กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1001

ครั้งนี้เฉินผิงอันพาจ้าวซู่เซี่ยมาแค่คนเดียว อีกทั้งยังบอกเฉิน หลิงจวินว่าไม่ต้องมาเดินเที่ยวเตร็ดเตร่แถวนี้ส่งเดช

เฉินหลิงจวินพูดโน้มน้าวอยู่นาน ใช ้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนกว่าจะ ขอโอกาสอันล้าค่าที่ทุกเดือนจะมาเยี่ยมนายท่านที่โรงเรียนได้ครั้ง หนึ่งมาได้

นี่ยังต้องยกคุณความชอบให้กับพ่อครัวเฒ่าที่ช่วยกันพูด ถึง อย่างไรด้วยรูปโฉมที่เป็ นเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีเขียวของท่าน บรรพบุรุษจิ่งชิงพวกเรานี้ก็ไม่ถือว่าสวมรอยเป็ นเด็กประถมอะไรอยู่ แล้ว เพราะเดิมทีเขาก็เป็ นเด็กอยู่แล้ว แล้วก็ควรอ่านต าราอริยะ ปราชญ์ให้มากๆ ตอนนั้นจูเหลี่ยนยังยิ้มตาหยีถามเฉินหลิงจวินว่า ต้องการกางเกงเปิดกันสักตัวหรือไม่เฉินหลิงจวินคร ้านจะถือสาพ่อ ครัวเฒ่า หากไม่เป็ นเพราะนายท่านไม่ยอมพยักหน้าตอบตกลง อันที่ จริงเฉินหลิงจวินก็ยังอยากจะไปเรียนที่โรงเรียนสักหลายวันด้วยซ้า

เฉินผิงอันกลับไปที่ห้องพัก จุดตะเกียงน้ามันด่วงหนึ่งบนโต๊ะ ฝน หมึกด้วยตัวเอง แล้วเริ่มยกพู่กันเขียนเรื่องเล่าขุนเขาสายน้าเกี่ยวกับ ภูตน้าใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้

แต่เมื่อเทียบกับการเขียนตัวอักษรลงบนหน้าพัดของกาแพงเมือง ปราณกระบี่ในปีนั้นกลับตั้งใจกว่าเยอะมาก

สี่ด้านของสามหมู่บ้านถูกโอบล้อมไว้ด้วยภูเขา มีเพียงลาธาร เส้นเดียวที่ทอดยาวคดเคี้ยวเลียบเส้นทางเล็กออกไป

ห่างจากอ าเภอสู้ยอันไปแปดสิบลี้ มีชาวบ้านในท้องถิ่นจานวน มากที่บางทีชั่วชีวิตนี้อาจจะเคยมาเยือนในตัวอาเภอแค่ครั้งเดียว เท่านั้น

ในภูเขามีดอกตู้เจวียนบานสะพรั่งอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ช่างสมกับคา กล่าวที่ว่าสะท้อนภูเขาทั้งลูกให้เป็ นสีแดงเพลิงอย่างแท้จริง

สกุณาฤดูใบไม้ผลิส่งเสียงร ้องขับขาน ดอกท้อสีแดงอ่อนดอกซิ่ง สีขาว ใบอวี๋ (ต้นเอล์ม) เขียวเป็ นพุ่มเต็มต้น ต้นหยางต้นหลิวริมล า คลองแตกกิ่งก้านใบ สีสันเปล่งประกายอร่ามตา

หลังจากเลิกเรียนในวันนี้ก็มีแขกคนหนึ่งมาเยือนที่โรงเรียน เขา เดินเท้าเลียบเส้นทางดินเหลือง ทะลุผ่านหมู่บ้านอู๋ซี เดินเท้ามาตลอด ทางกระทั่งมาถึงหมู่บ้านหยวนโถว

