ในความเป็ นจริงแล้วเมื่อพันปี กอนเจิ้งจวีจงก็ได้รวบรวมเงิน เหรียญทองแดงแก่นทองมาไว้แล้ว อาศัยช่องทางต่างๆ ซื้อหาเศษ ชิ้นส่วนร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เมื่อประมาณหนึ่งร ้อยปีก่อน นครจักรพรรดิขาวก็ยิ่งกว้านซื้อ ของสิ่งนี้มาโดยไม่สนต้นทุนที่จะต้องจ่าย จากการลงมือในทาง ส่วนตัวของเจิ้งจวีจงกลายมาเป็ นบทเรียนบทหนึ่งของผู้ฝึกลมปราณ ห้าขอบเขตบนแห่งนครจักรพรรดิขาว ลูกศิษย์ผู้สืบทอดและผู้ถวาย งานทุกคนจะแบ่งตามระดับความสูงต่าของขอบเขตรับซื้อเงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองก้อนหนึ่งมาในจานวนที่ไม่เท่ากัน
นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ฝึกตนอิสระอีกมากมายที่สามารถอาศัยของ ชิ้นนี้มาเป็ นอิฐเคาะประตู หลังจากนั้นมานครจักรพรรดิขาวยังสร ้าง ภูเขา “ประตูข้าง” ที่ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ไม่ได้รับการบันทึกชื่อแต่สามารถมาฝึกตนอยู่ที่นี่ จะได้รับตาราลับ และคัมภีร ์เต๋าของนครจักรพรรดิขาว
เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจถามหลี่ซีเซิ่ง “ต้านรับไหวหรือไม่?”
“ตอนนี้ยังมิอาจให้คาตอบได้”
หลี่ซีเซิ่งพูดไปตามความจริงว่า “ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็ น สถานการณ์แบบใดก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สรุปก็คือพวกเราต้อง
เตรียมใจรับผลลัพธ ์ที่เลวร ้ายที่สุดเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะเจ้าที่แม้ว่า จะแค่ควบคุมค่ายกล มองดูเหมือนแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ แต่แท้จริงแล้ว ล าพังเพียงแค่ประคับประคองไม่ให้กระบี่บินสองเล่มบินลอยตัวไม่ร่วง ตกลงไปก็ถือว่าไม่ผ่อนคลายอย่างมากแล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้า เขาเตรียมใจมาไว้บ้างแล้ว
หลี่ซีเซิ่งยิ้มเอ่ย “มีเพียงเตรียมใจยอมรับผลลัพธ ์ที่เลวร ้ายที่สุด เท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติรอคอยผลลัพธ ์ที่ดีที่สุด”
เฉินชิงตูเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสของกาแพงเมืองปราณกระบี่ โค่วหมิงเจ้าลัทธิใหญ่แห่งป๋ ายอวี้จิงของใต้หล้ามืดสลัว อวี่เค่อหลี่เซิ่ง แห่งศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง ดูเหมือนว่าต่างก็เป็ นบุคคลที่สามารถฝาก ความเชื่อถือไว้ให้ได้อย่างไร ้ที่สิ้นสุด
เฉินผิงอันได้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองหกร ้อยเหรียญมาก็เริ่ม หลอมอย่างรวดเร็วขณะเดียวกันก็ดึงพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแต่ละแห่ง ในฟ้ าดินให้ขยับออกห่างไปสามพันลี้
จุดที่ห่างไปไกล สายตามองเห็นคือแผ่นหลังของผู้ฝึ กกระบี่ “หนุ่ม” คนนั้น
อาจารย์ซานซานจิ่วโหวอดีตตัวส ารองของสิบผู้กล้า ใต้ฝ่ าเท้า ของเขามีภูเขายันต์สามลูก แม่น้ายันต์หนึ่งสาย
ใช่ว่าปรมาจารย์มหาปราชญ์จะลงมือไม่ได้ แต่หากปรมาจารย์ มหาปราชญ์มาผลาญตบะอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าในอนาคตโจวมี่ก็จะ มีโอกาสชนะเพิ่มมาหนึ่งส่วน
อีกอย่างอยู่ที่นี่ปรมาจารย์มหาปราชญ์ก็ต้องเผชิญหน้ากับ ปัญหายากที่อยู่ในสภาพการณ์พอๆ กับหย่าเซิ่ง เหวินเซิ่งและเจ้า ลัทธิศาลบุ๋น เพราะถึงอย่างไรบรรพจารย์สามลัทธิต่างหากจึงจะเป็ น สุดยอดของวิถีแห่งการ “ผสานมรรคาด้วยดินอวยพร” แน่นอนว่า บรรพจารย์สามลัทธิไม่ได้ผสานมรรคากับแค่ดินอวยพรเท่านั้น
