เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1073

เฉิงเฉวียนหัวเราะฮ่าๆ “แค่ปากเก่งยังไม่พออีกหรือ?”

สตรียิ้มเอ่ย “ตาแก่โสดขึ้นคานอย่างเจ้านอกจากตีฝีปากเก่งแล้ว คาดว่าโอกาสที่จะจัดขบวนเช็ดหอกก็คงไม่เคยมีเลยกระมัง”

ผู้ฝึกกระบี่ที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กน้อยอ่อนเยาว์ข้างกายเฉิงเฉวียน เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พวกเจ้าคุยกันแบบนี้ไม่รู ้สึกขยะแขยงบ้าง เลยหรือไร?”

อวี๋โฉวที่เดิมที่รู ้สึกหึงหวงอยู่บ้างร ้องเอ๊ะขึ้นมาทันที เขาเริ่มไม่สบ อารมณ์แล้ว “น่าหลันเซาเหว่ย หากรู ้สึกขยะแขยง หูก็อยู่บนตัวเจ้า แน่จริงเจ้าก็อย่าฟังสิ”

น่าหลันเซาเหว่ยอดทนไม่ด่ามารดาออกมา “พวกเจ้าสองคนนี่ เหมาะกันจริงๆ”

เฉิงเฉวียนที่เดิมทีคิดอยากจะโต้คารมกับสตรีอีกสักสองสาม ประโยคมองไปเห็นเงาร่างที่อยู่ห่างไปไกลก็รีบกลืนคําพูดสัปดนกลับ ลงท้องไปทันที

อยู่ที่บ้านเกิด หากจะพูดถึงเรื่องการโต้เถียง เฉิงเฉวียนก็ไม่เคย แพ้มาก่อน เขายอมให้แค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเฉินผิงอันอิ่นกวาน ที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันบนหัวกําแพงเมือง

อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยอยากจะยอมเท่าไร เพราะเวลาทะเลาะ กันเฉินผิงอันชอบใช ้ภาษาท้องถิ่นต่างๆ ของไพศาล เฉิงเฉวียนฟังไม่ เข้าใจเลยสักนิด เขาจะเถียงอีกฝ่ายได้อย่างไร

อู๋ฮุ่ยที่เคยเป็ นลูกจ้างร ้านอยู่ในโรงเตี๊ยมกว้านเชวี่ยภูเขาห้อยหัว ตอนนั้น “เด็กสาว” ใช ้นามแฝงว่าเหนียนชวงฮวา นางอดไม่ไหวเอ่ย ว่า “เฉิงเฉวียน ความสามารถในการด่าคนของเฉินผิงอัน ร ้ายกาจ ขนาดนั้นเลยจริงๆ หรือ?”

ในความทรงจํา เฉินผิงอันเคยไปเยือนภูเขาห้อยหัวอยู่สองครั้งก็ ล้วนพักที่โรงเตี๊ยม กว้านเขวี่ยทั้งสองครั้ง เด็กหนุ่มสะพายกระบี่คน นั้น มองดูแล้วท่าที่สุภาพมีมารยาท เหมือนคนซื่อมากเลยนะ

เฉิงเฉวียนพยักหน้า “ร ้ายกาจ ร ้ายกาจอย่างมาก ข้ากับเจ้าเศษ สวะบางคนรวมกันแล้วก็ยังเถียงชนะใต้เท้าอิ่นกวานไม่ได้ หากไม่เชื่อ เจ้าก็ลองถามเซียนกระบี่ผู้อาวุโสน่ าหลันดูสิ เขาเองก็เคยมี ประสบการณ์มาก่อนเหมือนกัน”

น่าหลันเซาเหว่ยพยักหน้า “ร ้ายกาจมากจริงๆ ตอนแรกก็เปิด ร ้านเหล้า ตอนหลังไปอยู่ที่คฤหาสน์หลบร ้อน คําพูดคําจาก็ยิ่งระคาย หูมากขึ้นทุกที หนึ่งคําเหมือนกระบี่บินหนึ่งเล่มที่ทิ่มแทงใจคน”

อู๋ฮุ่ยกล่าว “ถ้าอย่างนั้นขนบธรรมเนียมของกําแพงเมืองปราณ กระบี่ก็มีปัญหาแล้วล่ะข้าจําได้ว่าครั้งแรกที่เฉินผิงอันไปถึงภูเขาห้อย

หัว เขาสุภาพมีมารยาทมาก อยู่ในกฏในระเบียบอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่ ทะเลาะกับใครเลย ไม่เคยโกรธใครเลยด้วยซํ้า”

คาดว่าหากอิ่นกวานอยู่ตรงนี้ด้วยคงต้องยกนิ้วโป้ งให้นางเป็ นแน่ จากนั้นต้องเอ่ยชื่นชมจากใจจริงว่าแม่นางเหนียนช่างมีดวงตาที่ เฉียบแหลมเสียจริง

