เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1061

ถาดหยกเงินบินอยู่ปลายก้อนเมฆสีคราม ผู้คนบนสวรรค์ทั้งเงียบสงบและปลอดภัย

คงเป็ นเพราะแสงกระบี่ของเสี่ยวโม่สะดุดตาเกินไป ความเร็วใน การขี่กระบี่ก็เร็วเกินไปต้องเป็ นการเผยกายของเซียนกระบี่ใหญ่คน หนึ่งแน่นอน ผู้ฝึ กตนหลายคนที่อยู่ในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของ มณฑลต่างๆ จึงพากันทะยานลมขึ้นมา หมายจะมาสืบเสาะให้รู ้แน่ชัด เพราะถึงอย่างไรเขียนกระบี่ที่มีชื่อเสียงอยู่ในใต้หล้ามืดสลัวก็มีอยู่ไม่ มาก หากจะพูดถึงเซียนกระบี่ แน่นอนว่าต้องเป็ นไพศาลที่เป็ นอันดับ

หนึ่ง

ทางฝั่งของใต้หล้ามืดสลัวแห่งนี้มักจะมีผู้ฝึกตนที่ทะยานลมเข้า มาใกล้ดวงจันทร ์เป็ นประจา เห็นดวงจันทร ์ดวงเก่าที่ทุกวันนี้ลอยอยู่ บนฟ้ าเคียงคู่กับเฮ่าไฉ่เป็ นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ป๋ ายอวี้จิงไม่ได้ มีข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ผู้ฝึกตนมิอาจอยู่ในดวงจันทร ์ นานเกินไป พกพาเอาอุปกรณ์บนภูเขามาตั้งตกแต่งโต๊ะอาหารให้ สวยงาม ชมทัศนียภาพของสิบสี่มณฑลเป็ นกับแกล้มแกล้มสุรา ดื่ม เหล้ามื้อหนึ่ง ก็ยังถือว่าพอจะทาได้

เจ้าอารามผู้เฒ่าเหล่ตามองไป รังเกียจที่พวกเขามารบกวน อารมณ์สุนทรีในการดื่มเหล้าของตนกับเสี่ยวโม่จึงประกบสองนิ้วชี้ไป ทางนั้น ชี้ไปทางนี้ แล้วดีดนิ้วไล่ไป เสียงเพี้ยะๆ จึงดังตามมา

คล้ายกับเสียงพัดที่ใช ้ตบแมลงวัน ไล่เต้ากวานแห่งมืดสลัวที่มี ตบะเริ่มต้นที่ขอบเขตเซียนเหรินพวกนั้นให้กลับลงไปบนพื้น คนที่ เป็ นขอบเขตบินทะยานยังดีหน่อย ร่างไหววูบหนึ่งทีก็ถอยกลับไป อย่างรู ้กาลเทศะแม้จะหน้าม้านอยู่บ้าง แต่พวกขอบเขตเซียนเหริน กลับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้แล้ว แต่ละคนเหมือนถูกกระบองฟาด หนักๆ กว่าจะหยุดร่างให้นิ่งได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เวียนหัวตาลายเหมือน เห็นดาวสีทอง ต้องทาจิตแห่งมรรคาให้มั่นคง พวกเขาไม่กล้าก่นด่า ได้แต่นินทาในใจไม่หยุด

มีคนหนึ่งเป็ นขอบเขตหยกดิบที่ทะยานลมขึ้นมาจากมณฑลจู้ โจว ขอบเขตไม่สูง แต่กลับมีสมบัติล้าค่าสาหรับทะยานลมชิ้นหนึ่ง ความเร็วจึงว่องไว เรือนกายประหนึ่งงูสีทองที่โผนทะยานเลื้อยคด เคี้ยวขึ้นมาบนดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่

หากว่าถูก “วิชาอภินิหารดีดนิ้ว” ของเจ้าอาราม เกรงว่าคงจะ บาดเจ็บไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดสมบัติชิ้นนั้นก็ต้องรักษาไว้ไม่อยู่

เสี่ยวโม่มองนักพรตหญิงคนนั้นแวบหนึ่งก็งอนิ้ว ดีดแสงกระบี่ เส้นหนึ่งออกมา ปราณกระบี่ไม่ได้พุ่งไปเป็ นเส้นตรง แต่เหมือน เส้นด้ายที่ลอยล่อง พริบตาเดียวก็แผ่ลามออกไปพันหมื่นลี้

สุดท้ายแลงกระบี่ก็ห่อหุ้มเรือสมบัติกระสวยที่ผู้ฝึกตนผู้นั้นเป็ น คนบังคับเอาไว้แล้วกระชากเบาๆ ดึงทั้งนางทั้งสมบัติให้กลับไปบน ยอดเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นดินในโลกมนุษย์

