กลุ่มของซ่งซวี่ก็ยิ่งรู ้สึกตกตะลึงกันมากยิ่งกว่า ทาไมถึงเป็ นหลี่ซี เซิ่งแห่งสกุลหลี่ของถนนฝูลู่ถ้าสวรรค์หลีจูได้ล่ะ?
อันที่จริงการที่หลี่ซีเซิ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมการโต้วาทีสามลัทธิ ก่อนหน้านี้ตอนที่รู ้เรื่องก็ทาให้พวกเขาประหลาดใจกันมากพอแล้ว
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของถ้าสวรรค์หลีจู หลีซีเซิ่งคือคนที่ไม่ สะดุดตาที่สุด เกี่ยวกับคนผู้นี้ ในเอกสารของกรมอาญาต้าหลีมีแค่ เนื้อหาที่เรียบง่ายอย่างมาก ในนั้นมีอยู่สองข้อที่บอกว่าเคยต่อสู้กับ เฉาจวิ้นผู้ฝึกกระบี่จากต่างถิ่นในตรอกหนีผิง และหลี่ซีเซิ่งยังเคยวาด ยันต์ไว้บนเรือนไม้ไผ่ของภูเขาลั่วพั่ว แต่การต่อสู้ครั้งนั้นผลแพ้ชนะ เป็ นอย่างไร รวมไปถึงประสิทธิผลของยันต์บนเรือนไม้ไผ่เป็ นอย่างไร ล้วนไม่มีบันทึกเอาไว้
“ยังดีที่มาทันเวลา”
แต่ละฝ่ ายคุมเชิงกันอยู่ในสามมุม หลี่ซีเซิ่งมองไปยังคนสองกลุ่ม ที่มาถึงก่อนตนนานแล้วก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ของชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้อง กับมหามรรคาของน้องสาวข้า ไม่ว่าผู้อาวุโสจะอาศัยเวทกระบี่ที่เลิศ ล้า ฝืนเปิดกล่องเหล็กก็ดี หรือพวกเจ้าจะใช ้ขวดโบราณที่อาจารย์ หยวนแห่งกองโหราศาสตร ์สร ้างขึ้นเองกับมือบรรจุตะวันใหญ่ดวงนี้ก็
ช่าง ข้ารู ้สึกว่ายังคงไม่มั่นคงทั้งสองวิธี ซึ่งก่อนจะทาเช่นนั้น เกรงว่า คงต้องมีการตกลงแบ่งกันให้ดีก่อน”
เซี่ยโก่วยิ้มกว้าง “ฟังจากน้าเสียงคือหากเจ้าเป็ นคนทาแล้ว จะต้องมั่นคงอย่างนั้นหรือ?”
หลี่ซีเซิ่งพยักหน้า “ข้าพอจะเป็ นวิชายันต์อยู่สองสามบทที่
สามารถเอามาใช ้งานได้พอดี”
เซี่ยโก่วหัวเราะอย่างไม่รู ้สึกสนุก จับประคองหมวกขนเดียว ครั้ง นี้นางเริ่มจะรู ้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
นางทนเห็นคนอื่นโอ้อวดต่อหน้าตัวเองไม่ได้ที่สุด จะมาแข่งเรื่อง พรสวรรค์ด้านการฝึกตนกับนางอย่างนั้นรึ?
