อ่านสรุป บทที่่ 66 แผนการของจิวอิง จาก คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บทที่ บทที่่ 66 แผนการของจิวอิง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ คู่แฝดคู่ป่วน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หยางหลงเมื่อได้รับรายงานก็รีบเดินทางมาหาคนรักทันทีพร้อมกับสหายเย่วเทียน เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเท่าใดนักจึงได้วางกำลังลับอยู่ตามจุดต่างๆเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
“คนร้ายคงคิดว่าเจ้าคือเย่วซินจึงคิดจะกำจัด” เย่วเทียนเอ่ยบอกน้องสาวบุญธรรมที่ยามนี้นางไม่ได้ทาหน้าดำอีกแล้วใครๆจึงคิดว่านางคือเย่วซิน
“โชคดีที่เย่วซินไม่อยู่มิเช่นนั้นนางคงลำบากแน่” จิวอิงเอ่ยพลางคิดถึงน้องสาวตัวแสบขึ้นมานางไม่ได้ฝึกวรยุทธ์แถมพลังปราณก็ไม่มีถ้าโดนลอบทำร้ายมีหวังได้เจ็บตัวเป็นแน่
“เจ้ากลัวหรือไม่อิงเอ๋อร์” หยางหลงเอ่ยถามคนรักด้วยความห่วงใย
“หม่อมฉันไม่กลัวเพคะ” จิวอิงเอ่ยพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้
“ตามจริงพี่อยากให้เจ้ารีบเดินทางไปหาซินเอ๋อร์โดยเร็ว เพราะอยู่ที่พรรคอินทรีย์เจ้าจะปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่ แต่พี่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะคนร้ายมันจ้องเล่นงานอยู่ถ้าเจ้าเดินทางตอนนี้เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย” เย่วเทียนเอ่ยบอกน้ำเสียงเป็นกังวล
“ถ้าเรามัวแต่หนีเรื่องนี้คงไม่จบสู้เราหลอกล่อพวกมันไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ” จิวอิงเอ่ย ถ้าเราไม่หลอกล่อให้พวกมันมาติดกับดัก เราเองจะเป็นฝ่ายติดกับคนพวกนั้นจิวอิงคิดเช่นนี้ในใจ
“เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?” หยางหลงเอ่ยถาม
“ในเมื่อพวกมันอยากกำจัดซินเอ๋อร์ข้าก็จะให้พวกมันได้สมหวัง” จิวอิงเอ่ย
“เจ้าคิดจะเอาตัวเองไปเสี่ยงชีวิตเช่นนั้นหรือ?ข้าไม่ยอมหรอกมันอันตรายเกินไป” หยางหลงเอ่ยค้านทันทีเมื่อได้ฟังแผนการของร่างบาง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้แต่เขาเลี่ยงที่จะไม่ใช้มันต่างหาก
“แต่ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้แผนการของพวกมันก็ไม่เดินหน้าแล้วเราจะจับตัวคนร้ายได้อย่างไร” จิวอิงเอ่ยแย้ง
“ข้าไม่ยอมให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด อย่างไรก็ไม่ยอม” หยางหลงเอ่ยเสียงเข้มใบหน้าบึ้งตึง
“เอาล่ะๆอย่าเถียงกันเลยเราค่อยวางแผนเรื่องนี้กันอีกที” เย่วเทียนเอ่ย หลังจากอยู่พูดคุยกันได้อีกชั่วครู่ทั้งสองก็กลับไปทำงานของตนเองต่อและไม่ลืมกำชับให้องครักษ์ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
“คุณหนูจะเดินทางไปหาคุณหนูรองหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยถาม
“ตอนนี้คงยังไปไม่ได้ข้าจะแจ้งกับนางอีกที” จิวอิงเอ่ย
“คุณหนูรองคงเหงาแย่เลยไปอยู่ที่นั่นคนเดียว” เสี่ยวชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพลางคิดถึงความซุกซนและความน่ารักสดใสของคุณหนูรอง
“อดทนอีกนิดนะเจ้าคะพี่เสี่ยวชิง” จิวอิงเอ่ยปลอบ นางเองก็คิดถึงน้องสาวไม่น้อยเช่นกัน
หลายวันต่อมาเหล่าคณะทูตจากแคว้นต่างๆได้เดินทางกลับแคว้นของตนหลังจากที่เจรจาการค้ากันเรียบร้อย ก่อนเดินทางกลับแคว้นฉินซูหลวนซานได้ไปเยือนยังจวนตระกูลหมิงเพื่อคาราวะท่านหมอหมิงและเอ่ยล่ำลากัน เพราะนับจากนี้จะได้มีโอกาสพบกันนับว่าไม่ง่าย...
“พี่เสี่ยวชิงวันนี้อยู่ที่จวนไม่ต้องตามข้าไปร้านนะเจ้าคะ” จิวอิงเอ่ยบอก
“ทำไมหรือเจ้าคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ดอกโม่ลี่ของซินเอ๋อร์ที่ตากเอาไว้มีจำนวนมากแล้วพี่เสี่ยวชิงช่วยจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยอย่างเคยเราจะได้ส่งไปให้ซินเอ๋อร์ที่พรรคอินทรีย์ นางไปหลายวันแล้วป่านนี้ของที่เตรียมไปคงใกล้หมด” จิวอิงเอ่ยบอก ที่จริงนางไม่อยากให้พี่เสี่ยวชิงเดินทางไปร้านด้วยเพราะเกรงว่าถ้าคนร้ายเริ่มลงมืออีกพี่เสี่ยวชิงจะเกิดอันตรายได้
“แต่คุณหนูเดินทางไปคนเดียวจะดีหรือเจ้าคะ บ่าวเป็นห่วง” เสี่ยวชิงเอ่ย
“ข้าเอาตัวรอดได้พี่เสี่ยวชิงไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ” จิวอิงเอ่ย
หลายวันมานี้ยามเดินทางออกจากจวนมักจะมีพี่ชายบุญธรรมทั้งสองผลัดเวรกันไปส่งที่ร้านอยู่สม่ำเสมอ แต่วันนี้ทั้งสองติดงานด่วนจึงต้องรีบออกไปก่อนและสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปร้านอย่างเด็ดขาด จิวอิงคิดว่าวันนี้เป็นวันสะดวกที่คนร้ายจะต้องลงมืออย่างแน่นอน จึงได้ขัดคำสั่งและจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเอาไว้เป็นอย่างดีกับงานใหญ่ข้างหน้า..