นักพรตหญิงที่ยังขวัญหนีดีฝ่ อไม่หายรีบเก็บเรือยันต์ซึ่งถือเป็ น สมบัติพิทักษ์ภูเขาชิ้นนั้นมา นางก้มหัวกราบตามขนบลัทธิเต๋าไปยัง

ดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่อยู่ไกลๆ ถือเป็ นการขอบคุณ

เห็นว่าเสี่ยวโม่ลงมือแล้ว เจ้าอารามผู้เฒ่าจึงหยิบชามเหล้า ขึ้นมาจิบเหล้าหมักเองที่มีชื่อว่าพันสารทไปหนึ่งคา

ในยุคบรรพกาล เสี่ยวโม่ก็ค่อนข้างจะใจกว้างกับผู้ฝึกลมปราณ หญิงในโลกมนุษย์อยู่แล้ว

เจ้าอารามผู้เฒ่าพยักหน้า “น่าเสียดายที่เจ้าเสี่ยวโม่ตื่นมาช ้า ถูกอารามเสวียนตูชิงน าไปก่อนก้าวหนึ่ง”

เสี่ยวโม่ยิ้มเอ่ย “ตามการจินตนาการของเส้นสายความรู ้ที่สหาย ปีเขียวเสนอตอนอยู่ที่ชายหาดลั่วเป่ าในปีนั้น หากข้าตื่นมาเร็วก็ไม่ แน่เสมอไปว่าจะได้เจอกับคุณชาย ไม่อาจเดินทางไปยังหอสยบปีศาจ ของแจกันสมบัติทวีปเป็ นเพื่อนคุณชาย แล้วก็ไม่มีทางคิดถึงเส้นทาง แห่งการผสานมรรคาที่เหมาะสมกับตัวเองอย่างก่อนหน้านี้ได้”

เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มบางๆ “คือเหตุผลข้อนี้”

ไม่ได้เจอกันหมื่นปี พื้นฐานนิสัยของเสี่ยวโม่ยังคงไม่เปลี่ยน แต่ การพูดการจากลับมีพัฒนาการขึ้นเยอะ

เวทกระบี่ที่ยอดเยี่ยมเลิศล้าบทนั้นของเสี่ยวโม่ประหนึ่งการปล่อย ว่าวในฤดูใบไม้ผลิหนึ่งเส้นเชื่อมโยงสู่ฟ้ าคราม

พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เทียนเซียนแห่งป๋ ายอวี้จิงคนหนึ่งที่เดิมทีก็ ฝึกตนอยู่ในเฮ่าไฉ่ก็นั่งไม่ติดแล้ว

ก่อนที่นักพรตเฒ่าจะออกจากบ้านก็ต้องทามุทราคานวณตาม ความเคยชินประหลาดนัก ไม่เหมือนในอดีต ในที่สุดวันนี้ก็เหมาะให้ ออกเดินทางแล้ว เขาจึงเร่งรุดมาหาเจ้าแห่งถ้าปี้เซียวทันใด

ในดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่ นอกจากพื้นที่ประกอบพิธีกรรมซึ่งใช ้หลอม โอสถชั่วคราวของเจ้าแห่งถ้าปี้เซียวแห่งนี้แล้วก็ยังมีเพื่อนบ้านอีกคน หนึ่ง คือตาหนักเต๋าหยกขาวแห่งหนึ่งที่ตาเนื้อสามารถมองเห็นปราณ วิญญาณเข้มข้นเหมือนสายน้าไหลริน

เจ้าของคือเทียนเซียนเต้ากวานจากนครอวี้ซูป๋ ายอวี้จิง ก่อนหน้า นี้ได้รับโองการฉบับหนึ่งจากเจ้าลัทธิรองอวี่โต้วว่าสามารถมาฝึกตน อยู่ที่นี่ได้ แต่จะต้องถูกหักคุณูปการจานวนมากบนต าราเล่มหนึ่งที่อยู่ ในหอชิงเก๋อซึ่งเป็ นหอเรือนที่สูงที่สุดของป๋ ายอวี้จิง แลกมาด้วยทาง ลัดสายหนึ่ง หวังว่าจะฝ่ าทะลุคอขวดขอบเขตเซียนเหรินไปได้ อยู่ใน พื้นที่ประกอบพิธีกรรมบนดวงจันทร ์ที่ห่างไกลจากโลกมนุษย์ ใช ้วิธี ของการยกเรือนมาบินทะยานพิสูจน์มรรคา

บอกว่าเป็ นเพื่อนบ้าน แต่หากจะแวะไปหากันจริงๆ อันที่จริงก็ไม่ ต่างจากการเดินทางไกลบนพื้นดินที่ต้องข้ามทวีปหลายทวีปเลย

เสี่ยวโม่ยังคงนั่งเป็ นเพื่อนสหายปี้เซียวไม่ขยับไปไหน หวังหยวน ลู่ลาดับอาวุโสต่า จึงลุกขึ้นยืนรับแขกอยู่ใต้ชายคา

