กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1010

เมืองหลวงมีอาเภออยู่สองแห่ง โดยรวมแล้วเป็ นทางเหนือที่ ร่ารวยทางใต้ยากจน ฝ่ ายหลังหลักๆ แล้วอยู่ในการดูแลของที่ว่าการ อ าเภอฉางหนิง

ซัวชุนเหรินสองคนที่เดินทางจากทางเหนือมาหาเลี้ยงชีพทางใต้ คนแก่หนึ่งคนเด็กหนุ่มหนึ่งคน คนหนึ่งส่งมอบภาพวัวฤดูใบไม้ผลิ อีกคนพูดจามงคล ตั้งแต่เช ้าจรดค่า เดินมาทั้งวันแล้ว แล้วยังต้องเอา เงินไปแสดงความกตัญญูต่อพรรคบางแห่งในยุทธภพ อันที่จริงพวก เขาเพิ่งจะได้เงินมาแค่สามตาลึงเงินเท่านั้น ช่วยไม่ได้ อาชีพที่มองดู เหมือนชั่วคราวนี้ทาซ้าปีแล้วปีเล่าก็มีกฎระเบียบและช่องทางหลาย อย่างที่ต้องเคารพ ไม่ใช่ว่าใครก็เป็ นซัวชุนเหรินได้ ยิ่งไม่ใช่ว่าจะวิ่ง ไปเคาะประตูบ้านส่งเดชได้ หากไม่ท าตามกฎ ไม่ทันระวังก็จะถูกดัก ซ ้อมในตรอก แต่บางครั้งหากทาดีๆ ก็มีโอกาสที่จะ “เก็บตกของดี” ได้ ท่ามกลางแสงสายัณห์ คนหนุ่มยังดี แต่ผู้เฒ่ากลับเริ่มเหนื่อยแล้ว ถนนทั้งสายนี้ไม่มีใครมาเปิดประตูให้สักบ้าน ผู้เฒ่าร่างผอมบางนั่ง อยู่บนขั้นบันได มือหนึ่งเท้าเอว มือหนึ่งทุบขา ดูจากท่าทางคงต้อง กลับบ้านมือเปล่าเสียแล้ว คนที่อาศัยอยู่ในถนนเส้นนี้ยากจนกัน ขนาดนี้เลยหรือ? ตาม หลักแล้วอยู่ใกล้กับที่ว่าการอาเภอฉางหนิง ขนาดนี้ก็ไม่ควรจะขี้เหนียวถึงจะถูก ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่ากัดฟันใช ้เงิน แปดเฉียนซื้อถนนเส้นหนึ่งมาเพื่อมอบภาพซัวขุนโดยเฉพาะ เงินตั้ง

แปดเฉียนเชียวนะ กลับต้องลอยหายไปตามสายน้าทั้งอย่างนี้ ผู้เฒ่า กลัดกลุ้มขมวดคิ้วมุ่น เงินที่หายไปยังไม่ทันกระเพื่อมให้เกิดริ้วน้าได้ ด้วยซ้า

เด็กหนุ่มบอกว่าจะลองไปเสี่ยงดวงที่อื่นดู ผู้เฒ่าจึงยิ้มเอ่ยว่าไม่ ต้องแล้ว เด็กหนุ่มที่สะพายตะกร ้าจึงทรุดตัวลงนั่งยอง ช่วยทุบขาให้ผู้

เฒ่าเบาๆ

ประตูใหญ่ของเรือนหลังหนึ่งเปิดออกดังแอด นักพรตวัยกลางคน คนหนึ่งเดินออกมาเด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนทันใด หยิบภาพวัวฤดูใบไม้ ผลิออกมาจากในตะกร ้าไม้ไผ่ที่สะพายไว้ด้านหลัง ท่านปู่เหนื่อยมาก แล้ว ดังนั้นเดิมทีควรเป็ นท่านปู่ ที่พูดเปิดฉาก วันนี้ทั้งวันเด็กหนุ่มที่ คอยตามมาด้านหลัง อันที่จริงก็ท่องประโยคเหล่านั้นได้ขึ้นใจแล้ว เขาจึงรับหน้าที่ทาแทน เพียงแต่ไม่รอให้เด็กหนุ่มเปิดปาก นักพรต คนนั้นก็โบกมือยิ้มเอ่ย โพล่งออกมาสองคาว่า “คนร่วมอาชีพ”

ค าว่าคนร่วมอาชีพใช ้ได้ผลยิ่งกว่าคาพูดปฏิเสธอย่างละมุน ละม่อมค าใดเสียอีก

เด็กหนุ่มผิดหวังอย่างมาก สีหน้ากึ่งเชื่อกึ่งกังขา ไม่ให้เงินก็ช่าง เถิด ไม่จ าเป็ นต้องหาข้ออ้าง เป็ นเรื่องปกติธรรมดาจะตายไป ไย นักพรตท่านนี้ต้องโกหกกันด้วย

