บทที่ 1001.1 ขบวนการสู้รบ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!
ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1001.1 ขบวนการสู้รบ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
อ าเภอสู้ยอัน จังหวัดเหยียนโจว
ดวงตะวันดุจตะขอเกี่ยว ห่านป่าบินกลับรังทางทิศใต้
คนผู้หนึ่งสวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวเหยียบแสงจันทร ์ท่องราตรี เดินไปบนสะพานหินโค้งแห่งหนึ่ง ข้างกายมีชายหนุ่มที่ฝี เท้าหนัก แน่นติดตามมาด้วย ก็คือเฉินผิงอันกับจ้าวซู่เซี่ยผู้เป็ นลูกศิษย์
จ้าวซู่เซี่ยกระทืบเท้าเบาๆ สะพานหินแห่งนี้นอกจากจะแข็งแรง มั่นคงแล้วก็ไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นอีก เขาเอ่ยถามว่า “อาจารย์ สะพานนี้มีชื่อยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มีความเป็ นมาหรือไม่?”
ที่แท้สะพานหินโค้งที่ทั้งสองคนเดินย่าอยู่ใต้ฝ่ าเท้าก็มีชื่อว่า สะพานหมื่นปี
ลาธารไหลริกๆ ออกมาจากภูเขา หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่าหลิ่งเจี่ยว (ตีนสันเขา) ปัญญาชนเรียกว่าหยวนโถว (ต้นกาเนิดน้า) ตั้งชื่อได้ สมกับความจริงอย่างยิ่ง
เฉินผิงอันแทะเมล็ดแตง ส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “เคยตรวจสอบแล้ว แต่ น่าเสียดายที่ในอักขรานุกรมของอาเภอไม่มีบันทึกที่แน่ชัดอยู่ เกิน ครึ่งคงจะเป็ นปราชญ์ผู้ล่วงลับในท้องถิ่นที่ออกเงินสร ้างขึ้นมา ส่วน ทาไมถึงตั้งชื่อว่าสะพานหมื่นปี คนแก่ของที่นี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มี
หลักฐานให้สืบเสาะ ตามตัวอักษรที่ระบุไว้บนป้ ายศิลาหน้าหลุมศพ ของหมู่บ้าน เป็ นตระกูลปัญญาชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของแคว้น โบราณซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือสุดของแจกันสมบัติทวีปที่เป็ นผู้สร ้าง คาด ว่าน่าจะเมื่อเจ็ดแปดร ้อยปีก่อนก็ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว ลาธารอู๋ซีสาย นี้คือหนึ่งในต้นกาเนิดของลาคลองซี่เหมย อันที่จริงลาคลองหลงซวี ของบ้านเกิดข้า ชื่อเรียกเก่าแก่ก็คืออู๋ซี เรื่องของบุพเพวาสนา มหัศจรรย์เกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยจริงๆ”
อาเภอสัยอันตั้งอยู่ในจุดตัดของเหยียนโจวกับอวิ้นโจว ส่วนลา คลองขี่เหมยนั้นก็คือลาคลองใหญ่อันดับหนึ่งของอวิ้นโจวซึ่งมีต้น ก าเนิดมาจากจังหวัดเหยียนโจว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับ การแต่งตั้งอย่างเป็ นทางการจากทางราชสานัก สองข้างฝั่งของล า คลองซี่เหมยนับแต่โบราณมาก็ไม่เคยมีศาลเถื่อนสักแห่ง
