กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1004

อาจารย์ซานซานจิ่วโหวแค่เหลือบมองไปทางด้านนั้นก็ทาให้ ปีศาจใหญ่ที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกันสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะมาก

เฉินผิงอันทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง นี่ก็คือพลังอานาจที่มี เฉพาะของตัวส ารองสิบผู้กล้าแห่งใต้หล้าแล้ว

ไม่เหมือนบนภูเขาในโลกยุคหลังที่ยังพิถีพิถันในคาว่าชื่อเสียง ของคนเงาของต้นไม้ที่อาจยังมียอดฝีมือชั้นวางดอกไม้ไม้พายถ่อเรือ ที่มีแต่ขอบเขตเสียเปล่าหลายคน ผู้ฝึกลมปราณที่ได้เข้าร่วมศึกเดิน ขึ้นฟ้ าหรือไม่ก็เห็นสงครามครั้งนั้นกับตาตัวเอง แต่ละคนที่เดินบน เส้นทางการฝึกตนของตัวเองไปทีละก้าวจนได้ไปยืนอยู่บนยอดเขา สูงสุดของโลกมนุษย์ทุกคนต่างก็เป็ นบุคคลที่เชี่ยวชาญการเข่นฆ่า อย่างถึงที่สุดเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้นไม่พูดถึงคนอื่น พูดถึง แค่เสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ตอนนั้นเป้ าหมายที่เขาต้องถาม กระบี่ด้วย แค่เลือกใครมาสักคนแล้วเอามาไว้ในปัจจุบันนี้ มีใครบ้างที่ ไม่อาจเรียกได้ว่าไร ้ศัตรูเทียมทาน?

แม้ว่าการเดินทางไกลมายังนอกฟ้ าครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ ายจะเพิ่งเคย พบหน้ากันเป็ นครั้งแรก แต่เฉินผิงอันก็เหมือนจะเคยศึกษาอาจารย์ ซานซานจิ๋วโหวอย่างละเอียดมาก่อน อ้อมไปอ้อมมาก็มี ความสัมพันธ ์และความเกี่ยวข้องที่ไม่ตื้นเขินต่อกัน

พูดถึงแค่การเดินทางไปยังใจกลางของเปลี่ยวร ้างครั้งนั้น สุดท้ายอ้อมเส้นทางกะทันหันมุ่งหน้าไปที่ภูเขาทัวเยว่ก็ต้องยกคุณ ความชอบให้กับยันต์สามภูเขา

แม้จะบอกว่ายันต์ใหญ่แผ่นนี้ไม่ใช่อาจารย์ซานซานจิ่วโหวที่เป็ น ผู้สร ้างคนแรก แต่อิงตามคากล่าวของลู่เฉินก็เป็ นเพราะปีนั้นผู้อาวุโส ท่านนี้ไปเป็ นแขกที่นครชิงชุ่ยป๋ ายอวี้จิง หลังจากท าการสอบถามไป รอบหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาถึงได้วาดยันต์นี้ออกมาได้

ตอนที่เจ้าลัทธิใหญ่โค่วหมิงยังไม่หายสาบสูญไป นครอวี้หวงที่ เป็ น “นครหยกสิบสองหอเรือน สูงตระหง่านอิงแอบสีเขียวขจี” แห่ง นั้นก็มักจะมีการกาหนดระยะเวลาถ่ายทอดวิชาความรู ้ให้กับใต้หล้า อยู่เป็ นระยะ ไม่มีธรณีประตูใดๆ ไม่จ ากัดชาติก าเนิดและขอบเขตของ ผู้ฝึกตน ล้วนสามารถอาศัยการผ่าน “ประตูใหญ่” แต่ละบานที่อยู่ใน อาณาเขตของหลายมณฑลเข้ามาในเมืองแห่งนี้ได้ อาจารย์ซาน ซานจิ่วโหวก็เคยปกปิดสถานะเข้าเมืองไปรับฟังการบรรยาย สุดท้าย โค่วหมิงสัมผัสได้ถึงร่องรอยของอีกฝ่ ายก็ยึดหลักมารยาทที่ผู้เยาว์พึง มีขอความรู ้ด้านวิชายันต์จากตัวสารองสิบผู้กล้าท่านนี้อย่างนอบ น้อม

นอกจากนี้พื้นที่มงคลสามภูเขาที่สานักว่านเหยาเป็ นผู้ ครอบครองก็เคยเป็ นหนึ่งในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของอาจารย์ซาน ซานจิ่วโหวมาก่อน

บรรพจารย์บุกเบิกภูเขาของสานักว่านเหยาท่านนั้น เฉินผิงอัน คาดเดาว่าบางทีอาจจะเป็ นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อ ของผู้อาวุโสท่านนี้

หาไม่แล้วไหนเลยจะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ นายพรานเด็กหนุ่ม คนหนึ่งของใบถงทวีปจับผลัดจับผลูเข้าไปในภาพวาดตระกูลเซียน สามารถมองเมินตราผนึกของค่ายกล บุกเข้าไปในพื้นที่มงคลได้?

