มนุษย์ที่แท้นั้นอัศจรรย์นัก
เห็นเพียงว่าสองเท้าของหลี่เซิ่งเหยียบอยู่บนภูเขายันต์สองลูก ทันใดนั้นกายธรรมก็ถูกยกระดับขึ้นสูงอย่างน้อยหนึ่งเท่า สองเท้าพา ภูเขายันต์ก้าวเดินไปเหมือนสวมรองเท้า หลี่เซิ่งผินตัวมาด้านข้าง แต่ กลับทิ้งคันฉ่องสีทองที่เกิดจากการรวมตัวกันของตัวอักษรแห่งชะตา ชีวิตเอาไว้ที่เดิม ประหนึ่งกาแพงที่อ่อนนุ่มแต่กลับยืดหยุ่นมากพอ คอยขัดขวางทางไปของเรือข้ามฟากอีกครั้ง ส่วนตัวของหลี่เซิ่งก็ใช ้ แผ่นหลังกระแทกชนใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง แม่น้ายันต์ที่อยู่ด้านหลังก็ เหมือนเส้นทางใหม่เอี่ยมที่ถูกปูขึ้นมาใหม่ แบ่งแยกออกมาจาก เส้นทางชิงเต้าเส้นเดิม กายธรรมของหลี่เซิ่งหงายไปด้านหลัง สอง เท้าทยอยกันยกขึ้น ก่อนจะกระทืบลงบนไท่ซวีหนักๆ อีกครั้ง กาย ธรรมที่โน้มไปด้านหลังยิ่งโน้มเอียงลงไปอีกหลายส่วนค่อยๆ ขยับ เคลื่อนไปยังทิศทางของ “เรือข้ามฟาก” ผลักใต้หล้าเปลี่ยวร ้างทั้ง แห่งให้เข้าไปอยู่ในเส้นทางน้าของยันต์น้าสายนั้น แผ่นหลังของกาย ธรรมใหญ่ยักษ์หลี่เซิ่งเสียดสีกับค่ายกลของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างจนเกิด เป็ นริ้วแสงแวววาวพร่างพราวอย่างถึงที่สุด
ปีศาจใหญ่บรรพกาลที่วิ่งมาชมงิ้วเหลือแค่หลีโก้วกับอู๋หมิงซื่อ เท่านั้น
อู๋หมิงซื่ออดไม่ไหวหยิบกาเหล้าออกมาอีก กรอกเหล้าเข้าปาก อีกใหญ่ พูดกลั้วหัวเราะอย่างสาแก่ใจว่า “ไม่ต้องสงสัยแล้ว ต่อให้ผู้ ไร ้เทียมทานที่แท้จริงของป้ ายอวี้จิงจะไร ้เทียมทานแค่ไหนก็ไม่มีทางสู้ จอมปราชญ์น้อยได้แน่นอน”
หลีโก้วกล่าว “มีอะไรให้ต้องดีใจด้วยเล่า?”
อู๋หมิงซื่อพยักหน้า “ต้องดีใจสิ นี่หมายความว่าหมื่นปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ผู้มีพรสวรรค์และเวทคาถาจะมีมากแค่ไหนก็ยังไม่สูงเท่ามหา มรรคาของผู้ฝึกตนรุ่นพวกเรา”
หลีโก้วกล่าว “จะคิดแบบนี้ไม่ได้ ในหมื่นปี ที่ผ่านมานี้จอม ปราชญ์น้อยศึกษาเวทคาถามาเยอะมากนัก”
อู๋หมิงซื่อมีสีหน้าปั้นยาก เงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็อดไม่ไหว ยกมือขึ้นตบหัวของเด็กหนุ่มที่มีตาดาสองชั้น “รู ้หรือไม่ว่าทาไมปีนั้น เจ้าถึงอยู่ร่วมกับพวกบัณฑิตและนักพรตเผ่ามนุษย์กลุ่มนั้นไม่ได้?”