นักพรตวัยกลางคนหยิบกระดาษเซวียนจื่อแผ่นหนึ่งออกมาจาก ชายแขนเสื้อ สะบัดเบาๆ ลูบหนวดยิ้มเอ่ย “ตลาดใหญ่แถบอาเภอ ฉางหนิง ต้นฉบับภาพวัวฤดูใบไม้ผลิล้วนเป็ นผินเต้าที่วาดขึ้นเอง”

ผู้เฒ่ารีบลุกขึ้นยืนทันใด กวาดตามองต้นฉบับภาพวัวฤดูใบไม้ ผลินั้นเร็วๆ สองสามครั้ง กุมมือคารวะก่อนแล้วค่อยยิ้มถามว่า “ท่าน

นักพรตวาดภาพวัวฤดูใบไม้ผลิได้อย่างไร?”

นักพรตก้มหน้า ท ามุทราด้วยมือข้างเดียวคารวะกลับคืน “ผิน เต้ายากจนนี่นา”

“ขอถามท่านนักพรตว่าภาพวัวฤดูใบไม้ผลิที่วาดนี้ขายภาพละ เท่าไร?”

“สิบเหวิน”

“ราคาถูกขนาดนี้เชียวหรือ?! ทาไมถึงถูกกว่าอาเภอหย่งเจียตั้ง ครึ่งหนึ่งเลยเล่า?”

การมอบภาพซัวชุนในหมู่ชาวบ้าน แต่ละภาพที่มอบให้กันล้วน วาดอย่างหยาบๆ เมื่อเทียบกับภาพวัวฤดูใบไม้ผลิที่ทางการวาดแล้ว ไม่ว่าจะเป็ นวัสดุหรือเนื้อหาก็ล้วนต่างกันราวฟ้ ากับเหว

“ผินเต้ามีคุณธรรม”

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอสั่งภาพวัวฤดูใบไม้ผลิร ้อยภาพสาหรับปีหน้า จากท่านนักพรตล่วงหน้าได้ไหม?”

นักพรตส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่บังเอิญเลย ผินเต้าแค่เดินทางผ่าน มาที่นี่ มาพักอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้พักอยู่นาน”

ในที่สุดเด็กหนุ่มก็เปิ ดปากถามหยั่งเชิง “ได้ยินมาว่าบริเวณ ใกล้เคียงกับอ าเภอฉางหนิงมีแผงดูดวงอยู่แผงหนึ่งที่ดูดวงแม่นมาก เลือกเซียมซีดูลายมือ ท านายตัวอักษรและท านายเหรียญทองแดง

ล้วนเก่งกาจอย่างยิ่ง”

นักพรตวัยกลางคนลูบหนวดยิ้ม “บังเอิญยิ่งนัก หากไม่ผิดไป จากที่คาดก็คงเป็ นอยู่ไกลสุดขอบฟ้ า อยู่ใกล้เพียงตรงหน้า ก็คือผิน เต้าแล้ว”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความปิติยินดีอย่างไม่คาดฝัน “ท่านนักพรตคืออู๋เซียนจ่างที่ทานายทายทักได้อย่างแม่นยาผู้นั้น จริงๆ หรือ?!”

นักพรตหรี่ตาลูบหนวด “ผู้คนชมเชยกันเกินจริง”

ตรงหัวก าแพง ผีสาวสวมชุดกระโปรงสีสันสดใสกลอกตามองบน

ผู้เฒ่าที่อยู่บนขั้นบันไดทาท่าจะพูดแต่ไม่พูด เพียงแค่หันไปมอง เด็กหนุ่มที่มีชีวิตพึ่งพากันและกัน เห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความ วาดหวังและเปี่ยมความฝัน เขาก็ตัดใจพูดอะไรไม่ออก

นักพรตยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “คุณชายท่านนี้จะทานายชะตาชีวิตคู่ หรือโชคลาภเงินทองล่ะ?”

เด็กหนุ่มหน้าแดงก่าทันใด ทาไมถึงถูกเรียกว่าคุณชายได้นะ นักพรตท่านนี้ช่างมีเมตตาเกินไปแล้ว

เด็กหนุ่มปลุกความกล้าเอ่ยว่า “ไม่ดูดวงเรื่องพวกนี้ ข้าแค่อยาก ถามว่าจะขอให้ท่านนักพรตช่วยวาดยันต์สักสองสามแผ่นได้หรือไม่ ยันต์ประเภทที่เผาไว้ในกระถางที่วางข้างทาง สามารถเซ่นไหว้ผู้

ล่วงลับได้ไกลๆ”

นักพรตถามอย่างสงสัย “ท าไมไม่เผากระดาษยันต์ตอนท าความ สะอาดสุสานในวันชิงหมิงล่ะ?”