เซี่ยชุนเถียวปิดปากหัวเราะคิกคัก “เป็ นคนจริงจังคนหนึ่งจริงๆ นอกจากผิวดําไปสักหน่อย มองดูแล้วผอมไปหน่อย ร่างกายก็ดู แข็งแรงดี จําได้ว่ามีครั้งหนึ่งพบเจอกันในระเบียงของโรงเตี๊ยม ข้า เดินไม่ดี สะดุดขาแพลง ล้มไปทางเด็กหนุ่มคนนั้น พวกเจ้าเดาสิว่า เขาทําอย่างไร เจ้าตัวดี ความคิดแรกกลับไม่เคยคิดจะรักหยกถนอม บุปผา กลับกลายเป็ นว่าต้องข่มกลั้นความวู่วามที่จะออกหมัดเอาไว้ ก่อน จากนั้นค่อยเบี่ยงตัวหลบ มองข้าล้มลงกระแทกพื้นทั้งอย่างนั้น สุดท้ายถึงได้ถามว่า เจ้าเป็ นอะไรไหม?”

อวี๋โฉวเอ่ยชื่นชม “ใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเราเป็ นวิญญูชนผู้ เที่ยงตรงอย่างแท้จริง!”

แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจชายฉกรรจ์กลับนินทาไม่หยุด หาก เจอสาวงามอวบอิ่มที่เหมือนบุปผาเหมือนหยกเช่นนี้ กลับไม่ รู ้จักแต๊ะอั๋งเสียบ้าง ไม่ตาบอดก็สมองมีปัญหาแล้วเจ้าเฉินผิงอันโง่ หรือไร

ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสิ้นสิบหกคนที่มาจากกําแพงเมืองปราณกระบี่ ทุก วันนี้มีเก้าคนที่อยู่ในป๋ ายอวี้จิง หกคนอยู่ที่ตําหนักสุ้ยฉู และอีกคน หนึ่งอยู่ที่อารามเสวียนตูฉีโจว

เฉิงเฉวียนผู้ฝึ กกระบี่เฒ่าขอบเขตก่อกําเนิดที่เป็ นผู้ปกป้ อง มรรคาก็อยู่ที่ตําหนักสู้ยฉู กล่องกระบี่ที่ถูกห่อด้วยผ้าฝ้ ายใบนั้นถูก

วางไว้บนแท่นพักมังกรแห่งนี้

ภายนอกคือคนสิบหกคน แต่แท้จริงแล้วผู้ฝึ กกระบี่สิบเจ็ดคน ที่มายังใต้หล้าแห่งนี้ ผู้ปกป้ องมรรคาที่แท้จริง แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ เฉิงเฉวียนที่เป็ นขอบเขตก่อกําเนิดเท่านั้น

ผู้ฝึ กกระบี่เฒ่าที่ทุกวันนี้เป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อ ของศาลบรรพจารย์ตําหนักสุ้ยฉูคล้ายจะได้คลายปมในใจบางอย่าง ก่อนหน้านี้ไม่นานถึงเป็ นฝ่ ายขอทําเนียบเต๋าส่วนตัวมาจาก ตําหนักสุ้ยฉู จนได้กลายเป็ นเต้ากวานแล้ว

ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับธรรมโองการส่วนตัวอีกคนหนึ่งยังมีเด็ก น้อยคนหนึ่ง ก็คือน่าหลันเซาเหว่ยหนึ่งในสิบเซียนกระบี่บนยอดเขา ของกําแพงเมืองปราณกระบี่ อีกทั้งเขายังใช ้ชื่อเดิมบนทําเนียบหยก ทองของสํานัก

“เซียนกระบี่ผู้เฒ่า” อาศัยตะเกียงต่อชะตาชีวิตที่ซ่อนอยู่ในกล่อง กระบี่ใบนั้นกลับมาจุติบนโลกอีกครั้ง ตําหนักสู้ยฉูเองก็มีความจริงใจ

อย่างยิ่ง เอาคราบร่างเขียนที่ลํ้าค่าหายากของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบิน ทะยานออกมามอบให้

หลายวันมานี้น่าหลันเซาเหว่ยที่อยู่ในรูปลักษณ์ของ “นักพรต น้อย” มักจะไปเล่นหมากล้อมกับเกาผิงที่หอกว้านเชวี่ยเป็ นประจํา หากใช ้คํากล่าวของน่าหลันเซาเหว่ยเองก็คือฝีมือการเล่นหมากล้อม

สูสี มีแพ้มีชนะ

เฉิงเฉวียนเป็ นคนพูดจาโผงผางมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาบอก ว่าใช ้กันคิดยังรู ้เลยว่าเจ้าไม่เคยชนะเลยสักครั้ง รบกี่ครั้งก็พ่ายแพ้ทุก ครั้ง นับว่ามีความมุ่งมั่นน่าชื่นชม มิน่าเล่าชาติก่อนถึงเป็ นเซียน กระบี่ได้

น่าหลันเซาเหว่ยก็คร ้านจะถือสาเจ้าคนปากเสียผู้นี้

จางหยวนป๋ อถาม “หลี่เหย้าซือจะเล่นหมากล้อมกับเจ้าตําหนัก หรือกับเกาผิง?”

