ชายแดนทิศตะวันออกเฉียงเหนือของราชวงศ์อวิ๋นเซียวมีภูเขา สูงตระหง่านแห่งหนึ่งที่ไร ้เงาผู้คน นับแต่โบราณมาก็ไม่เคยมีผู้ฝึกตน มาบุกเบิกถ้าสถิตอยู่ที่นี่ หูเฟิงและอู๋ถีจิง ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มสองคนที่พบ เจอแล้วถูกชะตากันอย่างมากจึงมาเปิดภูเขาก่อตั้งพรรคที่นี่อย่างเป็ น ทางการ
คาว่างานพิธีก็แค่จุดประทัดไม่กี่พวง ตั้งโต๊ะสุราอาหารโต๊ะหนึ่ง เท่านั้น
ทว่าพื้นที่ที่ปราณวิญญาณบางเบาเช่นนี้ ภูเขาที่พอจะถือว่า บุกเบิกเป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมได้อย่างถูไถเช่นนี้ก็ยังถูกตี้ชื่อสกุล หงของอวิ๋นเชียวกลุ่มหนึ่งตามมาเจอ ป่ าวประกาศว่าสถานที่แห่งนี้ คือหนึ่งในต้นกาเนิดแม่น้าเส้นหนึ่งที่ทางราชสานักกาลังจะแต่งตั้ง อย่างเป็ นทางการ ในเมื่อมาเปิดจวนอยู่ที่นี่ ตามกฎแล้วก็ต้องพาพวก เขาสองคนไปที่เมืองหลวงด้วยกันรอบหนึ่ง ต้องถูกกรมพิธีการจดลง บันทึก เขียนชื่อแซ่ ภูมิลาเนาและสานักที่สืบทอดอย่างชัดเจน เมื่อ ทางราชส านักตรวจสอบสถานะและประวัติแล้วถึงจะสามารถก่อตั้ง พรรคได้อย่างเป็ นทางการ อีกทั้งทุกปียังต้องบรรณาการ “ค่าเช่า” ให้กับทางราชส านัก…สรุปก็คือมีเรื่องยิบย่อยยาวเป็ นพรวน ทาเอาอู่ ถีจิงที่ได้ฟังเกือบจะชักกระบี่ฟันคนอยู่
แล้ว
ผลคือพออีกฝ่ ายได้ยินว่าหูเฟิงคือคนของเขตการปกครองหลง เฉวียนซูโจวของราชส านักต้าหลี ท่าทีของราชส านักสกุลหงและขุน นางในท้องถิ่นก็เปลี่ยนไปหนึ่งร ้อยแปดสิบตลบทันที
ไม่เพียงแต่ไม่ได้ตอแยหูเฟิ งต่อ กลับกันยังเป็ นฝ่ ายบอกท่าน เซียนซือจากต่างถิ่นทั้งสองคนว่าต้องการให้พวกเขาน าแผ่นประกาศ ไปแปะไว้ที่ว่าการใกล้เคียง ออกคาสั่งห้ามแห่งขุนเขาหรือไม่ หลีกเลี่ยงไม่ให้มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกนายพรานหรือคนเก็บ สมุนไพรทะเล่อทะล่าเข้ามายังที่แห่งนี้เป็ นการรบกวนการฝึกตนของ เขียนชื่อทั้งสองท่าน
นอกจากนี้ยังมีขุนนางของกรมพิธีการคนหนึ่งที่ตั้งใจมาเยี่ยม เยือนโดยเฉพาะ ข้างกายยังมีผู้ฝึ กตนอายุมากที่เคยเดินทางผ่าน อาณาเขตของหลงโจวเก่าติดตามมาด้วย เขามาพูดคุยกับหูเฟิ ง ถ้อยคาที่ใช ้ระมัดระวังอย่างยิ่ง อันที่จริงก็เพื่อพิสูจน์สถานะคนของต้า หลีของหูเฟิง เห็นว่าหูเฟิงพูดถึงขนบธรรมเนียมของบ้านเกิดได้อย่าง ไร ้ข้อผิดพลาดก็ไม่กล้าถามให้มากความอีก พากันกลับไปอย่าง รวดเร็ว เพราะแค่นี้ก็พอที่จะให้เขาเอากลับไปรายงานกับทางราช ส านักได้แล้ว
ตรงตีนเขา มองส่งอีกฝ่ ายจากไป อู๋ถีจิงถามว่า “พวกเขาไม่คิด ว่ายุ่งยากบ้างหรือ? แค่ถามไปทางอู่โจวของต้าหลีโดยตรงก็ได้แล้ว
ถึงอย่างไรที่ตรอกเอ้อหลางมีหรือไม่มีคนที่ชื่อหูเฟิง จดหมายฉบับ เดียวก็สามารถยืนยันในเรื่องเล็กๆ นี้ได้แล้ว”
หูเฟิงส่ายหน้า “พวกเขาไม่กล้ารบกวนราชสานักต้าหลีด้วยเรื่อง เล็กน้อยแค่นี้หรอกอีกอย่างแคว้นต่างๆ ทางทิศใต้ของแจกันสมบัติ ทวีปก็กลัวว่าหน่วยจานกานของกรมอาญาต้าหลีจะไปหาที่สุดแล้ว”
อู๋ถีจิงยิ้มเอ่ย “ดูจากท่าทางสกุลหงอวิ๋นเซียวคงแทบอยากจะยก เจ้าขึ้นหิ้งบูชาเลยทีเดียว ฟังจากความหมายทั้งในและนอกของพวก เขา หากพวกเราพยักหน้าตอบตกลงก็สามารถเป็ นผู้ถวายงานเชื้อ พระวงศ์ได้แล้ว? สถานะต้าหลีของพวกเจ้าล้าค่าขนาดนี้เชียวหรือ?”
หูเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ก็แค่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีมา นี้เอง หากเป็ นเมื่อก่อนก็คงไม่ได้มีสถานการณ์เช่นนี้แล้ว เซียนซื อบนภูเขากับปัญญาชนล่างภูเขาอ่อนน้อมถ่อมตนกับราชวงศ์สกุล หลูและสกุลเกาต้าสุยมากที่สุด ต่อให้เป็ นภายหลังที่กองทัพม้า เหล็กต้าหลีเขมือบกลืนราชวงศ์สกุลหลูก็ยังมีปัญญาชนอยู่ไม่น้อยที่ ยังคงเลื่อมใสศรัทธาในแคว้นอื่น ชอบยกยอเท้าเหม็นๆ ขึ้นมาดม แต่ หากเป็ นสถานการณ์ภายในแคว้นตัวเองกลับจับผิดทุกเรื่อง หากใช ้ คากล่าวของต่งสุ่ยจิ่งก็คือคนที่คุกเข่าพูดจาแข็งกระด้าง ทว่าคนที่ ทั้งๆ ที่สามารถยืนได้กลับดันชอบนั่งคุกเข่าพูด”
“ตอนที่ชุยฉานเป็ นราชครูก็ไม่คิดจะควบคุมหน่อยหรือ? น่ า ร าคาญใจนัก”
อู๋ถีจิงรู ้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก “ตอนนี้คงดีขึ้นแล้วสินะ”
“ราชครูชุยมีความรู้มาก กิจธุระรัดตัว คาดว่าคงไม่มีเวลามา สนใจเรื่องพวกนี้ หรือก็อาจคร ้านที่จะมาควบคุม คาดว่าส่วนลึกในใจ ของราชครูชุยก็คงไม่เคยเห็นพวกเขาเป็ นบัณฑิตกระมัง”
หูเฟิ งพยักหน้า “ปัญญาชนกลุ่มนี้ตอนนี้พากันเปลี่ยนคาพูด ใหม่แล้ว ประชันกันเรื่องความเฉลียวฉลาดสติปัญญา ชาวบ้านอย่าง พวกเราไหนเลยจะสู้คนที่เคยอ่านตาราศึกษาเล่าเรียนมาก่อนอย่าง พวกเขาได้”
เดินขึ้นเขากันไปอีกครั้ง ผู้ฝึกกระบี่สองคนเดินไปคุยกันไปด้วย หูเฟิ ง ตลอดทั้งปี มักจะแต่งกายอย่างยากจนสวมชุดผ้าป่ านสวม รองเท้าสาน เรือนกายแข็งแกร่งกายา อันที่จริงอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ มองดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่าๆ เท่านั้น เพียงแต่ว่าไม่ได้ดูเฉลียว ฉลาดมีไหวพริบสักเท่าไร เพราะชอบทาสีหน้าที่มชื่อสายตาเหม่อ ลอยอยู่เป็ นประจ า
แต่อู๋ถีจิงที่อายุแท้จริงยังไม่ถึงยี่สิบปี กลับมีรูปโฉมงดงามหล่อ เหลา มีมาดของเซียนซีออย่างมาก สวมชุดคลุมอาคมสีเขียวมรกต ศีรษะสวมกวานหยกม่วง ตรงเอวรัดด้วยเข็มขัดหยกขาว
เพราะหูเฟิ งกังวลว่าร่องรอยของเขาจะถูกเปิ ดเผยท าให้เกิด ปัญหาที่ไม่จาเป็ นจึงบอกให้อู๋ถีจิงใช ้นามแฝง หลีกเลี่ยงไม่ให้ภูเขา ตะวันเที่ยงสืบเสาะข้อมูลจนตามมาเจอ
คนหนึ่งขอบเขตประตูมังกร คนหนึ่งขอบเขตโอสถทอง ทั้งสอง ฝ่ายต่างก็ปิดบังสถานะผู้ฝึกกระบี่ของตัวเอง
แม้จะบอกว่าด้วยขอบเขตของพวกเขาสองคน อยู่ใน ราชวงศ์อวิ๋นเซียวที่มีราชครูเป็ นขอบเขตก่อกาเนิดแค่คนเดียวแห่งนี้ คิดจะเดินกร่างล่างภูเขาก็ยังไม่เป็ นปัญหา เพียงแต่ว่าก็ยังต้อง
