“ซู่เซี่ย หากตัดเนื้อหาด้านท้ายคาว่า “ถือยันต์วิเศษ” กับ “สอง ห้อยตกลงสู่ล่างภูเขา” จะเหมาะสมกว่าหรือไม่? เพราะถึงอย่างไรก็ เป็ นเนื้อหาของนักเรียนประถม ดูเหมือนจะไม่เหมาะที่จะสัมผัสกับ ภาษาตระกูลเซียนที่เต็มไปด้วยความประหลาดมหัศจรรย์เร็วเกินไป หรือไม่”
จ้าวซู่เซี่ยกล่าว “อาจารย์ ข้าคิดว่าไม่ได้เป็ นปัญหามากนัก ถึง อย่างไรข้าก็ได้ยินเรื่องเล่าลือทานองว่าผีภูเขา ลิงน้า แล้วก็พวก ปี ศาจจิ้งจอกมาตั้งแต่เด็กแล้ว บางทีอาจจะไม่ได้ต่างไปจากยันต์ วิเศษหรือยาม่วงทองอะไรเลยด้วยซ้า”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะลองพิจารณาดูอีก หน่อย”
ตลอดทางที่เดินกันมานี้จ้าวซู่เซี่ยฝึ กท่าหมัดเดินนิ่งหกก้าว พร ้อมกับท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูอยู่ตลอด ทุกวันตอนนอนหลับก็จะฝึกท่า นอนเขียนชิว ท่าที่นอนก็มีข้อพิถีพิถันด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ฝึกหมัดอยู่บนชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ อันที่จริงไม่ต้อง ให้อาจารย์เปิดปากตัวของจ้าวซู่เซี่ยเองก็ตระหนักได้ถึงปัญหาที่ใหญ่ อย่างมากแล้ว หมัดเขย่าขุนเขายังดี แต่กระบวนท่าม้าเหล็กเหล็ก ทะลวงขบวนรบ ไอเมฆเหนือบึงใหญ่ เทพตีกลองสายฟ้ า…ซึ่งเป็ นสุด
ยอดวิชาของอาจารย์ชุยพวกนี้ ดูเหมือนว่าพออาจารย์กับศิษย์พี่ หญิงเรียนรู ้มาก็สามารถฝึ กกระบวนท่าหมัดพวกนี้ได้อย่าง คล่องแคล่วมาก แต่จ้าวซู่เซี่ยกลับเรียนได้ช ้ามาก ช ้าจนจ้าวซู่เซี่ย เองรู ้สึกล าบากใจนิดๆ แล้ว
เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “ปีนั้นข้าเดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีปโชค ดีได้พบกับผู้ที่เรียบเรียงต าราหมัดเขย่าขุนเขา ผู้ฝึกยุทธขอบเขต ปลายทางของราชวงศ์ต้าจ้วน กู้โย่วผู้อาวุโสกู้ตอนนั้นเขาไม่ได้บอก กล่าวสถานะของตัวเอง ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่ไกลๆ การพบเจอบน ถนนแคบครั้งนี้ อยู่ดีไม่ว่าดีผู้อาวุโสกู้ก็จะถามหมัดกับข้า ตอนหลัง ถึงได้รู ้ถึงความตั้งใจของผู้อาวุโสท่านนี้ คือเขาอยากจะลองชั่ง น้าหนักดูว่าข้าเรียนรู ้แก่นของตาราหมัดไปได้กี่มากน้อยแล้ว ส่วน ขั้นตอนและผลลัพธ ์จากการถามหมัดนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง ถือ ว่ารับหมัดไว้ได้อย่างถูไถ ไม่ได้ท าให้ผู้อาวุโสผิดหวังเกินไป ภายหลัง ข้าเดินทางไปร่วมกับผู้อาวุโสกู้ระยะทางหนึ่ง แล้วก็เพราะแค่เรื่องเรื่อง หนึ่ง ผู้อาวุโสถึงได้ต้องหันมามองข้าเสียใหม่”
จ้าวซู่เซี่ยถามอย่างใคร่รู ้“คือเรื่องที่อาจารย์ขยันฝึกหมัดหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ใช่ ค าว่าขยันค่อนข้างจะคลุมเครือ ฝึก หมัดเป็ นได้จิตวิญญาณมา ฝึกหมัดตายก็มีแต่เส้นเอ็นและกระดูก ที่ว่างเปล่า ทว่าทั้งสองอย่างนี้ต่างก็ถือว่าขยันทั้งคู่ ผู้ฝึกยุทธในใต้ หล้าที่ฝึกหมัดโดยทนกับความยากลาบากได้มีมากมายดุจขนวัว แต่ หากไม่รู ้วิธีที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมัดนอก ส่วนใหญ่จะ