หลี่ซีเซิ่งยิ้มอธิบายว่า “ผู้อาวุโสอย่าได้เข้าใจผิด ข้าก็แค่มา รับรองให้เท่านั้น ไม่มีใจละโมบอยากได้ของสิ่งนี้ รอให้ข้าเปิดกล่อง แล้วค่อยการาบจินอูตัวนั้น ไม่ให้มันวิ่งพล่านไปทั่วจนชักนาให้เกิด แผ่นดินไหวทั้งทวีป พวกเจ้าสามารถนั่งลงปรึกษากัน ตัดสินใจก่อน ได้ว่าของชิ้นนี้จะตกเป็ นของใคร”
ซ่งซวี่เป็ นฝ่ายแสดงความเป็ นมิตรกับหลี่ซีเซิ่งก่อน “ซ่งซวี่คารวะ อาจารย์หลี่”
เด็กสาวยิ้มกว้าง แนะนาตัวเองตามไปด้วย “สกุลอวี๋หม่าเฟิ่ น อวี๋อวี๋”
“เก๋อหลิ่ง คนของสกุลจวี้หรง รับหน้าที่เป็ นเต้าสู่ของเมืองหลวง ชั่วคราว”
“ลูกศิษย์ของชานหยาเก่า ลู่ฮุย”
“หันโจ้วจิ่นแห่งพื้นที่มงคลชิงถาน”
หลวงจีนน้อยพนมสองมือ เอ่ยอย่างเหนียมอายว่า “โฮ่วแจว๋แห่ง หน่วยแปลคัมภีร ์เมืองหลวง ยังไม่ได้อุปสมบท”
หลี่ซีเชิงประสานมือคารวะทุกคน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หลี่ซีเซิ่งแห่ง เขตการปกครองหลงเฉวียน พี่ชายใหญ่ของหลี่เป่าผิง”
เซี่ยโก่วถามหยั่งเชิง “เจ้ากลับมาจากดินแดนพุทธะสุขาวดีนาน แค่ไหนแล้ว? หนึ่งเดือน หรือว่าแค่ไม่กี่วัน?”
หลี่ซีเซิ่งใช ้เสียงในใจเอ่ย “เพิ่งมาจากวัดฮว่อเสียแห่งภูเขาเซ่อ ซาน”
หากไม่เป็ นเพราะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของที่นี่ หลี่ซีเซิ่งก็ไม่ มีทางหวนกลับมายังใต้หล้าไพศาลเร็วขนาดนี้ อีกทั้งเรื่องแรกที่ทา หลังกลับมาถึงใต้หล้าไพศาลก็คือต้องไปที่นครจักรพรรดิขาว แน่นอน
เซี่ยโก่วกึ่งเชื่อกึ่งกังขา เจ้าคิดว่าตัวเองคือขอบเขตสิบสี่หรืออย่างไร? …….
หลังจากหลินโส่วอีออกมาจากต าหนักฉางชุนก็ติดตามพวก หยวนฮว่าจิ้งไปเมืองหลวงก่อนรอบหนึ่ง อันที่จริงเรื่องที่เขาฝ่ าทะลุ ขอบเขตเป็ นหยกดิบไม่จ าเป็ นต้องให้เขาไปรายงานตัวที่กรมอาญา ด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าหลินโส่วอีมีความสัมพันธ ์ที่ไม่เลวกับราช ส านักต้าหลีมาโดยตลอด หาไม่แล้วปีนั้นเขาก็คงไม่ตอบตกลงเป็ น คนเฝ้ าศาลลาน้าฉีตู้ และหลินโส่วอีก็เป็ นคนที่รักษากฎกับทุกเรื่อง วางตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างรัดกุมไร ้ช่องโหว่ คือวิญญูชน ผู้ถ่อมตัวที่ทุกคนให้การยอมรับ และนี่ก็ทาให้เขามีคาประเมินที่ดีมาก ในสองกรมอย่างกรมพิธีการและกรมอาญาของต้าหลี ตอนที่ไป “ขานชื่อ” ที่กรมอาญาจึงมีแต่เสียงแสดงความยินดี
หลังจากนั้นหลินโส่วอีก็ทะยานลมไปที่ศูนย์ตัดต้นไม้แห่งหงโจว
