น้าและดินของพื้นที่หนึ่งหล่อเลี้ยงคนของพื้นที่หนึ่ง เก้าทวีปของ ไพศาล เมื่อกาลเวลาผันผ่าน สถานที่แห่งหนึ่งจะต้องมีวัตถุที่สยบ พิทักษ์สถานที่ ยกตัวอย่างต้นอู๋ถงหมื่นปีที่อยู่ในใบถงทวีป
และแจกันสมบัติทวีปที่มีรูปร่างเหมือนแจกันก็เป็ นหลักการ เดียวกัน
จุดลึกของเส้นชีพจรดินคือดินแดนไท่ซวี (เอกภพ จักรวาล โลก กว้างใหญ่ไพศาล และอาจหมายถึงดินแดนที่ว่างเปล่าเวิ้งว้าง) ที่มี ตราผนึกหนาชั้นแห่งหนึ่ง กว้างใหญ่ไร ้ที่สิ้นสุดนอกจากสองฝ่ ายที่ คุมเชิงกันแล้ว ตรงกลางอากาศก็มีกล่องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมที่มีอักขระ โบราณเต็มไปหมดอยู่หนึ่งใบ ด้านล่างกล่องมีถาดรองที่ทาจากไม้ เรียบง่ายคอยค้ายันกล่องเหล็กให้ลอยตัวอยู่
เซี่ยโก่วนั่งขัดสมาธิอยู่ในดินแดนไท่ซวีแห่งนี้ สองแขนกอดอก สายตาเผยแววชื่นชมพูดเหมือนคนแก่ว่า “คลายตราผนึกขุนเขา สายน้าสองชั้นต้องอาศัยสมบัติอาคมและพละกาลังที่ต้องทาลายให้ ได้สามชั้น พวกเจ้าสามารถเดินมาถึงที่นี่ได้ก็ถือว่ามีคุณูปการใน การสู้รบที่ไม่ธรรมดาแล้ว ในตารามีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการเยี่ยม เยือนสหายในยามค่าคืนที่มีหิมะตกไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าสามารถมา
เยือนอย่างฮึกเหิมและกลับไปอย่างมีความสุขได้แล้วล่ะ ดูสิ หิมะตก แล้ว เป็ นหิมะใหญ่เท่าขนห่านเชียวนะ”
นางบอกว่าหิมะตกก็มีหิมะตกลงมาจริงๆ
เป็ นมิตรหรือศัตรูก็ยังมิอาจรู ้ได้ ซ่งซวี่ใช ้เสียงในใจเอ่ยเตือนคน ที่เหลืออีกห้าคนว่าไม่ต้องรีบร ้อนลงมือ
เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนใหญ่ที่อาพรางลมปราณและคอยติดตาม พวกเขาจนมาถึงที่นี่ใครเล่าจะกล้าประมาท ผู้ฝึกตนห้าคนของสาย แผนภูมิดินตั้งท่าพร ้อมต่อสู้ อวี๋อวี๋ที่ตรงเอวห้อยป้ ายอักษรค าว่า ‘ซวี’ ใช ้ฝ่ ามือสองข้างสร ้างค่ายกล ประกายแสงแวววาว ฝ่ ามือและหลังมือ ของเด็กสาวเต็มไปด้วยอักษรโบราณลายเมฆ บนไหล่ข้างหนึ่งของ นางมีจิตหยินเซียนกระบี่บรรพกาลที่อยู่ในรูปโฉมของเด็กหนุ่ม ปรากฏขึ้นมา เรือนกายเล็กจิ๋ว สวมกวานดอกพุดตานไว้บนศีรษะ พกกระบี่สวมเสื้อสีชาด ไข่มุกสีขาวร ้อยเย็บตามตะเข็บของชุด
หันโจ้วจิ่นอาจารย์ค่ายกลอักษร “อู่” ไม่จ าเป็ นต้องท ามุทราท่อง คาถาก็สร ้างต าหนักจวนเซียนที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีพื้นดินเป็ นสีชาด รอบต าหนักมีไอม่วงลอยกรุ่น ด้านในมีเสียงขับร ้องดุจเสียงจาก สวรรค์ลอยแว่วมา
หลวงจีนน้อยสวมจีวรผ้าโปร่งสีเรียบง่าย ห้อยป้ ายอักษร “เฉิน” มือสองข้างสร ้างตราผนึก ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ตาข้างที่ หลับมีบ่อสายฟ้ าผุดขึ้นมา ใต้ฝ่าเท้าคือสระดอกบัว
เซี่ยโก่วจุ๊ปากอย่างประหลาดใจ “ใช ้วิธีการของคนเย็บผ้า กระทาสิ่งที่ถือว่าล้าเส้นกล้าออกคาสั่งวิญญาณหยินบรรพบุรุษของ เซียนกระบี่บรรพกาลตนหนึ่ง ทั้งยังหลอมที่ว่าการในอาณาเขต ปกครองของเซียนเจินยุคโบราณ นิมิตภาพและความคิดที่สะอาด บริสุทธิ์ของหลวงจีนน้อย ระหว่างที่ลืมตาหลับตา อาศัยสิ่งนี้มา เชื่อมโยงหยินหยางและความมืดความสว่าง คนผู้หนึ่งที่ฝึกพระธรรม กลับสามารถเล่าเรียนวิชาห้าอสนีของนักพรตจมูกโคหน้าเหม็นได้ ด้วย พวกเจ้าแต่ละคนร ้ายกาจกันมากเลยนะ มีความสามารถ คือคน มีความสามารถ คือคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นอย่างสมชื่อ!”
