เฉินผิงอันพาหมี่ลี่น้อยไปถึงที่เรือนแห่งนั้น ประตูเรือนและประตู ห้องล้วนเปิดอ้าอยู่ ในห้องรับรองแขกนอกจากอวี๋เสวียนแล้ว ทั้งศิษย์ พี่จวินเชี่ยนและป๋ ายเหย่ต่างก็อยู่ด้วย เผยเฉียนนั่งตัวตรงอย่างสารวม และยังมีเด็กชายชุดเขียวที่นั่งตามองจมูกจมูกมองใจ ไม่รู ้ว่าตัวเองมา นั่งทาอะไรอยู่ตรงนี้ เทพเซียนผู้เฒ่าอวี๋ มองท่าทางของเจ้าแล้วก็ไม่ เหมือนคนที่จะชอบดื่มเหล้าเลยนี่นา อีกอย่างท่านผู้อาวุโสขอบเขต สูงขนาดนี้ อายุก็ตั้งปูนนี้แล้ว หากนั่งลงที่โต๊ะสุราแล้วต้องดื่มคารวะ กันขึ้นมาจริงๆ เฉินหลิงจวินก็กลัวว่าตัวเองจะมือสั่น ถือชามเหล้าได้ ไม่มั่นคง
เฉินผิงอันที่ยังคงสวมชุดเต๋าผ้าโปร่งสีเขียวสะพายกระบี่เดินข้าม ธรณีประตูเข้ามาเขาคารวะเงินเหรินผู้เฒ่าตามขนบลัทธิเต๋าก่อน “ผู้เยาว์คารวะอวี๋เจินเหริน”
เจินเหรินผู้เฒ่ายื่นมือมากดลงบนความว่างเปล่าสองที ยิ้มเอ่ยว่า “ข้าที่เป็ นแขกยังไม่เกรงใจเลย เดินเล่นอยู่ในภูเขาเหมือนเป็ นบ้าน ตัวเอง สหายเฉินที่เป็ นเจ้าบ้านจะต้องเกรงใจไปไย จะห่างเหินกันได้”
นี่เป็ นครั้งแรกที่เฉินผิงอันได้พบกับผู้ที่เป็ นที่ภาคภูมิใจที่สุดใน โลกมนุษย์แห่งใต้หล้าไพศาลเป็ นครั้งแรก เขาจึงประสานมือค้อมตัว คารวะ “คารวะอาจารย์ป๋ าย ศิษย์พี่จวินเชี่ยน”
ป๋ ายเหย่ผงกศีรษะตอบรับ
จวินเชี่ยนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “รีบนั่งเถอะ”
กว่าเฉินผิงอันจะห้ามตัวเองไม่ให้หันไปมองหมวกหัวเสือได้ไม่ใช่ เรื่องง่าย เขาไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้ตาแหน่งประธาน เพียงแค่ขยับมานั่ง ข้างกายของศิษย์พี่จวินเชี่ยน ตามองตรงไม่ล่อกแล่ก สบตากับเผย เฉียนและเฉินหลิงจวิน เผยเฉียนยิ้มกว้าง แววตาเฉินหลิงจวินฉาย แววไม่พอใจ สูดจมูก ท่าทางน้อยเนื้อต่าใจอย่างเห็นได้ชัด อะไรกัน อะไรกัน เจินเหรินผู้เฒ่าคิดอะไรอยู่ถึงได้เจาะจงเรียกตนมาอยากจะ พูดคุยกับตนให้จงได้ คุยอะไรกัน ตนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วย ซ้า
อวี๋เสวียนนั่งอยู่ข้างกายเฉินหลิงจวิน
เก้าอี้แถบที่เฉินผิงอันนั่งอยู่ ตาแหน่งของชุยตงซานที่เป็ นเจ้า ส านักอยู่ด้านในสุด จากนั้นก็เป็ นแขกอย่างป๋ ายเหย่ แล้วจึงเป็ นศิษย์ พี่จวินเชี่ยนที่อยู่ด้านนอก
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “อวี๋เจินเหริน อันที่จริงเวลาปกติเฉินหลิงจวิน ไม่ได้ระมัดระวังตัวขนาดนี้หรอก วันหน้าสนิทกันแล้วจะรู ้ว่าเขา ค่อนข้างร่าเริง”
แน่นอนว่าหากเฉินหลิงจวินไม่ได้รู ้ตัวตนของท่านผู้อาวุโสมา ก่อน บางทีอาจจะยิ่งร่าเริงยิ่งมีชีวิตชีวามากกว่านี้
อวี๋เสวียนลูบหนวดยิ้ม “ที่แท้ก็เป็ นอย่างนี้นี่เอง”
ที่แท้ความสัมพันธ ์ของทั้งสองยังไม่ได้ดีถึงขนาดนั้น
เฉินผิงอันถามอย่างประหลาดใจ “ท าไมเฉาฉิงหล่างถึงไม่ได้มา ที่นี่ด้วย?”