แต่งกายเหมือนปัญญาชนที่มีหัวคร่าครึ ก็คือเกาเนี่ยงเทพวารี คนใหม่แห่งล าคลองซี่เหมย เขามากราบไหว้ภูเขาด้วยความรู ้สึก ระมัดระวังกล้าๆ กลัวๆ ช่วยไม่ได้ ขุนนางใหญ่กว่าหนึ่งขั้นก็กดทับ คนให้ตายได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่เผชิญหน้ากับเจ้าขุนเขาเฉินที่ ได้ครอบครองส านักถึงสองแห่ง

ควันแห่งการปรุงอาหารลอยโชยกรุ่น เกาเนี่ยงมองเห็นว่าในบ้าน หลังหนึ่งมีสตรีชนบทที่ด้านหลังสะพายลูกพลางปิ้งแผ่นแป้ งย่างไป

ด้วย พอลูกขับถ่าย สตรีก็เอื้อมมือเอาผ้าไปเช็ดข้างหลังแล้วหันมา ย่างแป้ งต่ออีกครั้ง

เห็นขี้ไก่ที่อยู่บนโต๊ะแปดเซียนของบางบ้าน หลังจากเลิกเรียน แล้วพวกเด็กๆ ก็มาเล่นว่าว นั่งยองอยู่ริมคันนาเล่นดึงหญ้ากัน คนแก่ และเด็กอยู่ด้วยกันอย่างปรองดองกลมเกลียว

หลังจากเกาเนี่ยงเดินผ่านหมู่บ้านอู๋ซี หันหน้าไปก็มองเห็นสระ น้าขนาดเล็กที่หมู่บ้านแห่งนั้น ถือเป็ นน้าที่มารวมตัวกัน ผิวน้าของ ลาธารตรงนี้กว้าง แต่พอไหลออกไปข้างนอกกลับแคบ เป็ นเหตุให้ เป็ นเส้นทางน้าที่สามารถรั้งโชคลาภเอาไว้ได้ ในอดีตที่หมู่บ้านย้าย มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าเข้าใจเรื่องฮวงจุ้ยดีมาก

การสั่งสอนกล่อมเกลาในยุคสมัยโบราณ โรงเรียนในหนึ่งบ้าน เรียกสู โรงเรียนในห้าร ้อยบ้านเรียกเสียง โรงเรียนในหนึ่งหมื่นสอง พันห้าร ้อยบ้านเรียกชวี่ โรงเรียนในระดับแคว้นเรียกเซวี๋ย

เกาเนี่ยงใช ้มือหนึ่งตบหน้าอกเบาๆ พลันรู ้สึกสบายใจขึ้นได้ หลายส่วน เพราะต้องไปพบอิ่นกวานหนุ่มที่เป็ นลูกศิษย์คนสุดท้าย ของเหวินเซิ่ง ดังนั้นในอ้อมอกของนายท่านเทพลาคลองผู้นี้จึงพก เอาตาราหายากตาราที่มีเล่มเดียวซึ่งมีมูลค่าควรเมืองมาด้วยหลาย เล่มมาเยือนถึงบ้าน ถึงอย่างไรก็ไม่ควรมามือเปล่า

เกาเนี่ยงลูบหนวดยิ้ม ตาราโบราณทุกเล่มที่เก็บรักษามาได้ จนถึงวันนี้เหมือนมีเทพและผีคอยให้การปกป้ อง บัณฑิตอย่างพวก

เราหวังแค่ให้เข้าใจคร่าวๆ ไม่หวังเข้าใจลึกซึ้งเหมือนกินอิ่มแต่ไม่ทา ให้อ้วน ได้อ่านต ารามาบ้างก็ยังดีกว่าไม่เคยได้อ่าน

