สิบผู้กล้าและสี่ตัวสารองแห่งใต้หล้ายุคบรรพกาล ตอนนี้ตัว สารองสองคนต่างก็อยู่ที่นี่ นั่นคือหลี่เซิ่งและอาจารย์ซานซานจิ่วโหว
จากการแบ่งขอบเขตและตบะน่าจะมีทั้งหมดสามอันดับ อันดับ แรกย่อมต้องเป็ นหลี่เซิง อาจารย์ซานซานจิ่วโหว เจิ้งจวีจง ผู้ฝึกตน ทั้งสามท่านนี้ต่างก็เป็ นขอบเขตสิบสี่
ต่อมาจึงเป็ นอวี๋เสวียน หลวี่เหยียน ป๋ ายจิ่ง เสี่ยวโม่ที่ต่างก็ยัง ไม่ได้ผสานมรรคาขอบเขตสิบสี่
คนที่อยู่รั้งท้ายสุดแน่นอนว่าต้องเป็ นเฉินผิงอันที่ไม่ใช่แม้กระทั่ง ห้าขอบเขตบน
มีเพียงหลี่ซีเซิ่งเท่านั้นที่สถานะค่อนข้างพิเศษ ยากที่จะแบ่ง ขอบเขตและตบะที่แท้จริงของเขาได้
หากคิดค านวณแค่จากอายุอย่างเดียวก็น่าจะเรียงล าดับเป็ น อาจารย์ซานซานจิ่วโหว เสี่ยวโม่ ป๋ ายจิ่ง หลี่เซิ่ง อวี๋เสวียน หลวี่เห ยียน เจิ้งจวีจง หลี่ซีเซิ่ง เฉินผิงอัน
ในสายตาของปรมาจารย์มหาปราชญ์แล้ว หลี่ซีเซิ่งในทุกวันนี้ โค่วหมิงเจ้าลัทธิใหญ่แห่งป๋ ายอวี้จิงในอนาคต กับเจิ้งจวีจงแห่งนคร
จักรพรรดิขาว ฉุนหยางหลวี่เหยียน พวกเขาต่างก็มีหวังที่จะเลื่อนติด อันดับเป็ นสิบผู้กล้าในอนาคต
ดังนั้นไม่ว่าจะนับกันอย่างไร เฉินผิงอันก็ล้วนเป็ นคนที่อยู่อันดับ สุดท้ายเสมอ
เพียงแต่ว่าแม้จะอายุยังไม่มาก ทว่ากลับเคยประสบพบเจอ เรื่องราวมาหลากหลายเฉินผิงอันจึงไม่ถึงขั้นตระหนกลนทาอะไรไม่ ถูก จิตแห่งมรรคานิ่งสงบดุจน้านิ่ง ควรทาอะไรเขาก็จะทาอย่างนั้น
เมื่อเฉินผิงอันได้รับคาเตือนจากเจิ้งจวีจงก็เก็บดวงจิตแต่ละดวง เล็กใหญ่ไม่เท่ากันที่แบ่งกระจายกันออกไปพวกนั้นกลับคืนมา
สายเรือนไม้ไผ่ของภูเขาลั่วพั่วบ้านตัวเอง “เฉินผิงอัน” ที่เดิมที ก าลังคัดต าราลัทธิเต๋าพลันมีสีหน้าทึ่มทื่อ เปลี่ยนมาเป็ นแข็งค้าง นิ่ง ค้างอยู่ในท่ายกพู่กันเขียนต าราอยู่นาน
ฐานที่ตั้งของกองทัพอวี๋โจวต้าหลี เรือนกายของผู้ฝึกตนคนหนึ่ง ร่ายเวทดาดิน หาถ้าแห่งหนึ่งจากในร่องผนังหินของป่ าร ้างว่างเปล่า ไร ้ผู้คนได้เจอ เรือนกายก็เหมือน “จักจั่นลอกคราบ” ในชั่วพริบตา ถึงกับเป็ นยันต์แทนตัวแผ่นหนึ่ง
ในอาณาเขตของขุนเขาตะวันตกของแจกันสมบัติทวีป ในเมือง ที่คึกคักแห่งหนึ่งของเมืองหลวงแคว้นใต้อาณัติต้าหลี นักพรตวัย กลางคนที่ไปตั้งแผงดูดวงและช่วยเขียนจดหมายทางบ้านให้กับ ลูกค้ามาหาเงินอยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วย