ชุยตงซานโน้มตัวมาด้านหน้า ยื่นหน้าออกมามองทางอาจารย์ ของตน “มีเรื่องที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เรื่องหนึ่งที่ข้าจาต้องพูดกับอาจารย์
ลับหลังสักหน่อย” เฉินผิงอันเอ่ย “ว่ามาสิ”เฉินผิงอันกังขา “นี่มีอะไรให้ต้องพูดลับหลังเฉาฉิงหล่างกันล่ะ”
ปี นั้นเฉาฉิงหล่างออกไปจากพื้นที่มงคลดอกบัวก็ได้ติดตาม อาจารย์จังเดินทางไกลข้ามทวีป หลังจากนั้นก็มาเจอกับสวินชวี่ที่ สอบเคอจวี่ในปีเดียวกันที่ราชสานักต้าหลี ทั้งสองสนิทสนมกันอย่าง มาก
เรื่องอย่างการคบหาสหาย มีอะไรให้ต้องตกอกตกใจกัน แล้ว นับประสาอะไรกับที่เฉาฉิงหล่างโตเกินวัยมาตั้งแต่เด็ก หลังผ่านการ ฝึกประสบการณ์ นิสัยก็หนักแน่นมั่นคงมากกว่าเดิม จะมีปัญหาอะไร ได้?
ชุยตงซานอธิบาย “นอกจากสวินชวี่ที่อาจารย์ได้เจอแล้ว เฉาฉิง หล่างยังรู ้จักสหายอีกสองคนที่ใบถงทวีป คนหนึ่งชื่อสวีเจิน คือ บัณฑิตหนุ่มที่เพิ่งจะเริ่มฝึ กตน ทาหน้าที่เป็ นอาจารย์ผู้บรรยายใน สานักศึกษาของทางการแห่งหนึ่งมานานหลายปี ถือว่ามีความสนใจ คล้ายคลึงกับเฉาฉิงหล่าง บางครั้งก็มีการถกกันเรื่องวิชาความรู ้ สามารถร่วมมือกันในสิ่งที่เห็นพ้องและเคารพในสิ่งที่เห็นต่าง ถือว่า ช่วยขัดเกลาความรู ้ให้แก่กัน อีกทั้งมองออกว่าสวีเจินเลื่อมใสในตัว เฉาฉิงหล่างอย่างมาก รู ้สึกว่าตัวเองกับเฉาฉิงหล่างมีความสัมพันธ ์ที่ ทั้งเหมือนอาจารย์และเหมือนสหาย”
“และยังมีผู้ฝึกลมปราณอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่าอวี๋ลี่ อยู่ล่างภูเขาถือ เป็ นคนแก่อายุแปดสิบเก้าสิบปี แล้ว แต่เพราะฝึ กตนประสบ ความส าเร็จ มีศาสตร ์คงความเยาว์ มองแล้วยังหนุ่มอยู่มาก อวี๋ลี่มี ชาติกาเนิดเป็ นผู้ฝึ กตนอิสระครึ่งทาง เมื่อไม่กี่ปี ก่อนเพิ่งจะสร ้าง โอสถทองได้มีความรู ้ความสามารถมากมาย ข้าเคยพูดคุยถึงคนผู้นี้ กับศิษย์น้องเฉาเป็ นการส่วนตัว ศิษย์น้องเฉาให้ค าประเมินเขาสูง มาก รู ้สึกว่าอวี๋ลี่กับอาจารย์ลู่ที่ถือเป็ นอาจารย์ครึ่งตัวของตัวเองใน บ้านเกิดเป็ นคนที่มีความรู ้พอๆ กัน ดังนั้นข้าจึงประหลาดใจอย่าง มาก อยากเห็นกับตาตัวเองว่าเขาเป็ นเทพเซียนจากที่ใดกันแน่ถึงได้ สามารถท าให้ศิษย์น้องเฉารู ้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้ ชาติกาเนิดและภูมิ หลังของอวี๋ลี่คนนี้มีหลักฐานให้สืบหาได้ เคยเป็ นผู้ฝึ กตนท าเนียบ ของจวนเซียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งในใบถงทวีป ทุกวันนี้สานักยังคงอยู่