ทุกวันนี้ศูนย์ตัดต้นไม้ไม่มีเรื่องอะไรให้ทา หลินเจิ้งเฉิงนั่งอยู่ใน ห้องทางานที่เงียบสงบระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ขุนนางห้ามดื่มเหล้า บน โต๊ะจึงมีกับแกล้มสุราจาพวกถั่วลิสงโรยเกลืออยู่สองสามจาน พอเห็น หลินโส่วอี บุรุษผู้นี้ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่โยนถั่วลิสงใส่ปากเคี้ยว ช ้าๆ
หลินโส่วอีหยิบเหล้าหมักของต าหนักฉางชุนหลายกาออกมา จากชายแขนเสื้อ วางลงบนโต๊ะ บอกว่าซ่งอวี๋ผู้อาวุโสไท่ซ่างเป็ นผู้ มอบให้ วันหน้าหากท่านพ่ออยากดื่มเหล้าชนิดนี้ก็แค่บอกกล่าวกับ ตาหนักฉางชุนสักคา พวกเขาจะส่งมาให้ที่ศูนย์ตัดต้นไม้โดยตรง เงินค่าสุราคิดลงบัญชีของเขาหลินโส่วอี
หลินเจิ้งเฉิงเหลือบมองเหล้าหมักเซียนที่ล้าค่าของบนภูเขา แจกันสมบัติทวีปซึ่งยากจะได้มาครองสักกา เอ่ยอย่างไม่ค่อยรับน้าใจ นักว่า “ดื่มเองก็รังเกียจว่าแพงไป แล้วยังไม่มีใครให้เอาไปมอบให้ ด้วย เอากลับไปเถอะ”
หลินโส่วอียิ้มกล่าว “ได้ยินว่าฟู่ หูหัวหน้าของท่านพ่อตอนอยู่ ส านักรายงานข่าวของเมืองหลวง ทุกวันนี้ไปเป็ นนายอาเภออยู่ที่ อ าเภออผิงหนัน เอาไปมอบให้เขาได้”
หลินเจิ้งเฉิงคิดแล้วก็ไม่ปฏิเสธอีก ฟู่ หูไปรับหน้าที่เป็ นขุนนาง นอกเมืองหลวง เป็ นขุนนางหลักของอาเภอเบื้องบน แน่นอนว่าเป็ น เพราะเขาได้บอกกล่าวกับหลางจงสองคนในกองคัดเลือกขุนนางบู๊ กรมกลาโหมและกองชิงลี่กรมพิธีการไว้ก่อน ไม่ได้ขอตาแหน่งขุน นางให้อีกฝ่ ายโดยตรง ก็แค่ช่วยพูดดีๆ ถึงฟู่ หูไปหลายประโยค ราช สานักต้าหลีที่ได้ยินก็รู ้ทันทีว่าต้องท าเช่นไร จึงผลักเรือตาม กระแสน้ามอบตาแหน่งงานที่ว่างอยู่ให้ฟู่ หู ถือเป็ นการไว้วางใจให้เขา ทางานสาคัญในการโยกย้ายไปรับตาแหน่งที่เท่าเดิมแล้ว
หากจะพูดถึงศาสตร ์ในการมองคน หลินเจิ้งเฉิงย่อมต้องมีฝีมือ มาก หาไม่แล้วจะเป็ นหุนเจ่ออยู่ในแจกันสมบัติทวีปได้อย่างไร
หลินเจิ้งเฉิงผงกปลายคางไปทางหน้าประตู หลินโส่วอีรู ้ใจ บิดา อยากจะจิบเหล้าสักสองสามจอก เขาจึงโบกชายแขนเสื้อปิดประตู ห้องให้
หลินเจิ้งเฉิงขมวดคิ้วน้อยๆ หลินโส่วอีมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ทันใด
หลินเจิ้งเฉิงไม่ได้ร่ายเหตุผลในการวางตัวอะไรให้อีกฝ่ ายฟัง ใช ้ นิ้วหนึ่งเคาะโต๊ะเบาๆหลินโส่วอีก็เริ่มหยิบจอกเหล้าออกมา ลุกขึ้น แล้วรินเหล้าให้อีกฝ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!