นี่จึงเป็ นเหตุให้ต้องเลือกทางที่เบาที่สุดจากสองทางที่มีแต่ผลร ้าย สืบสาวราวเรื่องกันแล้วนอกจากใต้หล้าเปลี่ยวร ้างแล้ว ภัยร ้ายใหญ่ที่ มีร่วมกันของใต้หล้าสี่แห่งในทุกวันนี้ก็ยังคงเป็ นมหาสมุทรความรู ้โจว มี่ที่เดินขึ้นฟ้ าไปแล้วคนเดียวเท่านั้น
หากว่ากันในบางความหมาย หมื่นปีที่ผ่านมาผู้ที่เป็ นสิงห์ร ้ายที่มี ความเห่อเหิมทะเยอทะยานมากที่สุด ไม่มีหนึ่งใน ก็คือโจวมี่
เจี่ยเชิงแห่งไพศาลในอดีตผู้นี้ทยอยผ่านด่านสามด่าน และอยู่ใน ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็ได้เลื่อนขั้นเป็ นขอบเขตสิบสี่อย่างเงียบเชียบ
โจมตีกาแพงเมืองปราณกระบี่ที่ตั้งตระหง่านมาหมื่นปีให้แตก พ่าย
ก่อสงครามท าให้แผ่นดินของสามทวีปอย่างใบถง ฝูเหยาและ เกราะทองของใต้หล้าไพศาลบ้านเกิดในอดีตจมดิ่งลงอย่างสิ้นเชิง
สุดท้ายจึงเข้าไปอยู่ในสรวงสวรรค์บรรพกาล หลุบตาลงต่ามอง มายังโลกมนุษย์
ก็เหมือนนิยายเทพเซียนปรัมปรายาวนานนับหมื่นปีที่เต็มไปด้วย สีสันตระการตา บนหน้าหนังสือมีวีรบุรุษผู้กล้าจ านวนนับไม่ถ้วนกรู กันมาปรากฏตัว เจ้าเพิ่งร ้องจบข้าก็ขึ้นเวทีแสดงต่อ ต่างคนต่าง
ประสบความส าเร็จในงานของตัวเอง
ผลคือหน้าสุดท้าย แน่นอนว่าสามารถนับย้อนมาจากด้านหลัง เป็ นหน้าที่สอง ตัวอักษรที่เขียนเรียงกันแน่นขนัด ซ้าไปซ้ามา มีแค่ สองตัวอักษรเท่านั้น ก็คือชื่อของคนคนหนึ่ง
ก็เหมือนความคิดในใจบางอย่างของผู้ฝึ กตนบนยอดเขา มากมายในหลายใต้หล้าทุกวันนี้
เฉินชิงตูก็ดี ซิ่วหูชุยฉานก็ช่าง เพราะถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็ ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
มีเพียงโจวมี่ที่ยังไม่ตาย
และหลี่เซิ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดจะผ่อนคลายได้อย่างไร? ใน ความเป็ นจริงแล้วหลี่เซิ่งก็คือคนที่ไม่ผ่อนคลายมากที่สุด ไม่มีหนึ่งใน
เพราะวิธีการผสานมรรคาก็คือ ‘พิธี” (หลี่ ยังแปลได้ว่าจารีต มารยาท ธรรมเนียม) ของตลอดทั้งใต้หล้าไพศาล เป็ นเหตุให้การที่ห ลี่เซิ่งขัดขวางการพุ่งชนของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างมีความเป็ นไปได้อย่าง
ยิ่งว่าได้แต่อาศัยกายเนื้อและกายธรรมเท่านั้น มิอาจใช ้วิชาอภินิหาร ใดๆ ได้
นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทาไมก่อนหน้านี้เฉินผิงอันถึงได้ถามหลี่เซิ่งว่า จะต้านทานไว้ได้หรือไม่
หากไม่แล้วนี่ก็เป็ นแค่ประโยคที่ไร ้สาระเท่านั้น
เฉินผิงอันหลอมเงินเหรียญทองแดงแก่นทองหกร ้อยเหรียญให้ หลอมรวมเข้าไปในแม่น้าแห่งกาลเวลา ความเร็วนั้นมีมากอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็เปิ ดปากเอ่ยว่า “ผู้เยาว์มีความคิดสมมติอย่างยิ่ง จะ สามารถซ ้อนค่ายกลเข้าด้วยกันได้หรือไม่?”
อวี๋เสวียนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อ้อ ซ ้อนค่ายกล? เจ้าขุนเขาเฉิน เชี่ยวชาญด้านค่ายกลด้วยหรือ?”
จากนั้นเฉินผิงอันก็ใช ้เสียงในใจบอกกล่าวความคิดคร่าวๆ ของ ตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว
การซ ้อนค่ายกลต่อจากนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!