เป็นขอบเขตประตูมังกรก่อนแล้วค่อยไปศึกษาคาถาวิชาเปลวเพลิงที่
ไร้รากฐานบทนี้
กลางอากาศเหนือภูเขาฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบ ท้องฟ้าสีคราม
สดใสพลันมีเสียงฟ้าร้องดังครืนครั่น
นี่คือลางที่หลินโส่วอีจะออกจากด่านส าเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้ว
ทั้งไม่มีทัณฑ์สวรรค์เยื้องกรายลงมา แล้วก็ เห็นได้ชัดว่า…..น่า
เบื่อมาก
ครู่หนึ่งต่อมาก็มีบุรุษสวมชุดลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งเดินออกมาจาก
ในถ ้า ทุกๆ ลมหายใจของเขา ทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของหลินโส่
วอีจะต้องมีสายฟ้าสีทองเส้นเล็กๆ ผุดออกมาเหมือนเจียวหลงที่เกาะ
อยู่บนผนังภูเขา
ซ่งอวี๋และจงหนันผู้เป็นลูกศิษย์ พวกหยวนฮว่าจิ้งห้าคนต่างก็
ทะยานลมไปยังฝั่งตรงข้ามทันที
ซ่งอวี๋ทามุทราคารวะ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “สหายหลิน ขอแสดงความ
ยินดีด้วย”
หลินโส่วอีและซ่งอวี๋พบหน้ากันเป็นครั้งแรกคือที่เมืองหงจู๋เมื่อ
หลายปีก่อน คนหนึ่งอยู่บนเรือ อีกคนหนึ่งอยู่บนฝั่ง แม้ว่าซ่งอวี๋จะมี
อายุมาก อีกทั้งยังมีฐานะสูงอยู่บนภูเขา แต่นางพูดจาตลกขบขัน ทั้ง
ยังไม่ใช่คนคร ่าครึ ปีนั้นแค่มองปราดเดียวนางก็รู้แล้วว่าหลินโส่วอีคือ
ตัวอ่อนด้านการฝึกตนที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง ยังเคยเอ่ยหยอกล้อกับเด็ก
หนุ่ม จงใจบอกว่าตัวเองเป็นเทพเซียนบนภูเขาตัวจริงเสียงจริง และ
ยังพูดคาว่า “สัจธรรมห้าอสนี” ออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นคาพูดที่ ไม่
ถือว่าเรียบง่ายมากพอ” โอ้อวดมาดของเซียนชื่ออย่างมากแล้ว
ตอนนั้นหลินโส่วอีอยู่ที่ภูเขาฉีตุนได้ตาราเหนือเมฆพร่างพราว
ไปเล่มหนึ่ง ถือว่าเพิ่งเริ่มเกี่ยวพันกับวิชาอสนี อีกทั้งเนื้อหาใน
ต าราเต๋เล่มนี้ก็เข้าใจยากอ่านไม่รื่นหู เด็กหนุ่มที่ตอนนั้นเพิ่งออก
จากบ้านเกิดไปได้ไม่ไกลจึงยังไม่เข้าใจน ้าหนักที่แท้จริงของค าว่า
“สัจธรรมแห่งห้าอสนี” อยู่ดี
ทางฝั่งของศาลาถูกคนนอกสองคนที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับมา
เป็นนกพิราบยึดรังนกกางเขน
เฉินผิงอันเอนหลังพิงเสา สองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ ใช้
ปลายเท้าแตะพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า หัวเราะร่าเอ่ยว่า “หากจะพูดจริงๆ
ยังต้องยกคุณความชอบให้กับตาราลับที่เจ้า มอบไปให้เล่มนั้น?”
