ถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าผู้กล้า ตัวเองมีแค่ตัวคนเดียวเพียง ล าพัง แต่กลับยังเป็ นฝ่ ายเชื้อเชิญให้ทุกคนดาหน้าเข้ามาพร ้อมกัน? จะถามมรรคา ถามกระบี่ล้วนตามแต่ใจ
เฉินผิงอันเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั่วทั้งอารามต้ามู่ก็สัมผัสได้ถึง ปราณสังหารดุดันเข้มขันทันที
เจ๋อเซียนเด็กหนุ่มที่สวมชุดขาวในอดีต ทุกวันนี้อยู่ในรูปโฉม ของมือกระบี่ชุดเขียววัยกลางคนคลี่ยิ้มบางๆ ประดับใบหน้า น้าเสียง เนิบช ้า บนใบหน้าไม่มีสีหน้าดุร ้ายเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังเยือก เย็นไม่สะทกสะท้าน…เหมือนอาจารย์ในโรงเรียนที่กาลังอบรมสั่งสอน เด็กน้อยเกเรซุกซนว่า อีกเดี๋ยวจะต้องตั้งใจท่องตารา ไม่อย่างนั้น จะต้องลุกขึ้นมาโดนตีแล้ว
สีหน้าของโจวซูเจินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางแค่หวังว่าจะ อาศัยโอกาสที่เจียงเฉวียนมาแก้แค้นถึงที่แสดงอานาจข่มขวัญเฉิน ผิงอันสักหน่อย เพื่อให้เป็ นนิมิตหมายที่ดีสาหรับการประชุมในวันนี้ แน่นอนว่าราคาที่พวกเขาต้องจ่ายย่อมต้องสูงมาก
เจี่ยงเฉวียนที่มาแก้แค้นที่นี่ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
โจวซูเจินเองก็คิดว่าตัวเองต้องตายเช่นเดียวกัน ส่วนจะกายดับ มรรคาสลาย จิตวิญญาณแหลกลาญไปนับแต่นี้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าอีก ฝ่ ายจะลงมือหนักหรือเบา จะฆ่าคนหรือไม่ จะยินดีให้นางตายหรือไม่ แล้ว
โชคชะตาของนาง ไยจะไม่ใช่โชคชะตาของใต้หล้าเล่า? คนเขา เป็ นมีดและเขียง ตัวข้าเป็ นเพียงเนื้อปลา วิถีทางโลกดีหรือร ้าย โชค และเคราะห์ คุณูปการและโทษทัณฑ์ ล้วนขึ้นอยู่กับมือคนอื่นเขา ทั้งสิ้น!
แต่นางไม่ต้องการให้การประชุมที่มีนางเป็ นตัวเปิดที่ดี ช่วยให้ พวกเกาจวินได้ช่วงชิงความได้เปรียบมาไว้ในมือกลายมาเป็ นการรุม ต่อสู้คล้ายกับพวกนักเลงในหมู่ชาวบ้านที่ตะลุมบอนกัน นี่ไม่มี ประโยชน์ใดๆ ต่ออนาคตของใต้หล้าแห่งนี้ ได้แต่บีบให้ภูเขาลั่วพั่ว ลงมืออามหิตเท่านั้น ไม่เหลือพื้นที่ให้ถอยหลังกลับอีกแม้แต่น้อย หากกลายเป็ นสถานการณ์เช่นนี้เมื่อไหร่ เฉินผิงอันกับภูเขาลั่วพั่วก็ จะมีเหตุผลให้เปิ ดฉากสังหารครั้งใหญ่ และนางก็จะกลายมาเป็ น ตัวการร ้ายที่ทาให้เลือดไหลนองแผ่นดิน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่ง ที่นางต้องการเลย!
เฉานี่ยิ้มเอ่ย “ข้าแค่ชินกับการประลองฝี มือกับผู้อื่นตัวต่อตัว เท่านั้น ไม่ชินกับการร่วมมือกับใคร อีกเดี๋ยวหากเป็ นการตะลุมบอน ข้าก็คงไม่ลุกขึ้นยืนแล้ว”
เฉินผิงอันผายฝ่ ามือข้างหนึ่งไปทางหน้าประตูของอาราม ยิ้ม บางๆ เอ่ยว่า “เจียงเฉวียน เจ้าไม่อยากถ่วงรั้งเวลาการประชุมให้นาน เกินไปนัก ข้าเองก็เช่นกัน รีบคุยให้เสร็จรีบกลับบ้าน รีบชักดาบออก จากฝักเถอะ”
ภายใต้สายตาจับจ้องมองมาของคนมากมาย เจียงเสินจื่อที่ถูก คนทั้งใต้หล้ามองว่าวิชาดาบอยู่ในสามอันดับแรกได้อย่างมั่นคง มือ ข้างที่ชักดาบเกร็งจนเส้นเอ็นปูดโปนตาแหน่งที่ปรมาจารย์หนุ่มยืน อยู่ถูกลมพายุที่ไหลกรากออกมาจากร่างของเขาชัดให้กระเพื่อมไหว ชายแขนเสื้อสองข้างส่งเสียงสะบัดดัง ฝุ่ นบนพื้นประหนึ่งริ้วน้าที่แผ่ กระเพื่อมออกไปข้างนอกเป็ นชั้นๆ
พลังอ านาจของปรมาจารย์ไม่อ่อนด้อยจริงๆ
เพียงแต่ว่าไม่นานก็มีคนมองเบาะแสออก เจ้าเจียงเสินจื่อใช ้เวลา ตั้งท่า ใช ้เวลาเรียกกระบวนท่าไม้ตายวิชาดาบนานขนาดนี้? เป็ น เพราะเกิดใจขลาดกลัว นึกอยากจะถอยหนีแล้ว?