จ้าวซู่เซี่ยรวมเสียงให้เป็ นเส้นพูดคุยอย่างลับๆ ว่า “อาจารย์ ได้ ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนทางราชส านักต้าหลีหาทางเข้าซากปรักวัง มังกรของสู่โบราณเจอในช่วงตอนหนึ่งของล าธารอู๋ซีหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า เดินลงจากสะพานโค้ง เดินเลียบเส้นทางที่ปู ด้วยแผ่นหินของล าธารอู๋ซีไปยังตอนล่างของล าธาร หันหน้ามอง ย้อนกลับไป ด้านใต้ของสะพานว่างเปล่าไร ้สิ่ง ใด “คือวังมังกรบนบก ที่ขนาดไม่ใหญ่นัก ระดับขั้นไม่สูง แต่ในประวัติศาสตร ์ไม่เคยมีผู้ฝึก ลมปราณเหยียบย่างเข้าไปด้านใน ดังนั้นสมบัติที่อยู่ในนั้นจึงไม่เคย ผ่านมือใครมาก่อน ตามการค านวณคร่าวๆ ของกรมคลัง สมบัติพวก
นั้นเทียบเท่ากับรายได้จากภาษีของจังหวัดใหญ่ๆ ที่ร่ารวยหลายแห่ง ของต้าหลีเลยทีเดียว จ านวนมากน่าดูชม ประเด็นส าคัญคือเป็ นวัง มังกรเก่าแห่งหนึ่ง หากทางฝั่งของราชสานักต้าหลีจัดการได้อย่าง เหมาะสม นอกจากสมบัติวิเศษแห่งฟ้ าดิน สมุนไพรพืชเซียนมากมาย และการขุดหาแร่ธาตุอย่างเป็ นระบบระเบียบซึ่งจะทาให้มีเงินเทพ เซียนก้อนใหญ่เป็ นรายได้อย่างต่อเนื่องแล้ว นอกจากนี้ลาพังแค่ผู้ฝึก ตนที่ฝึ กวิชาน้าและภูตเผ่าพันธุ์น้าทั้งหลายที่มาเปิดพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมอยู่ที่นี่ค่าเช่าที่จะส่งมอบให้กับกรมคลังทุกปีก็มิอาจดูแคลน สามารถบรรยายว่าเป็ นอ่างเก็บสมบัติใบหนึ่งได้เลย”
ทุกวันนี้ลาคลองซี่เหมยมีเทพวารีองค์แรกในประวัติศาสตร ์แล้ว รองเจ้ากรมพิธีการต้าหลีและเจ้ากรมพิธีการแคว้นหวงถึงต่างก็ ร่วมกันเป็ นประธานในการจัดงานพิธีแต่งตั้งองค์เทพ
เกาเนี่ยงเทพวารีองค์แรกของลาคลองซี่เหมยเคยเป็ นเทพวารี ของลาคลองเถี่ยเชวี่ยนมาก่อน ศาลใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่งถูกสร ้างขึ้นมา ไม่ถึงหนึ่งเดือนงานก่อสร ้างก็เสร็จเรียบร ้อยกรอบป้ ายเขียนด้วย ลายมือของไท่ซื่อผู้เฒ่าท่านหนึ่งของแคว้นหวงถิง กลอนคู่สิบกว่าบท ก็มาจากลายมือของผู้รอบรู ้ในวงการวรรณกรรมแคว้นหวงถิง
เดินเลียบลาธารอู๋ซีเส้นนี้ไปมีหมู่บ้านสามแห่งตั้งอยู่ริมน้า แต่ละ หมู่บ้านอยู่ห่างกันไม่ถึงสองสามลี้ ทุกๆ หมู่บ้านล้วนมีหนึ่งแซ่ บางครั้งหากมีการแต่งเขยเข้าบ้านก็จะไม่ได้ถูกรับเข้าท าเนียบล าดับ วงศ์สกุลของทางหมู่บ้าน
หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ช่วงตอนล่างสุดของลาธาร มีคนอยู่ อาศัยสองร ้อยครัวเรือนหมู่บ้านนี้ชื่อว่าหมู่บ้านอู๋ซี ถือเป็ นหมู่บ้าน ใหญ่ที่หาได้ยากในอาเภอสู้ยอันแล้ว ในประวัติศาสตร ์เคยมีจวี่เหริน คนหนึ่ง แต่ว่าเป็ นตาแหน่งที่ได้รับจากราชวงศ์ก่อน ทุกวันนี้เป็ น ราชวงศ์ของต้าหลี อย่าว่าแต่นายท่านจิ้นซื่อที่เป็ นดาวเหวินชางลง มาจุติเลย คนที่สอบติดเป็ นจวี่เหรินก็มากพอจะสร ้างเกียรติยศให้กับ วงศ์ตระกูลได้มากแล้ว นายอ าเภอยังจะมาร่วมแสดงความยินดีถึง บ้านด้วย
ผลคือปี นี้หมู่บ้านที่อยู่ด้านบนสุดของลาธารอู๋ซีมีโรงเรียน ส่วนตัวแห่งหนึ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เปิดสอนเด็กนักเรียนประถม วันที่ เปิ ดโรงเรียนได้จุดประทัดเสียงดังสนั่นฟ้ า หมู่บ้านสองแห่งที่อยู่ ด้านล่างก็ยังได้ยิน นี่เห็นได้ชัดว่าต้องการจัดเวทีประลองกันแล้ว อาจารย์สอนหนังสือเป็ นคนต่างถิ่น แซ่เฉินนามจี้ ไม่รู ้ว่าโผล่มาจาก ไหน
เฉินจี้ เพ้ย ฟังจากชื่อนี้ก็รู ้แล้วว่าเป็ นคนบ้านนอก ต้องไม่ใช่ บัณฑิตที่มาจากตระกูลปัญญาชนผู้มีความรู ้แน่นอน
จ้าวซู่เซี่ยยิ้มถาม “อาจารย์เชี่ยวชาญการมองลมปราณ ตรวจสอบสภาพพื้นดิน ท่านช่วยบอกถึงฮวงจุ้ยของสามหมู่บ้านนี้ หน่อยได้ไหม?”
เฉินผิงอันแทะเมล็ดแตงเสร็จก็ปัดมือ อดไม่ไหวยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่ ว่ามาตั้งแผงหลอกเงินคนเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ เสียหน่อย ไม่ถือว่า
ไม่ได้รู ้สึกว่าการกระทาเช่นนี้มีอะไรที่ไม่ถูกต้องเพียงแค่ไม่เข้าใจก็ เท่านั้น
ตาราของนักเรียนประถมที่เพิ่งเริ่มเรียน ส่วนใหญ่คือตารา “ซาน ป่ ายเชียน (หรืออีกชื่อหนึ่งคือซานจื้อจิง คัมภีร ์สามอักษร) เด็ก นักเรียนจะโคลงศีรษะท่องไปพร ้อมกับพวกอาจารย์อยู่ในห้องเรียน ตอนแรกจะต้องท่องจาให้ได้ขึ้นใจเสียก่อนแล้วค่อยให้อาจารย์ใน โรงเรียนอธิบายความหมายของตัวอักษรแต่ละค าแต่ละประโยค หลังจากนั้นค่อยสอน “สี่ต ารา” (ได้แก่ ต้าเสวีย (มหาสิกขาว่าด้วย ปรัชญา) จงยง (มัชฌิมาปฏิปทา) หลุนอวี่ (วาทะขงจื๊อ) และเมิ่งจื่อ (วาทะปราชญ์เม่งจื๊อ)) รอกระทั่งพวกเด็กๆ เข้าใจความหมายของ ตัวอักษรคร่าวๆ แล้วก็ค่อยอธิบาย “ห้าต ารา” (ได้แก่ซือจิง (กวี นิพนธ ์) ซูจิง
(รัฐประศาสนศาสตร ์) หลี่จี้ (จารีต) อี้จิง (โหรา) และชุนชิว (พงศาวดาร)) รวมไปถึงคัมภีร ์อักษรโบราณที่โรงเรียนทางการของ แต่ละแคว้นคัดเลือกมา เด็กนักเรียนประถมฝึ กหัดเขียนบทความ เขียนกลอนจะต้องมีลาดับขั้นตอน แต่สาหรับโรงเรียนของชนบทแล้ว สิ่งสาคัญและรากฐานยังคงอยู่ที่คาบเรียนตัวอักษร เฉินผิงอันจึงเขียน ตัวอักษรแบบบรรจงหนึ่งพันกว่าตัวขึ้นมาด้วยตัวเอง จากนั้นจึงเขียน เนื้อหาที่เป็ นการบรรยายความหมายของตัวอักษรคล้ายคลึงกับการ ให้อรรถาธิบายความหมายของคาศัพท์โบราณอีกหนึ่งพันกว่าคา เพื่อใช ้ประกอบคู่กับตัวอักษรเหล่านั้น นอกจากนี้เฉินผิงอันก็ยังตัด