เว่ยป้อนั่งอยู่บนเก้าอี้คนงามด้วยท่วงท่าเกียจคร้าน สองมือพาด
ไปบนราวระเบียง ยกขานั่งไขว่ห้าง ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าไม่กล้ารับคุณ
ความชอบนี้มาหรอก”
ปีนั้นอยู่บนภูเขาฉีตุน มือกระบี่คนหนึ่งที่บอกว่าเวทกระบี่ของตน
แม้แต่น ้าที่สาดมาก็ยังขยับเข้าใกล้ไม่ได้ พาเด็กหนุ่มเด็กสาวมา “นั่ง
ลงแบ่งทรัพย์สินกัน
ภาพเหตุการณ์ในเวลานั้น ใช้ค ากล่าวของแม่นางน้อยชุดผ้า
ฝ้ายบุนวมสีแดงมาพูดก็คือแม้แต่หลินโส่วอีก็ยังวิ่งอย่างรวดเร็ว ผล
คือหลินโส่วอีเป็นคนแรกที่ได้เลือกสมบัติ เด็กหนุ่มหน้าตาคมคาย
หมดจดที่ตลอดทางพูดน้อยที่สุด ถูกใจ “ตาราเหนือเมฆพร่างพราว”
ที่ผูกด้วยเส้นด้ายสีทองเล่มนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และตอนที่หลิน
โส่วอีไปขอศึกษาต่อที่ส านักศึกษาก็เคยติดตามอาจารย์ในส านัก
ศึกษาของราชวงศ์ต้าสุยคนหนึ่ง ตั้งใจไปดูเมฆสายฟ้าในอาณาเขต
ของขุนเขาเหนือต้าสุยโดยเฉพาะ ฝึกตนอยู่ในถ ้าตระกูลเซียนแห่ง
หนึ่งที่มีชื่อว่าภูเขาเสินเซียวนานหลายเดือน อาจารย์คนนั้นยังเคย
มอบขวดฟ้าร้องที่เอาไว้รวบรวมสายฟ้าขวดหนึ่งให้กับเขาโดยเฉพาะ
ในอดีตมีครั้งหนึ่งที่เฉินผิงอันกลับบ้านเกิดได้เดินขึ้นเขาไป
พร้อมกับเด็กสาวผูกผมหางม้า เพราะนึกได้ว่าหลินโส่วอีคือคนแรกที่
ฝึกตนในบรรดากลุ่มของพวกเขา อีกทั้งยังฝึกวิชาอสนี ดังนั้นเฉินผิง
อันจึงขอความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องระวังในการฝึกวิชาอสนีกับหร่วน
ซิ่ว นางจึงพูดถึงสิ่งที่ตัวเอง “เคยได้ยินคนอื่นพูดมา” ภายหลังเฉินผิง
อันได้จดแต่ละอย่างลงสมุดแล้วถึงได้มอบให้กับหลินโส่วอี ความ
ตั้งใจเดิมของเฉินผิงอันไม่ได้คาดหวังว่าจะชดเชยช่องโหว่อะไรได้
ด้วยซ ้า แค่อยากเห็นว่าหลินโส่วอีจะมีแรงบันดาลใจเพิ่มมาได้บ้าง
หรือไม่
หลังจากนั้นมาอีกเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาวก็มาเยือน
อ าเภอไหวหวงอย่างลับๆ ไปหาคนพิฆาตมังกรที่แอบแฝงอยู่ใน
วิญญาณของนักพรตตาบอดบางคน แล้วจึงรับกู้ช่านเป็นลูกศิษย์
ระหว่างนั้นจงจวีจงได้ใช้ “ตาราเหนือเมฆพร่างพราว” ที่ตัวเขา
เขียนเสริมให้เนื้อหาครบถ้วนเล่มหนึ่งมาแลกของสิ่งหนึ่งจากหลิน
โส่วอี ก็คือภาพค้นภูเขาที่ “สืบทอดจากบรรพบุรุษ” ซึ่งเฉินผิงอัน
ได้มาจากนักพรตเฒ่าเจี่ยเฉิงแล้วจึงมอบต่อให้กับหลินโส่วอีอีกที
ที่แท้ตาราเหนือเมฆเล่มนี้ก็มาจากนครจักรพรรดิขาว เจิ้งจวีจง
เคยถามมรรคากับภูเขามังกรพยัคฆ์ และขอแค่เจิ้งจวีจงประลองมรรค