หรือจะบอกว่าวิชาดาบที่เป็ นท่าไม้ตายเป็ นกระบวนท่าที่ โหดเหี้ยมอามหิต หากลงมือก็จะสามารถตัดสินแพ้ชนะหรือไม่ก็ ตัดสินเป็ นตายได้ทันที? ดังนั้นจึงอยากจะหาช่องโหว่ของปณิธาน หมัดของเซียนกระบี่เฉินให้เจอ?
เฉินผิงอันพูดกับเจี่ยงเฉวียนจบก็หันหน้าไปมองเฉานี่ พูดด้วยสี หน้าปราณีว่า “ในเมื่อลุกขึ้นยืนแล้ว ไฉนยังต้องเกรงใจกันอีก เจ้าว่า อย่างไร เฉานี่?”
เฉานี่ยิ้มรับ เพียงแต่ว่าเมื่อเฉานี่คิดอยากจะนั่งกลับลงไปอีกครั้ง กลับค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่าตนท าไม่ได้แม้แต่จะงอเข่า!
ลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ในร่างกายโคจรได้อย่างไร ้อุปสรรค สองมือก็สามารถขยับเคลื่อนได้ตามใจ มีเพียงสองขาที่…ขยับเขยื้อน ไม่ได้!
ฉวยโอกาสช่วงที่เฉินผิงอัน “คุยเล่น” อยู่กับคนอื่น ไหวเซี่ยก็หัน ไปมองทางเกาจวินที่นั่งอยู่ในต าแหน่งประธานด้วยสายตาสอบถาม เจียงเสินจื่อที่จะมาแก้แค้นเฉินผิงอันหรือควรจะพูดว่าผีเจี่ยงเฉวียนผู้ นี้ เป็ นเงื่อนงาที่พรรคหูซานของพวกเจ้าปูเอาไว้ใช่หรือไม่
เกาจวินส่ายหน้า ครั้งนี้เจี่ยงเฉวียนเผยกายที่ทะเลสาบชิวชี่ ตน ไม่รู ้เรื่องมาก่อน แม้กระทั่งชื่อว่าเจี่ยงเฉวียนนี้นางก็เพิ่งเคยจะได้ยิน เป็ นครั้งแรก
กลับเป็ นชื่อกู้หลิงนี้ที่เกาจวินพอจะมีความทรงจาอยู่บ้าง ตอน นั้นในศึกล้อมสังหารเจ๋อเซียนที่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน ดู เหมือนนางอยากจะชิงความมีหน้ามีตาจึงมาขวางทางเฉินผิงอัน
ถังเถี่ยอี้ตกใจไม่น้อย ผู้ฝึกยุทธที่แย่งชิงบัลลังก ์วางดาบพาดไว้ บนหัวเข่าผู้นี้ยื่นมือไปลูบคล าฝักดาบตามจิตใต้ส านึก หันหน้าไป
มองอดีตเจ้าหอจิ้งหย่างที่ยังมีสถานะเป็ นผู้ฝึกยุทธคนนั้น โจวซูเจิน กินยาผิดสาแดงหรือไร ไฉนนางถึงได้ทาอะไรโดยใช ้อารมณ์เช่นนี้ เจี่ยงเฉวียนมาท้าทายเฉินผิงอันอย่างเปิ ดเผย ถึงอย่างไรก็เพื่อ ต้องการแก้แค้น ยังพอจะมีเหตุผลอยู่บ้างหลายส่วน เขาบุกเดี่ยวมา อย่างนี้ ตายแล้วก็หมดเรื่องกันไป ทว่าแคว้นหนันเยวี่ยนกับหอจิ้ง หย่างไม่มีขา เดินไปไหนไม่ได้ ไม่กลัวว่าจะเดือดร ้อนไปถึงชะตา แคว้นและกิจการบ้านเรือนท าให้โดนภูเขาลั่วพั่วคิดบัญชีย้อนหลังไป พร ้อมกันหรือไร?