พรรคอินทรีย์
หลายวันมานี้เย่วซินรู้สึกหดหู่หัวใจเป็นอย่างมากเนื่องจากคำสั่งของประมุขจ้าวหลังจากที่โดนพิษเสียงล่องหน แทนที่จะให้นางเลิกทำอาหารกลับให้ทำต่อและอาหารทุกอย่างนางต้องกินกับเขาอีกด้วย ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนประมุขจ้าวผู้นี้ไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ
ตอนนี้ท่านลุงหานเสวี่ยถังอาการดีขึ้นไม่อาละวาดเหมือนก่อน แต่ท่านก็ยังไม่สามารถควบคุมสติให้กลับมาเหมือนเช่นปกติได้คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ตั้งแต่ท่านลุงจำนางไม่ได้หน้าที่ดูแลจึงเป็นของท่านเกาซูหลางแต่กระนั้นนางก็ยังไปเฝ้าดูแลยามท่านหลับอยู่เสมอทุกค่ำคืน
“วันนี้ข้าจะออกไปท่าเรือสินค้าไม่ต้องเตรียมมื้อเที่ยงไว้รอ” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยขณะนั่งทานอาหารเช้ากับสตรีตัวแสบ จะไม่ให้เรียกเช่นนี้ได้อย่างไรนางถึงกับกลั่นแกล้งวางยาพิษทำให้เสียงหายไปถึงสามวันทำเอาวุ่นวายกันไปหมด
“ท่าเรือสินค้าหรือเจ้าคะ ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่” เย่วซินเอ่ย อาฉีเล่าให้ฟังว่าท่าเรือมีชาวอิงแลนด์นำสินค้ามาขายมากมายหลายอย่างแต่นางยังไม่มีโอกาสได้ไปดูเลยสักครั้ง
“เปล่าขอรับข้าน้อยหัวเราะคุณหนูเย่วซินต่างหาก” ซานจิ่นเอ่ยแก้ตัว
“เจ้าติดนิสัยนางแล้วหรือ? วันนี้เจ้าและซานจงไม่ต้องตามข้าไป คอยดูแลพรรคให้ดีช่วงนี้เหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ”
“ขอรับท่านประมุข”
จ้าวไท่เหว่ยเดินทางด้วยวิชาตัวเบาขั้นสูงของตนเพราะเขตที่ตั้งพรรคอินทรีย์อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง แต่เมื่อถึงเขตเมืองก็เปลี่ยนมาใช้ม้าแทน
เย่วซินขี่ม้าไม่เป็นจึงต้องนั่งเกาะด้านหลังคนร่างสูงแต่ด้วยความเร็วที่เขาใช้นั้นไม่ธรรมดานางจึงกอดเอวเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก นาทีนี้ไม่หลงเหลือคำว่าสตรีไม่ควรใกล้ชิดบุรุษเพราะมันเกินคำนั้นมานานแล้วตอนนี้เรียกว่าแนบแน่นเลยก็ว่าได้
“เจ้ารัดแน่นเกินไปแล้ว ข้าหายใจไม่ออก” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกคนตัวเล็กด้านหลังที่กอดรัดเขาเสียแน่นจนอึดอัด
“ท่านก็ขี่ช้าลงหน่อยสิข้ากลัวตก” เย่วซินเอ่ยบอก
“ขี่ช้าแล้วเมื่อไรจะถึง ท่าเรือออกนอกเมืองไปอีกไกล” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอก
“ท่านไม่ลดความเร็วข้าก็จะกอดท่านเอาไว้อย่างนี้แหละ” เย่วซินเอ่ยอย่างหน้าไม่อาย
“สตรีหน้าไม่อาย..” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยคำสั้นๆไม่เบานักให้คนด้านหลังได้ยิน
“เพิ่งรู้หรือเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยยอมรับแบบไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง เพราะมันคือเรื่องจริง
จ้าวไท่เหว่ยถอนหายใจเมื่อได้ยินคำตอบ เขาไม่ได้ลดความเร็วของม้าลงแต่มือใหญ่เกี่ยวแขนคนตัวเล็กแล้วดึงด้วยความเร็วเอาตัวนางมาไว้ด้านหน้าแทน
“ท่าน!!..ทำอะไรไม่บอกข้าก่อน ข้าเกือบหัวใจวายตายแล้วนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยต่อว่าเสียงดังเพราะเรื่องเมื่อครู่ที่เขาทำจนนางเกือบหัวใจวายตาย
“ก็แค่เกือบยังไม่ตายเสียหน่อยโวยวายไปได้” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมานางคงโกรธเขาก็ดีเหมือนกันเขาจะได้มีสมาธิมากขึ้น คิดได้ดังนั้นก็เร่งความเร็วม้าเพิ่มขึ้นเพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...