ต้องรู ้ว่านครอวี้ป่านของราชวงศ์อวิ่นเหวินแห่งเปลี่ยวร ้าง เฉินผิง อันได้ที่วางพู่กันปะการังชิ้นหนึ่งมาครอง ซึ่งเป็ นกุญแจในการไข ประตูพื้นที่ลับแห่งหนึ่งที่ซุกซ่อนวังมังกรอยู่ในเทียบตัวอักษรของหอ หลินหลางป๋ ายอวี้จิง

และการที่เก็บวังมังกรของลาน้าใหญ่ที่ระดับขั้นสูงมากเข้ามาไว้ ในเทียบอักษรชิ้นหนึ่งได้ วิชาอภินิหารที่ใช ้ก็ต้องลี้ลับมหัศจรรย์มาก พอ ลู่เฉินถึงขั้นเดาว่าในซากปรักแห่งนั้นจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมี สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์น้าอาศัยอยู่ จุดที่มหัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ที่เจ้าหอ ของป๋ ายอวี้จิงท่านหนึ่งได้เสียเวลาไปนานถึงสองสามพันปีแต่ก็ยังไม่ อาจคลายตราผนึกนี้ได้ มิอาจรู ้วิธีที่จะเข้าไปข้างใน นี่แสดงให้เห็นถึง พรสวรรค์ที่สูงส่งในการวาดยันต์ของอาจารย์ซานซานจิ่วโหว

ป๋ ายจิ่งพลันเปิ ดปากพูดขอร ้อง “เจ้าขุนเขา ขอปรึกษาอะไร หน่อยสิ ฉวยโอกาสที่ยังพอมีเวลาว่าง ข้าอยากออกไปเจอสหายสัก หน่อย วางใจเถอะ จะไม่ถ่วงรั้งธุระสาคัญเด็ดขาด หากเจ้าไม่เชื่อใจ

ข้าสามารถออกคาสั่งทหาร ก่อนที่จะเปิดใช ้ค่ายกลต้านทานศัตรู หากข้ายังไม่กลับมาที่นี่ก็จะหิ้วหัวมาพบเจ้าแทน”

ในความเป็ นจริงแล้วป๋ ายจิ่งรู ้ตัวดีอย่างยิ่งว่าที่นี่ไม่มีเรื่องอะไร ของนาง นั่งบัญชาการณ์เดือนอธิกสุรทินหนึ่งในค่ายกลที่ทับซ ้อน กัน เมื่อเทียบกับค่ายใหญ่ทั้งแห่งแล้วก็เหมือนความสัมพันธ ์ระหว่าง เงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญกับเงินฝนธัญพืชหนึ่งเหรียญ แล้วนับประสา อะไรกับที่ข้างๆ กันยังมีเสี่ยวโม่คอยช่วยจับตามองให้ด้วย

เฉินผิงอันมองป๋ ายจิ่งที่มีท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือก็พยักหน้ารับ “รีบไปรีบกลับ”

คิดดูแล้วป๋ ายจิ่งคงไม่ถึงขั้นเปลี่ยนฝ่ ายแว้งกลับมาหันหอกใส่คน กันเอง หากนางตั้งใจจะทาอย่างนี้จริงๆ ออกจากค่ายกลใหญ่ไปเร็ว หน่อยกลับกลายเป็ นเรื่องดีมากกว่า

จากข้อตกลงที่ริมลาคลองเย่ลั่วก่อนหน้านี้ ป๋ ายจิ่งตอบตกลง กับป๋ ายเจ๋อว่าจะไม่เป็ นศัตรูกับเปลี่ยวร ้าง แต่ความเข้าใจของนางนั้น เรียบง่ายอย่างยิ่ง นั่นคือไม่เป็ นศัตรูกับป๋ ายเจ๋อ

ในเมื่อการใช ้ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างเป็ นค้อนทุบเมืองคือวิธีการของ โจวมี่ผู้นั้น ไม่ใช่คาสั่งของป๋ ายเจ๋อ คิดดูแล้วก็ไม่ถือว่านางท าผิดกฎ