หลีโก้วกล่าว “เพราะข้าไม่รู้จักพูด”
ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยยิ้มเอ่ย “ที่แท้เจ้าก็รู ้ด้วยหรือ”
ชายฉกรรจ์ที่ไร ้ชื่อไร ้ชื่อ ถึงขั้นที่ว่าแม้กระทั่งชื่อจริงเผ่าปีศาจก็ ยังไม่มีผู้นี้ ปีนั้นมีความสัมพันธ ์ที่ไม่เลวกับอาจารย์ซานซานจิ่วโหว จริง สามารถถือเป็ นสหายครึ่งตัว สหายสุราครึ่งตัวได้ด้วยซ้า
คงเป็ นเพราะนิสัยที่เปื่อยเฉื่อยก็เลยมีเพื่อนน้อย ศัตรูก็ไม่เยอะ ไม่เหมือนกับป๋ ายจิ่งที่หากผูกปมแค้นกับใครก็ต้องจัดการอีกฝ่ ายให้ สิ้นซาก ไม่กี่ครั้งที่ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยลงมือก็ล้วนทาเพื่อสหาย ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่นเพื่อหลีโก้วที่พลังพิฆาตอยู่ไกลเกินกว่าจะ เทียบเขาได้ติด แต่กลับมีความสามารถในการป้ องกันสูงมากข้าง กายผู้นี้
ดังนั้นชายฉกรรจ์จึงเสียดายมากที่ผู้ฝึกกระบี่หลิวชามิอาจหวน คืนมายังเปลี่ยวร ้างได้ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ ายก็จะต้องกลายเป็ นสาหยสุรา คนใหม่ของเขาแล้ว
ป๋ ายจิ่งหัวเราะจนหุบปากไม่ลง แม้จะไม่ได้เห็นจุดจบของหูถูผู้นั้น กับตาตัวเอง แต่ก็พอจะเดาสถานการณ์ได้คร่าวๆ จากนั้นนางก็แสร ้ง ท าท่าเจ็บปวดรวดร ้าว พูดเสียงดังด้วยน้าเสียงเศร ้าใจว่า “เจ็บปวด หัวใจยิ่งนัก ช่างทาให้คนเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก! หูถูเจ้านี่ช่างเลอะเลือน (หูถู) จริงๆ!”
ชายฉกรรจ์หลุดหัวเราะพรีด ยกมือขึ้นแกว่งกาเหล้าที่อยู่ในมือ ไปทางป๋ ายจิ่ง
เมื่อก่อนทาไมถึงไม่เคยรู ้เลยว่าป๋ ายจิ่งชอบพูดจากระแหนะกระ แหนแบบนี้ด้วย?
ป๋ ายจิ่งกลอกตามองบนใส่ โบกมือบอกเป็ นนัยว่าพวกเราสองคน ไม่สนิทกัน เจ้าอย่ามาตีสนิทกับข้า เสี่ยวโม่ของข้าใจแคบนักล่ะ
หากว่าเสี่ยวโม่เข้าใจข้าผิด ข้าจะฟันเจ้าชะ
แต่หากเจ้ายินดีมอบกาเหล้าในมือมาให้ข้า วันหน้าพวกเราสอง คนก็สามารถเรียกกันเป็ นพี่สาวกับน้องชายได้แล้ว
ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยผู้นี้ชอบฟังเสียงสุราในกาแกว่งส่ายยามที่ ยกกาขึ้นกระดกดื่มเหล้าเลิศรส
กาเหล้าที่อยู่ในมือของเขาใบนี้ อันที่จริงเป็ นหนึ่งใน “บรรพบุรุษ” ของวัตถุฟางชุ่นในโลกยุคหลัง นอกจากจะมีความหมายเป็ นของที่ ระลึกแล้ว เนื่องจากเป็ นของกึ่งสาเร็จรูปชิ้นหนึ่ง ดังนั้นระดับขั้นจึงไม่ สูงมากนัก