ระมัดระวังเพื่อที่จะได้ขับเรือนานหมื่นปี
เมืองเล็กมีค าพูดเก่าแก่มากมาย ยกตัวอย่างเช่นเดินทางตอน กลางคืนบ่อยๆ สักวันย่อมต้องได้เจอผี หรือยกตัวอย่างเช่นคนที่ เคราะห์ร ้าย วันใดหันตัวกลับก็อาจจะเก็บทองก้อนเจอในกองอาจมก็ เป็ นได้
อู๋ถีจิงคือคนที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูงจนแทบจะใกล้เคียงกับคา ว่าหลงตัวเอง แต่หูเฟิ งกลับเป็ นคนที่นิสัยนุ่มนิ่ม พูดจาอ่อนโยน เชื่องช ้า
ทุกวันนี้พรรคของพวกเขามีพวกเขาแค่สองคน คนหนึ่งเป็ นเจ้า ประมุข คนหนึ่งเป็ นผู้คุมกฎ
คุยกันไปคุยกันมาก็คุยไปถึงกิจธุระต่างๆ ในพรรค วันนี้หูเฟิงก็ พร่าพูดเหมือนสตรีขี้บ่นอีกว่า ตอนที่อู๋ถีจิงออกมาจากภูเขาตะวัน เที่ยงไม่ว่าอย่างไรก็ควรพกเงินเทพเซียนมาด้วยถึงจะถูก ไม่ควร ออกมาตัวเปล่าเล่าเปลือยเช่นนั้น เหมือนกับหย่าร ้างแล้วไม่ได้ ทรัพย์สินอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ถุงเงินสักใบก็ยังไม่มี
อู๋ถีจิงถูกหาเรื่องจนอารมณ์เสียแล้ว ตะเบ็งเสียงเอ่ยว่า “หูเฟิง เจ้า ไม่ร าคาญบ้างเลยหรือไร ถึงได้ชอบยกเรื่องนี้มาพูดอยู่เรื่อย!”
หูเฟิงไม่สนใจอู๋ถีจิงที่จู่ๆ ก็เกรี้ยวกราดแม้แต่น้อย ยังคงพูดเนิบ นาบต่อไปว่า “สตรีที่ต่อให้มีฝีมือแค่ไหนไร ้วัตถุดิบก็ปรุงอาหารรส เลิศไม่ได้ เงินหนึ่งแดงก็ทาให้วีรบุรุษอับอายได้ตอนนี้พรรคของพวก เรามีสถานการณ์อย่างไรยังต้องให้ข้าพูดมากอีกหรือ”
ผู้คุมกฏท่านนี้พูดพึมพากับตัวเองว่า “ถึงอย่างไรวันหน้าพรรค แห่งนี้ของพวกเราหากว่ายังมีผู้ฝึกตนทาเนียบที่คล้ายคลึงกับเจ้าอีก สักคน เขาไม่ยินดีจะอยู่ในพรรคนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ควรต้อง มอบเงินให้เขาสักถุง จะต้องให้เงินฝนธัญพืชสักสองสามเหรียญ”
อู๋ถีจิงเอาสองมือสอดรองไว้ใต้ท้ายทอย “ในถ้าสวรรค์มีสมบัติอยู่ ทั่วทุกหนแห่ง แค่เก็บมาสักชิ้นสองชิ้นเอาออกไปขาย ทีนี้ไม่ว่าอะไร ก็มีแล้ว ไหนเลยจะเป็ นเหมือนตอนนี้ที่เป็ นคนยากจนสองคนใช ้ตา ใหญ่มองตาเล็กกันอยู่?”
หูเฟิงส่ายหน้า “ข้าตั้งกฎข้อหนึ่งให้กับตัวเอง ของที่อยู่ในคราบ จักจั่นจะไม่เอาออกไปข้างนอกสักชิ้นเดียว”
หูเฟิงหันหน้ามาเอ่ย “หากว่าเจ้าชอบข้าก็จะมอบคราบจักจั่นให้ เจ้า แต่เจ้าต้องรับปากกับข้าว่าก่อนเจ้าจะเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตบนก็ ต้องรักษากฏข้อนี้เหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!