เพราะอาณาเขตของลาคลองซี่เหมยมีซากปรักวังมังกรบนบกใน ยุคบรรพกาลอยู่แห่งหนึ่งที่กาลังจะเปิดประตู ดังนั้นที่อาเภอสู้ยอันจึง มีผู้ฝึ กตนของต้าหลีกลุ่มหนึ่งมาปักหลักอยู่อย่างลับๆ แต่ต่างก็ใช ้ สถานะของพ่อค้า ไม่ได้รบกวนที่ว่าการระดับต่างๆ ของจังหวัดเห ยียนโจว ทว่านายท่านฝู่ จวินย่อมต้องรู ้เรื่องนี้ แต่เงื่อนไขก็คือได้รับ คาสั่งลับจากทางราชสานักแล้วจึงไม่กระโตกกระตาก ในฐานะสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าที่มารับหน้าที่ใหม่ เกาเนี่ยงไม่มีคุณสมบัติ จะได้เข้าไปในวังมังกรแห่งนั้น หลังจากที่เกาเนี่ยงไป “ขานชื่อ” สอง ครั้งก็ไม่ไปอีกเลย จะได้ไม่ต้องเอาหน้าร ้อนๆ ไปแนบกันเย็นๆ ของ

ผู้อื่น หาเรื่องน่าเบื่อใส่ตัว

พอเห็นเกาเนี่ยง เฉินผิงอันก็หิ้วเก้าอี้ไม้ไผ่ออกมาสองตัว ยื่นส่ง ให้เกาเนี่ยงหนึ่งตัวหนึ่งเจ้าบ้านหนึ่งแขกต่างก็นั่งกันอยู่ใต้ชายคา ของกระท่อม

เกาเนี่ยงนั่งนิ่งเอวตั้งตรงอย่างสารวม เมื่อครู่นี้ตอนที่วางเก้าอี้ไม้ ไผ่ไว้เบาๆ ก็ใช ้แรง “เบาๆ” โน้มกายไปทางใต้เท้าอิ่นกวานเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “เจ้าขุนเขาเฉินมาเพื่อวังมังกรแห่งนั้นหรือ?”

เกาเนี่ยงเดาว่าเพื่อป้ องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ราชสานักต้า หลีจึงเชื้อเชิญให้อิ่นกวานหนุ่มมานั่งพิทักษ์ที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง

เฉินผิงอันส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “เรื่องที่ราชสานักขุดเจอวังมังกร ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า ทางฝั่งของต้าหลีก็ไม่รู ้เหมือนกันว่าข้ามา เปิดโรงเรียนอยู่ที่นี่”

เกาเนี่ยงพยักหน้ารับเบาๆ ในใจเข้าใจดี ตนไม่อาจมีการกระทา และคาพูดใดๆ ที่เป็ นการวาดงูเติมขาได้เด็ดขาด เมื่อชาติก่อนตอน ยังมีชีวิตก็เคยฝึกตนมาหลายสิบปี ภายหลังก็หาเลี้ยงชีพอยู่ที่จวนจื่ อหยาง คุณความชอบวางไว้ให้เห็นอยู่ตรงนั้น

เกาเนี่ยงหยิบตาราหลายเล่มนั้นออกมา ใช ้สองมือยื่นส่งให้เฉิน ผิงอัน เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ของขวัญเบาบาง ไม่อาจแสดง ถึงความจริงใจได้มากพอ”

“มีตาราก็ร่ารวยสูงศักดิ์อย่างแท้จริง ไม่มีตาแหน่งหน้าที่ก็ตัวเบา นี่ก็คือจุดเดียวที่พี่ใหญ่เกาสู้ข้าไม่ได้แล้ว”

เฉินผิงอันรับตารามาอย่างไม่เกรงใจ เอ่ยขอบคุณเกาเนี่ยงหนึ่ง คา ตบตารายิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วจึงเก็บใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ย ว่า “พี่ใหญ่เกาไม่ใช่คนนอก วันหน้าหากมีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่นี่ บ่อยๆ ได้”

บทที่ 1001.3 ขบวนการสู้รบ 1

บทที่ 1001.3 ขบวนการสู้รบ 2

บทที่ 1001.3 ขบวนการสู้รบ 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!