ส่วนนักพรตเด็กหนุ่มที่นั่งหลอมยาอยู่บนม้านั่งนั้นไม่ชอบเรื่อง การต้อนรับขับสู้ใครมากที่สุด เขาจึงเปลี่ยนท่านั่งเสียใหม่ ขยับ น้าเต้าลูกใหญ่ที่สะพายเอียงๆ ไว้บนหลังหันออกไปนอกประตูห้อง

เจ้าอารามผู้เฒ่าเรือนกายสูงใหญ่ หนวดยาวพลิ้วไสว มีมาดของ เซียนอย่างมากจริงๆ ต่อให้เวลานี้นักพรตเฒ่าจะนั่งดื่มเหล้า ส่วนสูงก็ ยังพอๆ กับลูกศิษย์หวังหยวนลู่ที่ยืนอยู่

ผู้ที่มาคือบุคคลอันดับสามของนครอวี้ซู นักพรตเฒ่ามีนามว่าสวี่ จู่จิ้ง ในมือถือแส้ปัดฝุ่ น สถานะคล้ายคลึงกับบรรพจารย์ผู้คุมกฏของ สานักแห่งหนึ่ง แต่กลับขึ้นชื่อว่าเป็ นพวกใจอ่อน

นักพรตเฒ่าคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้านครอวี้ซูคนก่อน อายุขัยการฝึกตนยาวนานน่าเสียดายที่คุณสมบัติไม่ถือว่าโดดเด่น สักเท่าใด แน่นอนว่าคาว่าธรรมดาในที่นี้ก็แค่เปรียบเทียบกับเต้า กวานรุ่นเดียวกันของป๋ ายอวี้จิงเท่านั้น

จางเฟิงไห่ที่อายุสามสิบปีก็อ่านตาราที่เก็บไว้ในนครอวี้ซูจนครบ หมดทุกเล่มผู้นั้นก็คือศิษย์น้องเล็กเพียงหนึ่งเดียวของนักพรตเฒ่า คนนี้

ขณะที่นักพรตเฒ่ากาลังจะเปิดปากพูด เจ้าอารามผู้เฒ่าก็เอ่ย ด้วยน้าเสียงเรียบเฉยขึ้นมาก่อนว่า “สวี่จู่จิ้ง พูดภาษาทางการของ

ไพศาล สหายคนนี้ของข้ามาจากไพศาล ฟังภาษาของมืดสลัวไม่ เข้าใจ”

แน่นอนว่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสาหรับนักพรตเฒ่า เขาคารวะตาม ขนบลัทธิเต๋า “สวี่จู่จิ้ง แห่งนครอวี้ชูป๋ ายอวี้จิงคารวะเจ้าแห่งถ้าปี้ เซียว”

เจ้าอารามผู้เฒ่ายังคงนั่งเฉย

เสี่ยวโม่ลุกขึ้นกุมมือคารวะกลับคืน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ฉายาสี่จู๋ นามโม่เซิง เป็ นผู้ฝึกกระบี่ ผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขา ลั่วพั่วแห่งไพศาล สวี่เทียนจวิน ยินดีที่ได้พบกัน”

เจ้าอารามผู้เฒ่าผายฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา

สวี่จู่จิ้งนั่งลงด้านข้าง เสี่ยวโม่จงใจเอาเหล้าหมื่นกาลมารับแขก เพราะเคยได้ยินคุณชายพูดว่า ในบรรดาห้านครสิบสองหอเรือน ของป๋ ายอวี้จิง นครอวี้ซูกับนครเสินเซียวต่างก็ถือว่าไม่เลว

ส่วนจะตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าเอาของของคนอื่นมาทาให้ตัวเองมี หน้ามีตาหรือไม่ ตนกับสหายปี้เซียวไยต้องคิดเล็กคิดน้อยกันในเรื่อง แบบนี้ หากสุราไม่พอก็ต้องโทษที่สหายปี้เซียวขี้เกียจในการหมัก เหล้าเกินไป

หวังหยวนลู่ไปหยิบชามขาวใบหนึ่งมาจากที่ห้องครัวพอดี พอชามขาววางลงบนโต๊ะ สุราก็ตามมาติดๆ ทันที

หวังหยวนลู่พลันรู ้สึกอุ่นซ่านในใจ ตนถูกชะตากับผู้อาวุโสเสี่ยว โม่อย่างมาก!

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ นักพรตร่างผอมแห้งฝึกตนอยู่ที่นี่มักจะรู ้สึก อกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอด กังวลว่าวันใดตนออกไปจากดวงจันทร ์ เฮ่าไฉ่ ‘ลงเขา” ไปหาประสบการณ์เพียงล าพังจะถูกคนเอากระสอบ

ป่านมาครอบหัว

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!