กลายเป็ นว่าเชิญเทพไม่ส าเร็จกลับกลายเป็ นเรียกผีมาแทน พอถึงวัย กลางคนผู้ฝึกยุทธเต็มตัวก็จะมีแต่โรคร ้ายทิ้งไว้เต็มไปหมด ผู้อาวุโส กู้คุยเรื่องการฝึ กหมัดกับข้า พูดไปถึงกระบวนท่าฟ้ าดิน ข้าเสนอ ความเห็นของตัวเองออกไป บอกว่าจะสามารถเอาท่าเดินหกก้าว ท่า ยืนเจี้ยนหลูและท่าฟ้ าดิน สามท่านี้มารวมให้เป็ นหนึ่งได้หรือไม่ ตอน นั้นแม้ว่าสีหน้าของผู้อาวุโสกู้จะราบเรียบ แต่ก็ยากจะปกปิดแววตก ตะลึงในดวงตาไว้ได้”
จ้าวซู่เซี่ยถามอย่างสงสัย “อาจารย์ หมายความว่าอย่างไร? ข้า สามารถเรียนได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันตีหน้าเคร่ง พยักหน้าเอ่ยว่า “ต้องเรียนได้อยู่แล้ว อาจารย์พูดชัดเจนขนาดนี้แล้วเจ้ายังคิดถึงความเชื่อมโยงไม่ออกอีก หรือ? ซู่เซี่ยอ่า คุณสมบัติไม่ได้เรื่อง ความสามารถในการท าความ เข้าใจก็มีไม่มากพอนะ”
เฉินผิงอันเห็นว่าอีกฝ่ ายยังหัวทึบก็ได้แต่แบฝ่ ามือข้างหนึ่ง ออกไปแล้วพลิกหมุนเบาๆ
จ้าวซู่เซี่ยคิดตามอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อน จะพยักหน้ารับหนักๆที่แท้ก็เป็ นอย่างนี้นี่เอง!
เห็นเพียงว่าจ้าวซู่เซี่ยปล่อยหมัดออกไปในท่าเดิน แล้วพลิกตัว กลับหัวกลับเท้า ฝ่ ามือยันพื้น ใช ้มือข้างเดียวทาท่าเจี้ยนหลู และยัง
ท่องคาถาวิชาหมัดของท่าฟ้ าดิน ลมปราณที่แท้จริงไหลรินไปทั่วเส้น ชีพจรนับร ้อย เดินนิ่งหกก้าวไปด้วยท่า “กระโดดดึ๋งๆๆ
เฉินผิงอันกลั้นขา “ท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูเปลี่ยนมาเป็ นมือเดียว รสชาติออกจะผิดแปลกไปสักหน่อย ไม่สู้เจ้าลองเอาหัวยันพื้น ใช ้หัว เดินแทนมือซ ้าย ตอนเรียนแรกๆ ก็จะยากหน่อยแต่พอนานเข้าก็จะรู ้
ถึงความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่แล้ว” จ้าวซู่เซี่ยทดลองตามวิธีที่อาจารย์บอกจริงๆจ้าวซู่เซี่ยลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่มีเต็มหัวและเต็มร่าง สีหน้าอ่อนใจ
เฉินผิงอันหยิบเมล็ดแตงกามือหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ แบ่ง ให้จ้าวซู่เซี่ยครึ่งหนึ่งแทะเมล็ดแตงยิ้มเอ่ยว่า “ตอนแรกที่อยู่ในชั้น สองของเรือนไม้ไผ่ ยามที่ผู้อาวุโสชุยพูดถึงต าราหมัดเขย่าขุนเขา ค าพูดเต็มไปด้วยความดูแคลน อะไรที่บอกว่ากลิ่นคาวดินเต็มเปี่ยม กระบวนท่าในตาราหมัดมีแต่อะไรเละเทะ พูดจาไม่กลัวลิ้นขาด ภายหลังรอให้ข้าได้เจอกับผู้อาวุโสกู้ เขาก็บอกว่าผู้อาวุโสชุยไม่มี ความสามารถในการสอนหมัดมากพอ หากเปลี่ยนเขามาเป็ นคน
สอน รับรองว่าข้าจะต้องฝ่ าทะลุขอบเขตด้วยคาว่าแข็งแกร่งที่สุดทุก ครั้งแน่นอน”
จ้าวซู่เซี่ยฟัง “ประสบการณ์ในยุทธภพ” ที่ล้าค่าอย่างถึงที่สุด แม้ว่าอาจารย์จะพูดง่ายๆ สบายๆ ถึงขั้นที่ว่ามีอารมณ์ขันแฝงอยู่ แต่ กลับท าให้จ้าวซู่เซี่ยรู ้สึกจิตใจใฝ่หาเป็ นอย่างยิ่ง
อยู่ดีๆ จ้าวซู่เซี่ยก็นึกถึงบทนาของตาราหมัดขึ้นมาจึงถามอย่าง ใคร่รู ้ว่า “อาจารย์เคยเจอบรรพจารย์ของสามลัทธิหรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้าเอ่ย “ปรมาจารย์มหาปราชญ์และมรรคา จารย์เต๋าล้วนเคยเจอมาก่อน แล้วก็เคยคุยกันด้วย”
จ้าวซู่เซี่ยไม่ถามมากอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!