วัตถุจื่อชื่อ วัตถุฟางชุ่นในมือของเซียนดินทุกวันนี้ ช่วงแรกเริ่ม สุดต่างก็มาจากหลันฉีหนึ่งในสิบผู้กล้าแห่งใต้หล้า เป็ นนางที่เป็ น ผู้น าแห่งการหลอมวัตถุบนภูเขาออกมาก่อนใคร
พูดถึงแค่การปรากฏตัวของวัตถุจาพวกนี้ อิทธิพลที่มีต่อ สถานการณ์บนภูเขาของโลกยุคหลังก็ลึกล้ายาวไกล มากจนมิอาจ ประมาณการณ์ได้ ถึงขั้นที่ว่าช่วยเพิ่มโอกาสชนะให้กับศึกเดินขึ้น ฟ้ าของผู้ฝึกตนในโลกมนุษย์ในช่วงแรกนั้นอย่างมากด้วย
ชายฉกรรจ์ดื่มเหล้าไปคาหนึ่งแล้วก็เช็ดมุมปาก อยู่ดีๆ ก็อดนึก ถึงประโยคจริงใจหลังจากดื่มเหล้าไปแล้วของอาจารย์ซานซานจิ่ว โหวหนึ่งในเพื่อนรักที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ในปีนั้นไม่ได้
“ทาให้พวกนักพรตที่ไม่ควรถูกหลงลืมทั้งหลายถูกคนรุ่นหลัง จดจ าได้อย่างยาวนานต่อให้ผ่านไปพันปีหมื่นปี ต่อให้จะแค่ถูกคน คนหนึ่งหรือคนแค่ไม่กี่คนจดจาไว้ได้ก็ตาม
ด้านหลังหลี่เซิ่ง ในที่สุดอาจารย์ซานซานจิ่วโหวก็ลงมืออย่าง แท้จริงแล้ว
เขาเรียกยันต์ออกมาหนึ่งปีก มีแค่ยันต์ใหญ่สองชนิดเท่านั้น ใช ้ ยันต์อักษรน้าฟันเปิดแม่น้าแห่งกาลเวลาเส้นหนึ่งบนเส้นทางที่ใต้หล้า เปลี่ยวร ้างพุ่งทะยานไปข้างหน้า สะบั้นการชักนากันระหว่างเรือลานี้ กับวิถีเส้นทางชิงเต้าที่มีอยู่แต่เดิม จากนั้นจึงใช ้ยันต์อักษรภูเขาตั้ง กาแพงแห่งแล้วแห่งเล่าขึ้นมาขนาบสองข้างฝั่งของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง และยันต์แม่น้าประหนึ่งสร ้างเขื่อนยาวขึ้นมาสองข้างฝั่งของท้องน้า เพื่อที่จะให้เรือข้ามฟากที่ล่องมาตามความว่างเปล่าลานี้มองดูคล้าย ร่วงลงไปสู่ “ด้านล่าง” แต่แท้จริงแล้วกลับถูกยกให้ล่องขึ้นเนินสูง
ขณะเดียวกันอาจารย์ซานซานจิ่วโหวก็เริ่มร่ายวิชาอภินิหารแห่ง ชะตาชีวิต บังคับขุนเขาบนพื้นดินของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง
เพียงแต่ว่าถูกกุ่ยเค่อขัดขวางทันที ผู้ฝึกตน “หนุ่ม” คนนี้ออก คาสั่งย้ายรากภูเขาบนพื้นดิน สุดท้ายได้แต่ถูกจากัดไว้ในอาณาเขต โดยรอบฐานที่ตั้งทั้งหลายของใต้หล้าไพศาลเท่านั้น
ทางฝั่งของภูเขาใหญ่แสนลี้มียอดเขาแห่งหนึ่งที่สูงที่สุด ผู้เฒ่า หลังค่อม สองตากลวงโบ๋ เฒ่าตาบอดที่เวลานี้ข้างเท้าไม่มีหมาเฝ้ า
