ข้างกายยื่นเม็ดยาระงับอาการปวดทรมานของพิษที่นายของตนได้รับเมื่อเดือนก่อน พิษชนิดนี้ผู้ที่ได้รับจะมีอาการร้อนลุ่มสลับหนาวเย็น คล้ายคนโดนยาปลุกกำหนัด แต่ถ้าได้ปลดปล่อยบนเรือนร่างสตรีพิษชนิดนี้ก็จะไม่สร้างความทรมานในคืนนั้น แต่ถึงกระนั้นพิษชนิดนี้หากปล่อยเอาไว้นานวันเข้าโดยที่ไม่ได้รับยาถอนพิษ จะทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ลมปราณติดขัดและอาจถึงขั้นใช้ปราณไม่ได้อีกเลย
“ซานจิ่นเจ้าจะลงมือเมื่อใด” ประมุขพรรคอินทรีย์นามว่าจ้าวไท่เหว่ย อายุยี่สิบเจ็ดปีเอ่ยถามคนข้างกายที่เขาเก็บมาได้เมื่อสิบห้าปีก่อนในเขตป่าทึบ ตอนนั้นเขาและท่านตาเดินทางกลับจากการล่าสัตว์อสูรในเขตป่าหมอกมายา ระหว่างเดินทางกลับได้พบเห็นการต่อสู้ระหว่างชายชุดดำมีฝีมือนับสิบคนกำลังรุมสังหารคนผู้เดียวในป่า
ชายคนนั้นแม้มีเพียงคนเดียวแต่กลับสังหารคนนับสิบที่มีฝีมือได้นับว่าเก่งกาจไม่น้อย ท่านตาไม่คิดยื่นมือช่วยแต่เขาเห็นความสามารถและถูกใจไม่น้อยจึงเข้าช่วยชีวิตเอาไว้ ในขณะที่กำลังจะหมดลมหายใจและเอากลับมารักษาที่พรรคอินทรีย์จนหายดี
และเพื่อเป็นการตอบแทนชายคนนั้นยินดีมอบชีวิตที่เหลือให้เขาแต่ขอร้องเพียงข้อเดียวช่วยเหลือคนผู้หนึ่ง จ้าวไท่เหว่ยเห็นแววตาความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ถ้าเขาไม่ยอมตกลงในครานั้นชายคนนั้นคงยอมปลิดชีพตนเองดีกว่ามีชีวิตอยู่เป็นแน่นับว่ามีความภักดีอยู่ไม่น้อย เขาจึงตอบตกลงและตั้งชื่อใหม่ให้ว่าซานจิ่น
“อีกหนึ่งเดือนขอรับ เดือนหน้าจะมีคณะทูตต่างดินแดนมาเยือนแคว้นหนิง ฮ่องเต้แคว้นหนิงจึงส่งสารให้อีกสามแคว้นเข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนการค้ากัน ถึงตอนนั้นเหล่าทหารและองครักษ์ต้องคุ้มกันลูกสุนัขเดินทางมายังแคว้นหนิง ข้าน้อยจะลงมือตอนนั้นขอรับ” ซานจิ่นเอ่ย ท่านประมุขนับว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ต้องตอบแทนด้วยชีวิต แต่กระนั้นตนก็ไม่อาจหลงลืมผู้เป็นนายที่คอยเลี้ยงดูมาได้ องค์รัชทายาทแคว้นหาน หานเสวี่ยถังตนต้องช่วยเหลือออกมาจากที่คุมขังให้ได้
หลายปีมานี้ตนได้สืบเรื่องราวและหาผู้เหลือรอดชีวิตจากการก่อกบฏในครั้งนั้นและส่งเข้าแฝงตัวอยู่ในนั้นคอยรายงานความเคลื่อนไหวและรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือองค์รัชทายาท อีกไม่นานความหวังขอตนก็จะได้ลงมือเสียทีหลังจากที่รอมายาวนาน
“เจ้านำหน่วยลับอินทรีย์ไปช่วยจัดการจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด งานนี้นับว่ายิ่งใหญ่นักสำหรับเจ้าศัตรูไม่ใช่เฉพาะคนในราชวงศ์แต่ยังมีพรรคใหญ่อย่างพรรคอสรพิษคอยสอดมือช่วยเหลืออยู่” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย ใบหน้าคมเกลี้ยงเริ่มซีดเซียวเพราะฤทธิ์ยาพิษถึงแม้จะได้ยาระงับแต่ใช่ว่าอาการเหล่านั้นจะหายไปได้โดยง่าย