อีกทั้งป๋ ายจิ่งมองพวกหลีโก้วแล้ว ดูจากท่าทางก็ไม่เหมือนว่าจะ มาต่อสู้ อย่างมากก็แค่มาร่วมวงความครึกครื้นที่นี่เท่านั้น ใช ้คากล่าว บ้านๆ ของเมืองเล็กก็คือยืนมองน้าท่วมอยู่ริมร่องน้า

อีกอย่างหากว่านางท าผิดกฎจริงๆ ด้วยนิสัยของป๋ ายเจ๋อจะต้อง เผยกายมาสั่งสอนนางว่าควรท าตัวอย่างไรด้วยตัวเองนานแล้ว

นี่จึงเป็ นเหตุให้พอได้รับคาอนุญาตจากเฉินผิงอัน ป๋ ายจิ่งก็แผด เสียงหัวเราะดังลั่นยกมือตบศีรษะตัวเองหนึ่งที กลับคืนมามีรูปโฉม เป็ นเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวอีกครั้งเรือนกายพลันกลายร่างเป็ น แสงสีรุ ้งเส้นหนึ่งลากเส้นแสงอยู่ในไท่ซวีนอกฟ้ ายาวหลายหมื่นลี้ แสง กระบี่เล็กบางแต่กลับรวมตัวกันอย่างหนาแน่น เพียงแค่ไม่กี่ชั่ว กะพริบตา ป๋ ายจิ่งหรือ ควรจะพูดว่าเซี่ยโก๋วก็พุ่งไปอยู่ใกล้กับกลุ่ม ของปีศาจใหญ่แห่งเปลี่ยวร ้าง นางพลันหยุดชะงักลอยตัวนิ่ง ยื่นนิ้วชี้ ไปยังเด็กหนุ่มที่มีดวงตาดาสองชั้น เซี่ยโก่วใช ้มือจับประคองหมวก ขนเตียว ยิ้มกว้างพูดด้วยสาเนียงท้องถิ่นที่ไม่รู ้ว่าไปเรียนรู ้มาจาก ไหน “หลีโก้ว มาเล่นเป็ นเพื่อนพี่สาวหน่อยดีไหม?”

เฉินผิงอันถาม “ป๋ ายจิ่งคิดจะท าอะไร?”

เสี่ยวโม่ลังเลเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าคุณชายของตนไม่ได้พูดเหน็บ แนมถึงได้บอกอย่างตรงไปตรงมาว่า “นางคิดจะถามกระบี่กับหลีโก้ว”

อวี๋เสวียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาเถียนจิน หัวเราะปากกว้าง ยกฝ่ามือขึ้นตบหัวเข่า

หลวี่เหยียนลูบหนวดยิ้ม คาถามข้อนี้ของเจ้าขุนเขาเฉินถาม อย่างเกินความจ าเป็ นไปสักหน่อย

เฉินผิงอันถามอย่างสงสัย “นางไม่กลัวว่าจะตกอยู่ในวงล้อม หรือ?”

ปีศาจใหญ่ยุคบรรพกาลหกคนที่มีหลีโก้วเป็ นหนึ่งในนั้น แต่ละ คนต่างก็มีศักยภาพเป็ นราชาบนบัลลังก ์ของเปลี่ยวร ้างในระดับขั้นสูง ที่สุดได้ พวกเฟยเฟย หวงหลวน เมื่อเทียบกับพวกตาเฒ่าที่มีอายุขัย การฝึ กตนหนึ่งหมื่นหลายพันปี พวกนี้แล้วก็ยังด้อยกว่าระดับหนึ่ง แม้ว่าป๋ ายจิ่งเองก็จะเป็ นผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตบินทะยานขั้นสมบูรณ์ แบบที่แท้จริงคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์ ขอบเขตสิบสี่

เสี่ยวโม่อธิบายอย่างอดทนว่า “ป๋ ายจิ่งเข่นฆ่ากับคนอื่นไม่เคยใช ้ สมอง”

จากนั้นเสี่ยวโม่ก็เอ่ยเสริมมาอีกประโยค “ป๋ ายจิ่งคือผู้ฝึกกระบี่ จานวนน้อยที่ไม่กลัวการถูกล้อมโจมตี”

เปลี่ยนคาพูดเสียใหม่ก็คือป๋ ายจิ่งชอบท้าต่อสู้กับคนเป็ นกลุ่ม อีก ทั้งยังเชี่ยวชาญการแว้งกลับสังหารด้วย

บทที่ 1004.1 สถานที่แห่งการผสานมรรคา 1

บทที่ 1004.1 สถานที่แห่งการผสานมรรคา 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!