ตรวจสอบชะตาชีวิตคู่ให้กับชายหญิงที่ค่อนข้างแม่นยา นักพรต พเนจรผู้นี้ชอบดื่มเหล้า มักจะยกน้าเต้าบรรจุเหล้าขึ้นดื่มอีกใหญ่ แล้วจู่ๆ หัวก็พลันโขกโต๊ะ นอนหลับส่งเสียงกรนดังลั่น
ผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่นคนหนึ่งกาลังชมทัศนียภาพอยู่ในโรงเตี้ยม ตระกูลเซียนของแคว้นชิงซิ่งรีบกลับไปที่ห้องตัวเอง ปิ ดประตูลั่น นั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง สองมือวางทับซ ้อนกันไว้บนหน้าท้อง หลับสนิท
ในอาณาเขตของภูเขาตะวันเที่ยง เมื่อปีก่อนมีผู้ฝึกลมปราณที่ ไม่ได้ถูกรับเข้าไปอยู่ในท าเนียบของยอดเขาต่างๆ อาศัยตบะ ขอบเขตสามและเงินทองถึงสามารถสานสัมพันธ ์ เพิ่งได้เป็ นจือเค่อ ของพรรคใต้อาณัติของยอดเขาแห่งหนึ่ง วันนี้ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มี แขกมาเยี่ยมเยือนมานั่งตกปลาที่ริมลาคลอง เมื่อมีปลามางับเหยื่อ กลับยังไม่ยอมยกคันเบ็ดขึ้น
มีเพียงดวงจิตดวงที่เดินทางไกลไปยัง “นอกฟ้ า” “ย้อนทวน กระแสน้าแห่งกาลเวลาหมื่นปี” เท่านั้นที่ควรจะเก็บกลับมาหรือไม่ เฉินผิงอันรู ้สึกล าบากใจและลังเลอยู่เล็กน้อยไม่ใช่ว่าเขาตัดใจไม่ลง เพียงแต่ว่าการทาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพียงแต่ว่าไม่รอให้เฉินผิงอันเปิดปากถาม เห็นได้ชัดว่าเจิ้งจวีจง อนุมานได้ถึงอะไรบางอย่างจึงใช ้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะว่า “ไม่ต้อง เรียกดวงจิตนั้นกลับมา หาไม่แล้วจะต้องยกเลิกทุกอย่างกลางคัน ง่าย ที่จะเป็ นการทาลายรากฐานมหามรรคา หากไม่ทันระวังเจ้าในเวลานี้
ก็อย่าว่าแต่จะช่วยเหลืออะไรเลย สามารถกลับจากฟ้ านอกฟ้ าไป รักษาอาการบาดเจ็บที่โรงเรียนได้แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้าเอง ก็ไม่อยากให้บุคคลผู้นั้นอาฆาตแค้น แล้วถูกเหวินเซิ่งมาดักขวางรอ ด่าอยู่หน้าบ้าน”
หลวี่เหยียนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “สหายเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกัน
อีกครั้งเร็วขนาดนี้”
เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะ “คารวะผู้อาวุโสฉุนหยาง”
หลังจากนั้นก็ไม่กล้าอิดออดใดๆ เฉินผิงอันรีบเรียกกระบี่บินแห่ง ชะตาชีวิตสองเล่มออกมาทันที ปกคลุมผู้ฝึกตนทุกคนเว้นจากหลี่เซิ่ง และอาจารย์ซานซานจิ่วโหวไว้ภายใน