กถากับผู้อื่น โดยทั่วไปแล้วอีกฝ่ายก็อย่าหวังว่าจะออมฝีมือได้อีกเลย
และเพียงไม่นานเจิ้งจวีจงก็เรียบเรียงตาราเหนือเมฆเล่มนี้ขึ้นมาด้วย
ตัวเองจริงๆ ประเด็นสาคัญคือหลังจากที่ภูเขามังกรพยัคฆ์ “ขอยืม
อ่าน” ตาราเล่มนี้จากนครจักรพรรดิขาวแล้ว เหล่าผู้สูงศักดิ์หวงจื่อห
ลายคนในจวนเทียซื่อต่างก็หันมามองหน้ากันเอง บื้อใบ้ไร้คาพูด ทั้ง
ที่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาวิชาห้าอสนีของบ้านตนมาเป็นกระจกเงาแอบขโมย
เรียนวิชาไป แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบตาราเหนือเมฆ
แค่ไหนก็มีแค่ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างเดียวเท่านั้น ตาราเต๋า
เล่มหนึ่ง ระหว่างตัวอักษรแต่ละบรรทัด ไม่ว่าตรงไหนก็รู้สึกผิดปกติ
ไปเสียหมด ทุกหนทุกแห่งล้วนมีความเกี่ยวพันแนบแน่นกับวิชาอสนี
ที่สืบทอดกันอย่างลับๆ ของจวนเทียนซือ แต่ก็ดูเหมือนว่าหาก
เปรียบเทียบกันขึ้นมาจริงๆ ก็เหมือนจะมีหลักการเหตุผลของเจิ้งจวีจง
เองอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าทางฝั่งของ จวนเทียนซือยังสามารถยืมเอา
มาเป็นบทเรียนได้ด้วย?
เพียงแต่ว่าส่วนที่หลินโส่วอีได้มาอยู่ในมือเป็นฉบับไม่สมบูรณ์
คล้ายกับฉบับต้นเหมาะให้ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างฝึกวิชาสายฟ้า
เท่านั้น ส่วนเจิ้งจวีจงนั้นช่วยเขียนฉบับกลางและฉบับล่างที่เหมาะกับ
ห้าขอบเขตกลางและห้าขอบเขตบนขึ้นมา สุดท้ายชุยตงซานก็
รวบรวมตาราลัทธิเต๋าวิชาอสนีครบทั้งสามเล่ม เขียนความเข้าใจและ
คาอธิบายของตัวเองเอาไว้จนเต็ม นี่เป็นเหตุให้การฝึกตนของหลิน
โส่วอีไม่เพียงแต่บุกรุดหน้าเหมือนผ่าล าไม้ไผ่พัฒนาไปได้อย่าง
ว่องไว อีกทั้งแทบจะไม่เคยเจอด่านหรือคอขวดใดๆ อีกด้วย
เฉินผิงอันถาม “รากฐานมหามรรคาของอาจารย์ผู้เฒ่าในสานัก
ศึกษาซานหยาผู้นั้น?”
เว่ยป้อพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ก็เหมือนที่เจ้าเดานั่นแหละ ก็คือร่างแยก
ของสารถีเฒ่าในเมืองหลวง ผู้อาวุโสแห่งวิถีเทพที่เกือบจะประมือกับ
เจ้าผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าเขาถูกใจในคุณสมบัติด้านการฝึกตนของหลิน
โส่วอีมานานแล้ว”
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของถ ้าสวรรค์หลีจู พวกหลินโส่วอี หม่าขู่
เสวียนและเซี่ยหลิงพวกเขาไม่ค่อยเหมือนกับพวกเฉินผิงอัน หลิว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!