น่าหลันเซาเหว่ยเอ่ย “ไยต้องให้เกาผิงออกโรงด้วยเล่า ข้าเป็ น คนรับรองแขกเองรับรองว่าไม่แย่เหมือนกัน”

เกาผิงคือเต้ากวานผู้ดูแลทะเบียนของตําหนักสุ้ยฉู และยังมียศ ตําแหน่งที่เรียกว่า “เหวินเซวี่ย ครอบครองฉายาสองอย่างคือ ไท่หาง’ กับ ‘โจ่วเกอ

เป็ นสหายเล่นหมากล้อม บวกกับที่ตอนที่เกาผิงเล่นหมากล้อม มักจะชอบถามถึงรายละเอียดในสงครามครั้งสุดท้ายของกําแพงเมือง

ปราณกระบี่จากน่าหลันเซาเหว่ย ไปๆ มาๆ จึงสนิทคุ้นเคยกัน เกาผิง ที่ไม่ชอบพูดคุยก็พูดเยอะกว่าเดิม บอกว่าตัวเองคือแม่ทัพผู้พ่าย คือ คนผิดที่ทําให้แคว้นต้องล่มสลายซึ่งมีโทษมหันต์มิอาจให้อภัย ทุก วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้ทําก็เลยอยากจะพูดคุยเรื่องการศึกบน หน้ากระดาษให้มากหน่อย

น่าหลันเซาเหว่ยไม่อยากจะซักไช ้ถามเรื่องในอดีตของเขาให้ถึง ที่สุด

เกี่ยวกับสองใต้หล้าอย่างไพศาลและห้าสี เจ้าตําหนักอู๋ซวงเจี้ยง ที่คล้ายว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู ้ได้เปิดเผยเรื่องวงในให้น่าหลันเซา เหว่ยฟังไม่น้อย

เด็กน้อยน่าหลันไฉ่ฮ่วนผู้นั้นมีชีวิตที่ไม่เลว ได้เป็ นเจ้าสํานักของ สํานักอวี่หลงแล้ว

เกาเหย่โหวกลายเป็ นลูกเขยของตระกูลน่าหลัน ทุกวันนี้นั่งเก้าอี้ อันดับหนึ่งของจวนเฉวียนฝู่ นครบินทะยาน

พอได้ยินคําว่า “ออกโรง” (ภาษาจีนใช ้คําว่าชูหม่า หม่าแปลว่า ม้า แปลตรงตัวคือออกม้าศึก) อวี๋โฉวก็เริ่มคิดไปไกล อยากจะปรึกษา กับนางเสียหน่อยว่าคืนนี้ตนขอขี่ม้าสักครั้งได้หรือไม่ เขายกข้อศอก ขึ้นเงียบๆ เดิมที” คิดอยากจะสะกิดแขนของคนรักเบาๆ แต่ ไม่ทัน ระวัง ไปกระแทกชนภูเขาเข้า

ผลคือถูกเซี่ยชุนเถียวตบหน้า แก้วหลั่นเปรี้ยะ ทําเอาชายฉกรรจ์ เกือบจะลงไปนอนควํ่าบนพื้น

ยินอยู่บนยอดเขาของแท่นพักมังกร มองหอกว้านเขวี่ยที่อยู่ริม ฝั่ง หลีเหย้าซืออดทอดถอนใจไม่ได้ “อยากขึ้นหอสูงเพื่อหลบเลี่ยง ความทุกข์ ที่แท้บนจุดสูงก็มีแต่ความทุกข์ที่รอคอยให้คนมีทุกข์พา

ลงจากหอเรือน”

หลังจากถอนตัวออกมาได้สําเร็จ ตายไปแล้วก็กลายเป็ นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเช่นไหว้ จากนั้นจึงเข้าไปอยู่ในนครหลิงเป่ าป๋ า ยอวี้จิง หลบเร ้นกายจากโลกใช ้ชีวิตอย่างสันโดษ

อันที่จริงหลี่เหย้าซือยังคงรักษาสภาวะของจิตหยินออกจากช่อง โพรงเดินทางไกลอยู่ตลอด ร่างแยกเป็ นหมอพเนจรที่ท่องไปในโลก มนุษย์ แขวนหม้อยาช่วยเหลือโลก ใช ้เข็มทองรักษาผู้คน

บทที่ 1073.5 นํ้าใสภูเขาเขียวบุปผาบานสะพรั่ง 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!