เฉินผิงอันรีบใช ้เสียงในใจถามทันทีเลยว่า “เสี่ยวโม่ หากข้าวาง เค้าโครงของยันต์นี้เจ้าสามารถใช ้ปณิธานกระบี่มาเติมเส้นสายให้ เต็มได้ไหม?”
เสี่ยวโม่ส่ายหน้า “ข้าคือคนที่ไม่เชี่ยวชาญในด้านสายยันต์ มิ อาจช่วยอะไรได้ ต่างเพียงเสี้ยวก็เหมือนไกลห่างนับพันลี้ ต่อให้หวน กลับไปยังไพศาลสามารถสงบใจ ท าการอนุมานซ้าไปซ้ามาอยู่ใน พื้นที่ประกอบพิธีกรรม คาดว่าก็ยังต้องเสียเวลาในการฝึกตนที่ล้าค่า ของคุณชายไปเปล่าๆ อยู่ดี”
มองไปยังป๋ ายจิ่ง เสี่ยวโม่เอ่ยอย่างไม่ยินยอมพร ้อมใจนัก “บางที หากเปลี่ยนมาเป็ นป๋ ายจิ่งอาจจะช่วยคุณชายได้ดีกว่า”
เฉินผิงอันจึงได้แต่ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ผู้ฝึกตนหนุ่มพลันเข้ามาในค่ายกล “เจ้าขุนเขาเฉิน ให้ข้ามา เป็ นคนคุมค่ายกลใหญ่นี้ชั่วคราว เจ้าเตรียมทางหนีทีไล่ไว้คอย รับมือ”
นอกจากต้องอาศัยค่ายกลทับซ้อนมาบิดหมุนหัวเรือของใต้หล้า เปลี่ยวร ้างให้ได้อย่างสมบูรณ์ บีบให้เข้าไปใน “วิถีทางที่ถูกต้อง” ซึ่ง วิญญาณยันต์ปูเอาไว้แล้ว ยังต้องให้อิ่นกวานหนุ่มผู้นี้เรียกกระบี่ที่
เป็ นกุญแจสาคัญมาสกัดขวาง ทุกขั้นตอนต้องร ้อยเรียงต่อกัน จะ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้
เฉินผิงอันพยักหน้า
อาจารย์ซานซานจิ่วโหวถาม “รู ้หรือไม่ว่าควรออกกระบี่ อย่างไร?”
เฉินผิงอันตอบ “ผู้เยาว์จะพยายามท าให้ได้”
เจิ้งจวีจงได้ยินแล้วก็คลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ซานซานจิ่วโหวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ของเจิ้งจวีจงจึงใช ้เสียงในใจถามว่า “อาจารย์เจิ้งมีอะไรจะพูดหรือ?”
เจิ้งจวีจงยิ้มกล่าว “ไม่มีอะไรจะพูด”
แม่น้ายันต์ที่กว้างขวางซึ่งเดิมทีอยู่เหนือค่ายกลที่ทับซ ้อนเป็ นแค่ จอกแหนดอกหนึ่งที่ล่องลอยอยู่บนผิวน้าเท่านั้น
และหลังจากที่เฉินผิงอันมอบอานาจหลักในการโคจรค่ายกล ใหญ่ไปให้ อาจารย์ซานซานจิ่วโหวนั่งลงเฝ้ าพิทักษ์ด้านใน ด้านหลัง ของเขาก็พลันปรากฏกายธรรมยันต์ที่ไม่ด้อยไปกว่าของหลี่เซิ่งเลย แม้แต่ย้อย ขนาดของค่ายกลที่ทับซ ้อนก็เหมือนเรือที่ลอยตาม กระแสน้าไปด้วย พื้นที่ประกอบพิธีกรรมทั้งหมดพลันขยายใหญ่ขึ้น กว่าเดิมหลายต่อหลายเท่า ทว่าไม่ได้อ่อนจาง ไม่ได้ลดระดับความ
หนาแน่นของพื้นที่ประกอบพิธีกรรมที่เป็ นระดับรองจากของจริงพวก นี้เลยแม้แต่น้อย
ป๋ ายจิ่งฉีกยิ้มกว้าง ร ้องฮ่าหนึ่งที จากนั้นก็ให้คาวิจารณ์ที่ ยุติธรรมไม่ถือหางให้ท้ายใคร บอกว่าพอผู้เชี่ยวชาญลงมือก็รู ้ได้ว่ามี หรือไม่มีฝีมือ
เฉินผิงอันแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน เพียงแค่แผ่ดวงจิตออกมาจาก ร่างจริง ทอดตามองจากริมขอบอาณาเขตของฟ้ าดินกระบี่บินนกใน กรงไปไกล เห็นเพียงว่ากายธรรมที่ประกอบจากยันต์จ านวนนับไม่ ถ้วนนี้ของอาจารย์ซานซานจิ่วโหวมีภาพบรรยากาศนับพันนับหมื่น เส้นเอ็นและกระดูกเกิดจากยันต์อักษรภูเขาที่ทับถมกัน เส้นชีพจร มังกรจานวนมากเลื้อยลดคดเคี้ยวไปไกลเป็ นพันลี้ เส้นสายแต่ละเส้น เกิดจากการรวมตัวกันของยันต์อักษรน้า ลาน้าใหญ่ทุกสายใน ประวัติศาสตร ์ของหลายใต้หล้าล้วนสามารถมองเห็นเส้นทางน้าได้ จากที่นี่ศีรษะเหนือลาคอขึ้นไป ภาพเหตุการณ์ในสมองประหนึ่ง ดวงดาวที่พร่างพราว แต่กลับไม่ใช่ทางช ้างเผือกซึ่งเป็ นสถานที่ที่ฝูลู่ อวี๋เสวียนผสานมรรคา แต่เหมือนกลุ่มดาวไม่ทราบชื่อจ านวนนับไม่ ถ้วนที่หมุนวนทับซ ้อนกัน
มหามรรคายิ่งใหญ่เกินกว่าจะคาดคิดได้ อยู่เหนือจินตนาการไป ไกล
เพราะเป็ นเรื่องใหญ่ที่สาคัญมาก ผู้ฝึกตนหนุ่มจึงจาต้องเตือน เฉินผิงอันอีกครั้งว่า“ข้าแค่คุมค่ายกลใหญ่เท่านั้น เจ้าต่างหากจึงจะ
เป็ นร่างเดิมของค่ายกล ข้าได้แค่พยายามลดทอนแรงโจมตีที่ใต้หล้า เปลี่ยวร ้างมีต่อค่ายกลทับซ ้อนนี้เท่านั้น รอกระทั่งถึงช่วงเวลาที่เจ้าจะ ประคับประคองค่ายกลไปต่อไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ต้องต้านทานไว้อย่าง ยากล าบากอีก แค่เก็บกระบี่บินสองเล่มลงไป เหลือแรงเอาไว้ รับประกันว่าจะสามารถปล่อยกระบี่นั้นออกไปได้”
ในสายตาของอาจารย์ซานซานจิ่วโหวแล้ว เฉินผิงอันนั้นเป็ นทั้ง ต้นก าเนิดของค่ายกลทับซ ้อนที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ เป็ นจุดอ่อนของค่ายกลใหญ่นี้ด้วย
เพียงแต่เขาเองก็ไม่อาจเรียกร ้องผู้ฝึกลมปราณหนุ่มคนหนึ่งที่ อายุอยู่แค่ในวัยไม่สับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุขัยในการฝึกตนยัง ไม่ถึงสามสิบปีอย่างเข้มงวดเกินไปได้
บอกตามตรง ต่อให้เป็ นอาจารย์ซานซานจิ่วโหวที่สายตาสูง เหมือนภูเขา การที่เฉินผิงอันทาได้ถึงขั้นนี้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
อันที่จริงก่อนหน้านี้ได้ทาการอนุมานร่วมกับหลี่เซิ่ง ยังมีตัว สารองของไพศาลที่พอๆ กันกับเฉินผิงอันอีกแปดคน ในบรรดานั้นมี ผู้ฝึกกระบี่สามคน ยกตัวอย่างเช่นหลิวจิ่งหลงแห่งสานักกระบี่ไท่ฮุย อุตรกุรุทวีป
และก็มีทางเลือกอีกมากมายโดยการเอาคนหลายคน หรือคน เก้าคนมาร่วมแรงกันสรุปออกมาเป็ นวิธีการที่มากมายได้ถึงร ้อยกว่า ชนิด
แต่ผลลัพธ ์สุท้ายก็ยังเลือกเฉินผิงอันออกมาแค่คนเดียวเท่านั้น
ไม่ใช่ทางเลือกที่มีทั้งความเสี่ยงและผลประโยชน์สูงมากทั้งคู่ แต่ เป็ นทางเลือกที่เทียบกันแล้ว “ไร ้ข้อผิดพลาด” มากที่สุด
เฉินผิงอันพยักหน้า “ข้าไม่มีทางตบหน้าตัวเองสวมรอยเป็ นคน อ้วน จะประเมินก าลังของตัวเองให้ดี”