“ขอบพระคุณมากขอรับท่านประมุขท่านดีต่อข้าน้อยยิ่งนัก แต่ตอนนี้ท่านลงไปแช่ในน้ำเย็นก่อนเถิดขอรับ” ซานจิ่นเอ่ยบอกผู้เป็นนาย เมื่อเห็นว่าใบหน้าเริ่มซีดเซียวและมีเหงื่อผุดตามกรอบหน้า ท่านประมุขถูกพิษมานานนับเดือนแล้ว หมอฝีมือดีของทางพรรคอินทรีย์ก็ไม่อาจช่วยขับพิษออกมาได้ เพราะท่านเชี่ยวชาญด้านรักษาทั่วไปมากกว่าจึงได้แต่ปรุงยาระงับอาการเอาไว้ให้เพียงเท่านั้น
จ้าวไท่เหว่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยมีซานจิ่นช่วยถอดอาภรณ์ออกให้ พรรคอินทรีย์ไม่มีบ่าวรับใช้เป็นสตรีแม้กระทั่งในโรงครัวยังเป็นบุรุษทั้งหมด เมื่อร่างกายกำยำสมส่วนก้าวลงถังน้ำขนาดใหญ่ที่ใส่น้ำเย็นจัดเอาไว้จนควันสีขาวพวยพุ่งออกมาทำให้ความร้อนในร่างกายทุเลาลงได้มาก
จ้าวไท่เหว่ยหลับตานิ่งพลางนึกถึงสตรีที่อาจหาญวางยาพิษชนิดนี้ เขาอยากปลุกวิญญาณนางมาเข้าร่างอีกครั้งแล้วฆ่าทิ้งซ้ำๆให้หายแค้นยิ่งนัก
เขาเกลียดสตรีทุกคน เกลียดสายตาหยาดเยิ้มที่มองเขาด้วยความหลงใหลและอยากครอบครองนั่น เขาจึงต้องสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่ตลอดยามที่ต้องออกจากพรรคเพื่อปิดบังจากสายตาพวกนั้น ถึงกระนั้นก็ไม่วายโดนจับจ้องอยู่ดีสตรีพวกนั้นดูจะฉลาดไม่น้อยที่พอรู้ว่าเป็นเขาคือประมุขจ้าวไท่เหว่ยพวกนางก็คาดเดาความน่าหลงใหลภายใต้หน้ากากนั้นได้ พอนึกถึงสตรีจ้าวไท่เหว่ยจึงเอ่ยถามองครักษ์ข้างกาย
“ซานจิ่นเจ้ายังติดตามข่าวของสตรีผู้นั้นอยู่หรือไม่”
“ตามอยู่ขอรับ เมื่อเดือนก่อนมีความเคลื่อนไหวบางอย่างในจวนแม่ทัพซู ข้าน้อยจึงลงไปสืบความด้วยตัวเอง พบว่าแท้จริงแล้วคนที่ข้าน้อยตามหาอาศัยอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่แรกเพียงแต่พวกนางอยู่กันอย่างเงียบๆไม่มีผู้รู้เห็นมากนักจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น แต่ตอนนี้ข้าน้อยได้ข่าวว่าพวกนางหลบหนีมายังแคว้นหนิงขอรับ” ซานจิ่นเอ่ยเล่าเรื่องราวให้ผู้เป็นนายได้รับรู้ แม้ท่านประมุขจ้าวจะไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือโดยตรง แต่ท่านก็เอื้ออำนวยให้ความอิสระและทหารลับบางส่วนไว้คอยช่วยเหลือ
“เจ้านับว่ามีความอดทนอยู่ไม่น้อยนี่ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ช่วงนี้เจ้าคงวุ่นหลายอย่างให้ซานจงมาช่วยดูแลข้าแทนเจ้าก็ไปจัดการงานให้เรียบร้อย” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกคนข้างกาย
“ขอรับท่านประมุข”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...