ตามการประมาณการณ์คร่าวๆ ของเฉินผิงอัน อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็อยู่ห่างจากกายธรรมของหลี่เซิ่งหลายหมื่นลี้ และเมื่ออาศัย ขอบเขตก่อกาเนิดที่มีตอนนี้ อย่างมากสุดก็ประคับประคองฟ้ าดิน เล็กของนกในกรงให้ครอบคลุมอาณาเขตได้แค่พันลี้เท่านั้น
ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ผอมแห้งราวกับท่อนฝืน หนวดเคราขาวโพลน ดุจหิมะ สวมชุดคลุมยาวสีม่วงหลวมโพรก เปลือยเท้าเหยียบยืนอยู่ใน ดินแดนไท่ซวี
ชุดคลุมยาวสีม่วงบนร่างของผู้เฒ่าตัวนั้นมีชื่อว่า “จื่อชี่” (ปราณ ม่วง) กับชุดขนนกบนร่างของอวี๋โต้ว ชุด “ชีเหย้า” ที่มีอีกชื่อว่า “ฝ่ า จู่” ของจ้าวเทียนไล่เทียนชื่อแห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ รวมไปถึงชุดคลุม
มังกรสีหมึกของหย่างจื่อ ล้วนเป็ นหนึ่งในสิบชุดคลุมอาคมใหญ่ของ หลายใต้หล้า ชุดคลุมอาคม จื่อชี่” ตัวนี้วาดเป็ นภาพไท่จี๋ที่มีปลา หยินหยางสีขาวและสีด าตรงเอวผู้เฒ่าห้อยน้าเต้าโปร่งแสงไว้ลูกหนึ่ง สามารถมองเห็นภาพงดงามแปลกตาด้านในนั้นได้
แสงดาวพร่างพราว ดวงดาวเป็ นจุดๆ จ านวนนับไม่ถ้วนมา รวมตัวกันกลายเป็ นทางช ้างเผือก คล้ายกับว่าทางช ้างเผือกบน ท้องฟ้ าทั้งสายถูกคัดลอกมาไว้ในนี้
ฝูลู่อวี๋เสวียนเจินเหรินผู้เฒ่าที่เดิมที่ควรผสานมรรคาขอบเขตสิบ สี่อยู่นอกฟ้ า ถูกโลกทั้งใบขนานนามว่าเป็ นผู้ที่ได้ครอบครองสองคา ว่า “ฝูลู่” (ยันต์) แห่งใต้หล้าไปเพียงล าพัง
อวี๋เสวียนดีดนิ้วเบาๆ อยู่สองสามที ตรงจุดเขตแดนของฟ้ าดิน หลายจุดก็มีริ้วปราณวิญญาณกระเพื่อมขึ้นเป็ นระลอก เขาพยักหน้า ยิ้มกล่าวด้วยสายตาเผยแววชื่นชม “ไม่เลวๆรบกวนเฉินอิ่นกวาน แล้ว”
เอ่ยประโยคตามมารยาทไปแล้ว แต่ในใจอวี๋เสวียนก็ยังอด คลางแคลงอยู่ไม่ได้ ถึงอย่างไรอิ่นกวานหนุ่มในทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เฉิน ผิงอันที่ยืมมรรคกถาขอบเขตสิบสี่มาจากลู่เฉินแล้ว ถูกหลี่เซิ่งลาก ให้มาช่วยที่นอกฟ้ า แต่ในความเป็ นจริงแล้วต่อให้ขอบเขตผู้ฝึกยุทธ ของเขาจะเป็ นขอบเขตปลายทาง แต่ถึงอย่างไรขอบเขตของผู้ฝึกตน ก็เป็ นแค่ขอบเขตก่อก าเนิดเท่านั้น จะช่วยอะไรได้? พูดถึงแค่ฟ้ าดิน พันลี้ที่กระบี่บินสร ้างขึ้นมาตอนนี้ จะมีความหมายอะไร?