เด็กหนุ่มกล่าว “ข้ากับท่านปู่เป็ นคนต่างถิ่น เดินทางมาจากทาง ใต้ เดินทางมาไกลมาก ไม่มีบ้านนานแล้ว”

ผู้เฒ่าถอนหายใจ อันที่จริงพวกเขาไม่ใช่ปู่ หลานกันแท้ๆ เรื่องราวที่หักเหซับซ ้อนระหว่างนั้นยากจะอธิบายได้หมดในคาเดียว

แรกเริ่มสุดเป็ นผู้เฒ่าที่ดูแลเด็กน้อยคนหนึ่ง ภายหลังเป็ นเด็ก น้อยที่ดูแลผู้เฒ่า มีชีวิตพึ่งพากันและกัน คล้ายกับใช ้หนี้ให้กันและ กัน

นักพรตถาม “หากมียันต์แบบนี้จริง เจ้ายินดีจะจ่ายเงินซื้อ เท่าไร?”

“เงินทั้งหมดที่มีอยู่บนร่าง! หากตอนนี้ยังมีไม่พอ ข้าสามารถ เขียนใบยืมหนี้เป็ นหลักฐานลายลักษณ์อักษรกับท่านนักพรตได้!”

“หลักฐานลายลักษณ์อักษรจะคิดเป็ นจริงเป็ นจังได้อย่างไร ตอนนี้เจ้ามีเงินสะสมอยู่เท่าไร?”

“หลายปีมานี้ข้าสะสมเงินได้เจ็ดตาลึงแปดเฉียนแล้ว และยังมีเงิน เหรียญทองแดงอีกหนึ่งกระปุก!”

“น้อยแค่นี้เองหรือ?”

เด็กหนุ่มเขินอายไม่พูดไม่จา ผู้เฒ่ารู ้สึกละอายใจ

“ผินเต้าสามารถวาดยันต์ซานกวน (เป็ นเทวดาตามความเชื่อ ของจีนและศาสนาเต๋าโดยเป็ นตรีเทพบุรุษสามองค์ได้แก่เจ้าพ่อ สวรรค์ เจ้าพ่อธรณีและเจ้าพ่อคงคา เป็ นผู้บริหารจัดการในสถาน พิภพจักรวาลอันกว้างใหญ่) ให้ได้ สามารถช่วยขอพรให้กับผู้ล่วงลับ อภัยบาปและขจัดเคราะห์ร ้าย”

นักพรตครุ่นคิดไม่เอ่ยค าใด เงียบไปพักใหญ่ก็ส่ายหน้า “เพียงแต่ว่ายันต์นี้ล้าค่าอย่างมาก เงินน้อยนิดแค่นี้อยู่ไกลเกินกว่าจะ พอนัก”

เด็กหนุ่มก าลังจะพูด นักพรตก็ท าหน้าไม่สบอารมณ์ สะบัดชาย แขนเสื้อ เริ่มออกคาสั่งไล่แขก “ไม่ต้องพูดมากแล้ว”

เด็กหนุ่มยืนอยู่ที่เดิม นักพรตถามว่า “ให้เวลาเจ้าสามวัน เจ้า ยินดีไปขอยืมไปขโมยไปแย่งชิง เพื่อรวบรวมเงินให้ครบหนึ่งร ้อย ต าลึงเงินหรือไม่?”

เด็กหนุ่มผิวคล้าร่างผอมแห้งก้มหน้าลง สีหน้าหม่นหมอง

เมื่อครู่นี้นักพรตมองเด็กหนุ่ม มองตัวเองที่อยู่ในดวงตาของเด็ก หนุ่ม

รอกระทั่งเด็กหนุ่มค้อมกายขอบคุณแล้วพาผู้เฒ่าจากไปพร ้อม กัน

คนพเนจรไร ้บ้านให้กลับ คิดถึงบ้านเกิด กลัดกลุ้มทุกข์ใจ

ผีสาวที่อยู่บนหัวกาแพงมีสีหน้ามืดคล้า

คาพูดที่ทาร ้ายคนเจ็บปวดเหมือนโดนกระบี่แทง

นักพรตพลันเรียกเด็กหนุ่มไว้ เด็กหนุ่มหันหน้ามามองอย่างมึน งง นักพรตยิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “วัฏจักรฟ้ าเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่ง วิญญูชนเสริมสร ้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองไม่หยุดพัก สวรรค์จะ ช่วยเหลือคนที่ช่วยตนเอง”

นักพรตโบกมือ “ไปเถอะ”

เด็กหนุ่มอึ้งตะลึง ก่อนจะค้อมกายคารวะอีกครั้ง

รอกระทั่งนักพรตที่เอาสองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อหมุนกาย กลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

เซวียหรูอี้ที่ยืนอยู่ในประตูก็แค่นเสียงหยันเอ่ยว่า “ช่างเป็ นผู้ฝึก ตนที่ดียิ่งนัก ใจดาเหลือเกิน! ช่วยไม่ได้ก็อย่าแสร ้งหลอกผีหลอกเจ้า

บทที่ 1010.3 ตอนยังเยาว์เคยเรียนวิชาเดินขึ้นเขา 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!