“เพล้ง...เพล้ง...” เสียงของแตกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ห้องของคนป่วย เย่วซินกว่าจะเดินทางมาถึงพรรคอินทรีย์ก็ปลายยามเซินแล้ว(15.00-16.59 น.) เพราะหลังจากเดินพ้นหมอกพิษมาได้ท่านประมุขจ้าวก็อาการร่อแร่จนต้องเร่งสกัดพิษออกและพักฟื้นให้พลังปราณกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ไม่เพียงไม่ได้ความดีความชอบที่ช่วยถอนพิษให้แถมยังโดนคาดโทษเอาอีกต่างหาก
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?ท่านเกาซูหลาง” เย่วซินรีบวิ่งมาดูเห็นท่านเกาซูหลางยืนหน้าซีดเผือดอยู่หน้าประตูห้องคนป่วย
“คุณหนู...ท่านมาแล้ว ข้าดีใจยิ่งนักนายท่านอาละวาดไม่เว้นวันแถมพูดจาไม่รู้เรื่องอีกต่างหากสงสัยอาการจะกำเริบขึ้นมาอีกขอรับ...เอ่อใบหน้าของท่าน...” เกาซูหลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน เมื่อมองหน้าหญิงสาวชัดเจนก็พลันตกใจจะเอ่ยถามแต่หันไปเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินตามมาก็เอ่ยทัก “คาราวะท่านประมุขจ้าวขอรับ”
“เขาอาการหนักขึ้นอีกแล้วหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถาม
“ขอรับ” เกาซูหลางเอ่ยตอบ
“ข้าขอเข้าไปดูเขาหน่อยแล้วกัน” เย่วซินเอ่ย
“ระวังตัวด้วยนะขอรับคุณหนูนายท่านไม่มีสติเลย” เกาซูหลางเอ่ยเตือน
“ขอบคุณเจ้าค่ะข้าจะระวังตัว” เอ่ยจบร่างบางก็เปิดประตูเข้ามาด้านใน เห็นร่างผอมถูกมัดมือข้างหนึ่งอย่างแน่นหนา แต่อีกมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระดวงตาของท่านลุงยามนี้ช่างเกรี้ยวกราดไม่มีสติเอาเสียเลย
“ท่านลุงข้ามาแล้ว” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นสดใส
“อย่าเข้ามาออกไป!!...พวกคนชั่ว” เสียงทุ้มแหบแห้งเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านลุงใจเย็นๆก่อน ท่านจำข้าไม่ได้หรือ? เหม่ยเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ” เย่วซินพยายามเกลี้ยกล่อมคนป่วยให้สงบสติ
“ไม่ใช่...เจ้าไม่ใช่ เหม่ยเอ๋อร์ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดเช่นนี้”
เย่วซินชะงักในคำพูด ท่านลุงจะพูดตรงเกินไปแล้วแม้มันจะเป็นความจริงก็เถิด เย่วซินคิดในใจโดยที่ไม่ทันระวังถ้วยใส่อาหารก็ถูกลอยตรงมายังด้านหน้าระยะประชั้นชิด และคาดการเอาไว้แล้วว่าน่าจะหลบไม่ทัน เย่วซินหลับตาเกร็งตัวอย่างฉับไวเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวด แต่...ทำไมมันไม่เจ็บเสียที เย่วซินลืมตาขึ้นมามอง
“ท่านประมุข...”
“เมื่อครู่บอกจะระวังถ้าข้ามาช้าสักหน่อยเจ้าคงได้เจ็บตัว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตำหนิร่างเล็กที่ไม่ระวังตัว ถ้าเขาเอาตัวเองมาบังไว้ไม่ทันป่านนี้นางคงได้หัวแตกแล้วกระมัง
“ท่านลุงจำข้าไม่ได้แถมยังว่าข้าว่าน่าเกลียดอีก” เย่วซินเอ่ยเสียงเศร้าด้วยความน้อยใจท่านลุงที่จำกันไม่ได้นางอุตส่าห์คิดถึงเขาจนต้องรีบเดินทางมา
จ้าวไท่เหว่ยเห็นดวงตากลมโตเศร้าลงก็นึกสงสาร เลื่อนสายตาลงมาที่รอยแดงข้างแก้มพร้อมยกมือขึ้นมาลูบไล้แผ่วเบาอย่างลืมตัว ใครจะมองว่ามันน่าเกลียดแต่สำหรับเขามันไม่สำคัญเลยสักนิด จ้าวไท่เหว่ยใช้ความคิดอยู่ในภวังค์แต่ต้องตกใจและรีบผละมือออกเมื่อมีเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา
“ท่านประมุข คุณหนูเย่วซิน บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ” เป็นเสียงของซานจิ่นที่เอ่ยถาม เขาและซานจงออกตามหาท่านประมุขไปทั่วจนได้รับสัญญาณจึงรีบเดินทางกลับมายังพรรคทันที
“ข้าและนางปลอดภัยดี” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบ
“คุณหนูนายท่านอาการไม่ดีเลยขอรับ” ซานจิ่นเอ่ยเมื่อมองไปยังร่างซูบผอมที่ถูกมัดมือเอาไว้ข้างหนึ่ง
เย่วซินมองคนป่วยพร้อมหยิบผงยานอนหลับชนิดอ่อนออกมาแล้วสะบัดใส่คนป่วยทันที นางต้องทำเขาสงบลงก่อนจากนั้นถึงจะได้ทำการรักษาได้ เมื่อคนป่วยเริ่มอาการมึนงงคล้ายคนง่วงนอนใกล้จะหลับเต็มทน เย่วซินจึงป้อนยาบำรุงเข้าไปหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ฝังเข็มลดอาการเครียดของคนป่วย
“กว่าจะตื่นขึ้นมาก็คงดึกพวกท่านไปพักก่อนเถิด” เย่วซินบอกเกาซูหลางและซานจิ่นที่แสดงสีหน้ากังวล ท่านเกาซูหลางค้อมศีรษะและเดินออกไปจากห้องทันทีอย่างว่าง่ายคงเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันเพราะขอบตาของเขาดำเป็นหมีแพนด้าเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...