คัดเลือกและคัดลอก “สัมผัสคล้องจ้อง ของหลี่สือหลางมาอีกหลาย ฉบับ
เรือราตรีที่เฉินผิงอันเคยขึ้นไป ในนั้นมีนครเถียวมู่ที่เจ้านครก็คือ “หลี่สือหลาง” ที่ถูกทั้งบนและล่างภูเขาขนานนามให้เป็ นผู้มี ความสามารถรอบด้าน
เฉินผิงอันเลื่อมใสหลี่สือหลางที่มีนามว่าเซียนหลวี่ ฉายาว่าสุย อันผู้นี้มานานมากแล้วเพียงแต่ว่าทั้งสองฝ่ ายพบหน้ากันอย่างจริงจัง เป็ นครั้งแรกบนเรือราตรี เนื่องจากเจ้าบ้านรังเกียจฝ่ ายแขกเองก็ท า ตัวหยาบกระด้าง จึงพูดคุยกันไม่ค่อยจะกลมเกลียวนัก
“ประตูกับทางเข้าออก เส้นทางกับถนน ทิวายาวนานกับราตรี กาลเนิ่นนาน มาตุภูมิกับต่างบ้านต่างเมือง ตาหนักชิงสู่บนพื้น วังก่ วงหานบนฟ้ า ในมือถือยันต์วิเศษยันต์ห้ามหาบรรพต ตรงเอวพก กระบี่วิเศษลายเจ็ดดาว….ต้นไหวกับต้นหลิ่ว ต้นกุ้ยกับต้นข่าย ปรุงกุ้ยช่าย ผัดผักขึ้นฉ่าย หมาเหลืองกับนกเขียว สายน้ากับภูเขา สองตะเกียบหยกขาวย้อยตกลงสู่ล่างภูเขา ตระกูลเซียนเก้าผลัดยา ม่วงทอง…”
แรกเริ่มสุดตอนที่เฉินผิงอันออกท่องยุทธภพเพียงล าพังก็มักจะ ท่องประโยคเหล่านี้ภายหลังออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัว ข้างกายมี ถ่านดาน้อยเพิ่มมาคนหนึ่ง เฉินผิงอันกลัวนางจะรู้สึกว่าการคัด ตัวอักษรทุกวันเป็ นเรื่องน่าเบื่อ เพราะว่าน่าเบื่อจึงทาให้เกิดความ เกียจคร ้าน จากนั้นก็จะรู ้สึกอคติต่อการเล่าเรียนอ่านตารา เกิดใจ
ขบถต่อต้าน ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องเร่งเดินทางตอนกลางคืนยามอยู่ใน ใบถงทวีปจึงมักจะสอน “โคลงกาพย์กลอน” ที่เอาไว้ใช้ปลุกความ กล้าให้กับเผยเฉียน เนื่องจากสัมผัสคล้องจ้องกัน เวลาท่องก็จะคล่อง ปากอย่างมาก คงเป็ นเพราะเผยเฉียนรู้สึกว่าก็แค่ขยับปากไม่ได้ต้อง เปลืองแรงสักเท่าไร นางเองก็ความจ าดีด้วย เพียงไม่นานก็ท่องจ าได้ อย่างขึ้นใจ ยามที่ต้องออกเดินทางตอนกลางคืนด้วยกัน ถ่านด าน้อย ก็มักจะเดินอาดๆ ท่องเสียงใสดังกังวานราวกับเสียงนกขมิ้นที่ร ้อง เจื้อยแจ้ว เผยเฉียนในเวลานั้นอาจจะแค่ท่องพอให้ผ่านๆ ไป แต่เฉิน ผิงอันที่อยู่ด้านข้างกลับฟังด้วยความรู้สึกไพเราะเสนาะหู จิตใจก็สงบ สุขมากเป็ นพิเศษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!