อวี๋อวี๋ใช ้เสียงในใจเอ่ย “เร็วเข้า รีบทานายดูความตื้นลึกหนาบาง ของอีกฝ่ ายดูสิ ดูว่ามีความเป็ นมาอย่างไร หากสู้ไม่ได้ก็เผ่นหนี ถึง อย่างไรคราวหน้าพวกเราค่อยเรียกก าลังเสริมมาก็ได้”
ไม่อาจแน่ใจในอายุที่แท้จริงของเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวผู้นี้ แต่ขอบเขตต้องเริ่มต้นที่ห้าขอบเขตบนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็ นผู้ ฝึกตนที่ไม่เคยมีอยู่ในบันทึกของกรมอาญาต้าหลีแน่นอน นี่ก็แปลก มากแล้ว หรือว่าจะเป็ นผู้ฝึกตนต่างถิ่นที่เพิ่งแฝงตัวเข้ามาในแจกัน สมบัติทวีป?
เณรน้อยพนมสิบนิ้ว พูดเหมือนท่องคาถา “ขอพระพุทธเจ้า คุ้มครองให้วันนี้ไร ้เรื่องราวใด ต่อให้มีเรื่องน่าตกใจแต่ก็ไร ้อันตราย ทุกคนล้วนปลอดภัย วันหน้าข้าจะต้องไปบริจาคค่าน้ามันค่าธูปที่ ศาลสักหน่อย ไม่ใช่การค้า แต่เป็ นความจริงใจอย่างหนึ่ง”
แขกไม่ได้รับเชิญที่แก้มสองข้างแดงเป็ นปั้นคล้ายจะได้ยินเสียง ในใจของเขาจึงยิ้มกว้างเอ่ยว่า “นักพรตน้อยเลิกท านายได้แล้ว จะ สิ้นเปลืองแรงใจไปเปล่าๆ ถึงอย่างไรก็เป็ นคนกันเอง อ้อมไปอ้อมมาก็ ยังเป็ นญาติกันอยู่ดี ไม่มีทางได้ตีกันหรอก”
เณรน้อยพนมสองมืออีกครั้ง พึมพาว่า “พระพุทธเจ้าคุ้มครอง”
เตะโดนแผ่นเหล็กอีกแล้ว มาเจอยอดฝีมือนอกโลกอีกครั้งหรือ ไร
หากรู ้อย่างนี้แต่แรกตอนออกจากบ้านก็ควรจะพลิกเปิดปฏิทินดู มาก่อน
อวี๋อวี๋หัวเราะร่วน “ญาติ? คนกันเอง? หมายความว่าอย่างไร ผู้ อาวุโสคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง?”
เซี่ยโก่วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกเจ้า”
สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของนักพรตเก๋อหลิ่ง อวี๋อวี๋ก็ถามอย่าง สงสัยว่า “ก็แค่ทานายเท่านั้น หากกระอักเลือดก็เป็ นเรื่องปกติ แต่เจ้า หลับตาทาไม เอ๊ะ ทาไมถึงน้าตาไหลด้วยเล่า?”
เก๋อหลิ่งกะพริบตาปริบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เอ่ย อย่างจนใจว่า “น่าประหลาดมาก คล้ายกับมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่อยู่ ใกล้ในระยะประชิด แค่มองแวบเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว”
อวี๋อวี๋เอ่ยอย่างขมขื่น “จบกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีจุดจบเหมือน แตงเหมือนผักที่ถูกหั่นอยู่ดีสินะ”
เก๋อหลิ่งพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มจืดเงื่อน
มีความเป็ นไปได้มากว่าอีกฝ่ายจะเป็ นเซียนเหริน
ทุกวันนี้มีโจวไห่จิ้งซึ่งเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขามาเสริมช่อง โหว่สุดท้าย หากว่าคนทั้งสิบสองคนล้วนอยู่ที่นี่ด้วยก็ยังพอจะมีพลัง ให้ต่อสู้ได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่พวกหยวนฮว่าจิ้งหกคนอยู่ที่ตาหนัก ฉางชุน ไม่ได้ติดตามมาค้นหาสมบัติด้วย
เซี่ยโก่วถอนหายใจ “นี่ก็คือจุดจบของการที่ไม่ยอมฟังคาเกลี้ย กล่อมแล้ว ไม่ยอมฟังค าพูดของผู้ใหญ่ ความเสียเปรียบก็ “อยู่ ตรงหน้า’ เลยอย่างไรล่ะ ค าโบราณพูดได้ถูกต้องไหมล่ะ?”
“ตอนนี้ยังไม่อาจติดต่อกับพวกหยวนฮว่าจิ้งได้ อาจารย์เฉินก็ไม่ อยู่ด้วย จะท าอย่างไรกันดี?”
เด็กสาวกระทืบเท้า “หรือว่าจะต้องดื่มเหล้าจริงๆ?!”
ก่อนหน้านี้อยู่ในโรงเตี๊ยมของก่ายเยี่ยน อาจารย์เฉินช่วย “ถ่ายทอดมรรคา” ให้พวกเขาทุกคน กาจัดภัยแฝง หลีกเลี่ยงไม่ให้ เจอจิตมารระหว่างที่ฝึ กตนในอนาคต เพียงแต่ว่าพอเป็ นอวี๋อวี๋ อาจารย์เฉินกลับบอกว่าให้นางดื่มเหล้าให้มากๆ
ภูเขาเล็กลูกนี้ของพวกเขา ผู้นาคือผู้ฝึ กกระบี่ซ่งซวี่ มันสมอง และกุนซือกลับเป็ นอวี๋อวี๋ที่มองดูเหมือนเอะอะโวยวาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!