บ้านมานอนหมอบยืนอยู่ริมหน้าผาอย่างโดดเดี่ยว ยื่นมือมาลูบข้าง แก้มที่เว้าตอบของตัวเองคล้ายกาลังลังเลอะไรอยู่
ลูกศิษย์คนดีที่เป็ นทั้งลูกศิษย์เปิดภูเขาและลูกศิษย์ปิดสานักผู้ นั้น ทุกวันนี้ดูเหมือนจะได้เป็ นนักปราชญ์ของส านักศึกษาแล้ว
แต่พวกหนอนหนังสือในศาลบุ๋นกลับค่อนข้างดื้อดึง ก่อนหน้านี้ เอ่ยประโยคว่าห้ามให้มีคราวหน้าอีก ดูท่าคิดจะอาศัยคุณความชอบ ก้อนใหม่ที่สะสมมา มาช่วยให้ลูกศิษย์ได้เป็ นวิญญูชนคงหมดหวัง แล้ว
และตัวเขาเองจะต้องการตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดบนสมุดคุณ ความชอบของศาลบุ๋นไปท าอะไร คิดดูแล้วเฒ่าตาบอดก็รู ้สึกว่าไม่มี ความหมายอะไร จึงหมุนตัวเดินกลับไปยังที่พักผ่านห้องของหลี่ไหวก็ หยุดเท้า ผลักประตูห้องให้เปิดออก เห็นเพียงว่าบนโต๊ะวางเหล้าไว้ หลายกา ตาราหนึ่งปีก คงเพราะเตรียมเอาไว้ให้อาจารย์อย่างเขาได้ อ่านหนังสือพลางดื่มสุราไปด้วย
อวี๋เสวียนบังคับแม่น้ายันต์ที่ปูแผ่อยู่กลางอากาศเหมือนผืนพรม เขาเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย ผู้ฝึกตนใหญ่ที่ได้ยึดครองคาว่า “ยันต์” ไป เพียงลาพังผู้นี้มีจินตนาการบรรเจิด ความกล้าหาญก็สูงมาก ถึงกับ พยายามที่จะวาดยันต์บิดแม่น้าแห่งกาลเวลาส่วนหนึ่งบนเส้นทางของ แม่น้ายันต์ อาศัยสิ่งนี้มาเปิดประตูใหญ่บานหนึ่ง ช่วยให้เรือลานั้นยิ่ง ออกห่างจากเส้นทางชิงเต้าที่กาหนดไว้มากยิ่งขึ้น คิดไม่ถึงว่าประตู ใหญ่ยังไม่ทันเปิด ได้แค่สร ้างธรณีประตูที่เกิดจากการทับซ ้อนกัน
ของยันต์หลายชั้นเท่านั้นก็ถูกลมปราณที่เป็ นดั่งกระแสน้าขึ้นลูก ใหญ่โถมชัดจนสลายสิ้น อวี๋เสวียนได้แต่หยุดมืออย่างขุ่นเคือง คานวณในใจอย่างรวดเร็วพักหนึ่งเส้นทางนั้นถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่า ยังเตรียมการได้ไม่ดีพอ ฉุกละหุกเกินไป หากให้เวลาที่มากพอและมี ยันต์ที่ถูกหลอมในปริมาณมหาศาลแก่เขา ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถ สร ้างประตูใหญ่สองบานไว้ในสองสถานที่ของดินแดนไท่ซวีนอกฟ้ า ได้จริงๆ พอเรือเข้าไปในประตูบานหนึ่งก็จะออกจากประตูบานที่สอง ทันที ก็เหมือนสร ้างกุยซวีเชื่อมสองสองใต้หล้าเอาไว้…
หลวี่เหยียนส่ายหน้า ยิ้มเอ่ย “ความคิดของสหายอวี๋ดี เพียงแต่ ว่ายากที่จะทาได้ส าเร็จ”
อวี๋เสวียนหัวเราะร่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!