ถังเถี่ยอี้เบนสายตาไปมองตาแหน่งเก้าอี้ของเว่ยเหลียงและเด็ก สาวเจียวทะเลสาบที่มีฉายาว่า “เจี่ยเจี่ยว” ซึ่งขาดการประชุม กะทันหัน เก้าอี้สองตัวที่อยู่ติดกันเปลี่ยนคนนั่งไปแล้ว นี่เป็ นเพราะ เฉินผิงอันกับภูเขาลั่วพั่วสัมผัสได้ถึงความผิดปกติมาก่อนล่วงหน้าก็ เลยชิงลงมือก่อนใช่หรือไม่?
การประชุมในเรือนลั่วฮวาเมื่อคืน ฮ่องเต้อย่างพวกเขากับซานจ วินห้ามหาบรรพตใหญ่ได้ข้อสรุปคร่าวๆ ถือว่าเป็ นความเห็นพ้อง ต้องกันอย่างหนึ่ง
ภูเขาลั่วพั่วที่มีฐานะเป็ น “ดินแดนเบื้องบน” ซึ่งเป็ นเจ้าของพื้นที่ มงคล เฉินผิงอันจ าเป็ นต้องยอมรับในการตัดสินใจเองของใต้หล้า แห่งนี้ ยินดีลงนามในสัญญาภูเขาสายน้าบนหน้ากระดาษกับพวก เขา อีกทั้งระยะเวลาที่กาหนดไว้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสามร ้อยปี มี สัญญาที่เขียนด้วยอักษรดาบนกระดาษขาว วันนี้ทั้งสองฝ่ ายถึงจะ
เจรจากันได้ ตามมติที่ประชุมของเรือนลั่วฮวาเมื่อคืนวานนี้ วันนี้ก็จะ ให้เกาจวินแห่งพรรคหูซานบุคคลอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าในนามเป็ น คนเสนอเรื่องนี้ “สร ้างความลาบากใจ” ให้กับภูเขาลั่วพั่วของเฉินผิง อัน
เฉิงหยวนซานทั้งตกตะลึงทั้งนับถือคาพูดของเฉานี่ที่อยู่ข้างกาย คิดไม่ถึงว่ามือกระบี่ที่พูดไม่เก่งผู้นี้จะมีความห้าวหาญหยิ่งทระนงได้ ถึงเพียงนี้ ไม่ใช่คาพูดห้าวเหิมที่ออกมาจากปากง่ายๆ แต่เป็ นการ เดิมพันวรยุทธและชื่อเสียงในยุทธภพไปอย่างไม่เสียดาย ดูสิดู จนถึง ตอนนี้เฉานี่ก็ยังไม่นั่งลง ยังยืนนิ่งอยู่อย่างนี้ ช่างสมกับเป็ นวีรบุรุษ จริงๆ!
เฉานี่ที่อยู่ในยุทธภพมีชื่อเสียงเรื่องความรักสันโดษมาโดย ตลอด ทั้งไม่เปิดขุนเขาก่อตั้งพรรครับลูกศิษย์ แล้วก็ไม่ชอบประลอง วรยุทธกับใคร ยิ่งชอบที่จะอยู่ตามลาพังมากกว่าปิดบังชื่อแซ่ท่องอยู่ ในยุทธภพ ขึ้นเขาท่องไปตามลาน้า ไม่เหมือนกับยอดฝีมือที่เลื่อน เป็ นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ใหญ่เลยสักนิด แต่กลับเหมือนลูกศิษย์ลัทธิ ขงจื๊อที่ไม่มีใจแสวงหาชื่อเสียงและลาภยศมากกว่า บวกกับที่เฉานี่ ถือว่าประสบผลสาเร็จด้านวรยุทธในตอนที่อายุมากแล้ว ดังนั้นเมื่อ ตัวเลือกปรมาจารย์ที่หอจิ้งหย่างเลือกออกมามีเฉานี่ติดหนึ่งในนั้น คนในยุทธภพจึงสับสนมึนงงกันค่อนข้างมาก
“อวี๋เซียน” แห่งพรรคหูซานที่ฝึกวิชาแห่งการหล่อหลอม เปลี่ยน จากคนแก่ไปเป็ นเด็กผู้นั้นได้บรรลุมรรคาบินทะยานออกไปจากโลก
มนุษย์แล้ว เจ้าลัทธิมารอย่างลู่ไถที่เป็ นไม้เบื่อไม้เมากับเขาก็หายไป อย่างไร ้ร่องรอยเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็ นเช่นนี้ หากต้องการถามมรรคา ยืนยันให้แน่ชัดว่าตบะ ของเซียนในภูเขาสูงหรือต่า วิชาอภินิหารเป็ นเช่นไร ก็ท าได้เพียง ต้องไปงัดข้อกับเกาจวินแห่งพรรคหูซานเท่านั้น
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!