นี่จึงเป็ นเหตุให้อวี๋เสวียนอดไม่ไหวใช ้เสียงในใจถามหลวี่เหยียน ว่า “สหายฉุนหยาง นี่คือ?”
อันที่จริงเจินเหรินผู้เฒ่ากับนักพรตที่ว่ากันว่าเพิ่งกลับจากใต้ หล้ามืดสลัวมายังไพศาลได้ไม่นานผู้นี้เพิ่งจะเคยเจอกันเป็ นครั้งแรก
หลวี่เหยียนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสอวี๋แค่ตั้งตารอดูไปก็พอ”
อวี๋เสวียนจึงได้แต่ข่มกลั้นความสงสัยในใจเอาไว้ พยักหน้ารับ
สร ้างค่ายกลฟ้ าดินเล็กแห่งหนึ่งขึ้นมา สาหรับผู้ฝึกตนอย่างพวก เขาแล้วไม่ใช่เรื่องเล็กที่ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือหรอกหรือ?
แน่นอนว่าเอ่ยประโยคที่ไม่ผิดต่อมโนธรรมในใจ ระดับความ ยืดหยุ่นของฟ้ าดินเล็กแห่งนี้ก็ยังอยู่เหนือการคาดการณ์ไปมาก หาก ไม่พูดถึงยันต์ใหญ่ที่เป็ นสมบัติกันกรุทั้งหลายต่อให้อวี๋เสวียนลงมือ ด้วยตัวเอง คาดว่าหากไม่มียันต์ที่ใช ้สาหรับโจมตียี่สิบกว่าแผ่นก็ไม่ แน่ เสมอไปว่าจะทาลายสิ่งกีดขวางแห่งฟ้ าดินนี้ไปได้ จุดที่น่ า หงุดหงิดสาหรับผู้ฝึกกระบี่ก็คือนอกจากหนึ่งกระบี่ทาลายหมื่นอาคม ของผู้ฝึกกระบี่แล้ว ก็เป็ นวิชาอภินิหารประหลาดทั้งหลายของพวก กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตนี่แหละ
คงไม่ใช่ว่าเหวินเซิ่งปรึกษากับหลี่เซิ่งหวังว่าจะช่วยให้ลูกศิษย์คน สุดท้ายได้รับคุณความชอบมาเพิ่มลงบนสมุดคุณูปการของศาลบุ๋นห รอกนะ?
หากเปลี่ยนมาเป็ นคนอื่น อวี๋เสวียนยังกังวลว่าเป็ นการใช ้ใจคน ถ่อยไปวัดใจวิญญูชนหรือไม่ แต่พอเปลี่ยนมาเป็ นซิ่วไฉเฒ่า อวี๋ เสวียนรู ้สึกว่าไม่ได้ใส่ความอีกฝ่ ายจริงๆ เกรงว่าต่อให้ยืนคุมเชิงอยู่ กับซิ่วไฉเฒ่าก็หนีไม่พ้นว่าอีกฝ่ ายต้องพูดท านองว่า ใช่แล้วอย่างไร หากไม่ยอม เจ้าก็มาตีข้าสิ
เฉินผิงอันกล่าว “ขอให้ทุกท่านโปรดปลดปล่อยพลังจิตออกไป เล็กน้อย ตรวจสอบดูพื้นที่ประกอบพิธีกรรมในเวลาปกติที่ตัวเองใช ้ หลอมลมปราณ”
เจิ้งจวีจงเป็ นคนแรกที่นิมิตถึงหอแก้วใสแห่งนครจักรพรรดิขาว
หลวี่เหยียนนิมิตภาพศาลหลวี่กงที่อยู่ใกล้กับศาลเทพลาคลอง เฝินเหอในอาณาเขตของแคว้นเมิ่งเหลียงตามมาติดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!