ผู้ฝึกตนหนุ่มหยิบยันต์ม่วงเขียวสองแผ่นออกมาจากชายแขน เสื้อ ยื่นส่งให้กับเฉินผิงอัน บอกกล่าววิธีใช ้ยันต์ “แผ่นหนึ่งใช ้สะกด จิตวิญญาณ อีกแผ่นหนึ่งใช ้สร ้างความมั่นคงให้กับเนื้อหนังมังสา สามารถใช ้ในเวลาเดียวกันได้ หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ก็อย่าเรียกยันต์คู่ นี้ออกมา จะต้องระวังเรื่องจังหวะและเวลาให้ดี อย่าทาอะไรบุ่มบ่าม หากใช ้ยันต์สองแผ่นนี้เร็วไป ร่างจริงและจิตวิญญาณจะปะปนกัน เหมือนเสาหินที่ปักหลักอยู่กึ่งกลางกระแสน้าซัดเชี่ยว เหมือนกับผู้ฝึก ยุทธเต็มตัวคนหนึ่งที่ถูกร่ายยันต์กักร่าง ได้แต่โดนต่อยตีอย่างที่ไม่ อาจเอาคืนได้ จุดจบจะเป็ นอย่างไรแค่ดูหูถูผู้นั้นก็รู ้ได้แล้ว ไม่ต่างจาก การเอาไข่ไปกระทบหินดังนั้นทางที่ดีที่สุดหลังจากสลายค่ายกลทับ ซ ้อนแล้ว เจ้าค่อยเอาออกมาใช ้รักษาอาการบาดเจ็บในทันที ใช ้สร ้าง ความมั่นคงให้กับจิตแห่งมรรคาและเรือนกาย หลีกเลี่ยงไม่ให้จิต วิญญาณกระจายออกไปนอกร่าง ท าร ้ายไปถึงรากฐานมหามรรคา”
เฉินผิงอันเก็บยันต์คุ้มกันชีวิตที่มีมูลค่าควรเมืองซึ่งหากใช ้ไม่ดีก็ จะกลายเป็ นยันต์เร่งชีวิตสองแผ่นนั้นลงไปอย่างระมัดระวัง
ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างทั้งแห่งเคลื่อนอยู่ในเส้นทางน้าของแม่น้ายันต์ สายนั้น กายธรรมของหลี่เซิ่งได้เปลี่ยนจากใช ้แผ่นหลังแนบติดกับ “เรือข้ามฟาก” มาเป็ นใช ้สองมือผลักดันหางเรือแล้ว
แผ่นหลังทั้งแผ่นของกายธรรมของหลี่เซิ่งถูกมหามรรคาของ เปลี่ยวร ้างเสียดสีจนกลายมาเป็ นพื้นที่ว่างเปล่าดามืด ความเสียหาย บนมหามรรคาที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเช่นนี้มากจนมิอาจประมาณ การณ์ได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับขอบเขตบินทะยานหรือแม้กระทั่งผู้ฝึก ตนขอบเขตสิบสี่คนใด เกรงว่าก็คงอดเกิดความรู ้สึกสิ้นหวังไม่ได้
ยันต์อักษรเฉวียนสองแผ่นที่พับทับกันของอาจารย์ซานซานจิ่ว โหวกับคันฉ่องทรงกลมสีทองที่เกิดจากการรวมตัวของตัวอักษรแห่ง ชะตาชีวิตของหลี่เซิ่งเป็ นตัวรับรองว่าเรือข้ามฝากลานี้จะขับเคลื่อน อยู่ในแม่น้ายันต์เท่านั้น
จิตวิญญาณที่แท้จริงของยันต์ซึ่งเป็ น “สาวใช ้” อยู่ข้างกายของ อาจารย์ซานซานจิ่วโหวนางอยู่ที่สุดปลายทางของแม่น้ายันต์ รับผิดชอบคอยเปิดเส้นทางใหม่ ได้สร ้างวิถีแห่งยันต์ที่ยาวหลายล้าน ลี้เส้นหนึ่งไว้กลางอากาศนอกฟ้ าแล้ว
เส้นทางใหม่อยู่ห่างจากเส้นทางชิงเต้า นี่จึงทาให้เกิดเป็ นเส้นโค้ง วงกลมที่มองเห็นได้ชัดเจนเส้นหนึ่ง
และค่ายกลทับซ ้อนของพวกเฉินผิงอันก็อยู่ด้านนอกของจุดโค้ง สุดพอดี
ประหนึ่งกองทัพใหญ่ของทหารส่วมเสื้อเกราะหนาหนักที่ ต้านทานการเจาะทะลวงขบวนรบจากกองทัพม้าเหล็กฝีมือดี
หลังจากที่ “เรือข้ามฟาก’ พุ่งปะทะแล้วก็พลันฉีกกระชากฟ้ าดิน นกในกรงให้กลายเป็ นรูโหว่รูหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ปักฝังเข้ามาใน ค่ายกลทับซ ้อน
ฟ้ าดินด้านนอกพลันเกิดเสียงเสียดแทงแก้วหูประหนึ่งคมมีดที่ ค่อยๆ กรีดลงไปบนกระจก
ต่อให้เป็ นคนนอกสถานการณ์ที่ชมภาพเหตุการณ์นี้อยู่ไกลๆ อย่างพวกอู๋หมิงซื่อ หลีโก้วก็ยังรู ้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะอย่างห้าม ไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!