เอกสารประวัติความเป็ นมาก็ยังคงอยู่ แม้กระทั่งในตระกูลของเขาก็ ยังไม่มีปัญหาใดๆ การที่กลายมาเป็ นผู้ฝึกตนอิสระก็เพราะตอนนั้น คนในส านักไม่มีความรับผิดชอบใดๆ สมาชิกกลุ่มใหญ่ในศาลบรรพ จารย์เอาแต่สนใจเป็ นห่วงลูกศิษย์ผู้สืบทอด ลูกหลานและคนใน ครอบครัวตัวเอง แอบนั่งเรือข้ามฟากหนีภัยไปทางเหนือ ระหว่างนั้น บังเอิญกับที่ใต้หล้าห้าสีเปิดประตูพอดีก็เลยพากันหนีหายไม่เหลือแม้ เงา ด้วยความโมโหอวี๋ลี่ทั้งไม่ได้ติดตามพวกเจ้าประมุขและผู้อาวุโส ในสานักออกจากบ้านเกิดไปหลบภัย แล้วก็ไม่ได้จากไปทั้งอย่างนั้น เขาพาลูกศิษย์ฝ่ ายนอกและพวกสาวใช ้นักการไปตามหาสถานที่ แร ้นแค้นห่างไกลเพื่อหลบซ่อนตัวก่อนอย่างไม่ให้กระโตกกระตาก รอกระทั่งเลิกทาสงคราม วิถีทางโลกสงบสุขแล้วก็ไม่ยินดีจะรอคอย ให้ผู้ฝึกตนในสานักกลับคืนมายังถิ่นฐานเดิม เขาจึงแจกจ่ายเงินเทพ เซียนที่ตัวเองสะสมมา มอบให้กับคนร่วมส านักห้าขอบเขตล่างพวก นั้นจนสิ้น จากนั้นช่วยพวกเขาหาภูเขาลูกหนึ่งแล้วบุกเบิกถ้าสถิต ส่วนตัวเองก็ออกจากทาเนียบศาลบรรพจารย์ นับแต่นั้นมาก็กลายไป เป็ นผู้ฝึกตนอิสระที่เดินทางท่องไปทั่วสารทิศ”
กล่าวมาถึงตรงนี้ชุยตงซานก็แข็งใจปลุกความกล้าเอ่ยว่า “ได้รับ การไหว้วานจากข้าศิษย์พี่หญิงใหญ่เคยมองสภาพจิตใจของอีกฝ่ าย อยู่ไกลๆ ภาพเหตุการณ์พื้นที่ประกอบพิธีกรรมในทะเลสาบหัวใจคือ นครยักษ์แห่งหนึ่ง ดวงตะวันลอยอยู่กลางอากาศ ส่องแสงสว่างเจิดจ้า ชาวบ้านในเมืองอยู่อย่างสงบเป็ นสุข ค านวณคร่าวๆ แล้วมีมากนับ
ล้านคนแต่ละคนไร ้ทุกข์ไร ้กังวล สิ่งปลูกสร ้างน้อยใหญ่มีระเบียบ ดอกไม้พืชพรรณเจริญงอกงามส านักศึกษามีอยู่มากมาย ศูนย์ฝึกวร ยุทธตั้งเรียงราย ควันธูปในศาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลอยกรุ่น คนในโลก สว่างและผีในโลกมืด ผู้ฝึกลมปราณและภูตผีปีศาจอาศัยอยู่ร่วมกัน ความรู ้ของลัทธิขงจื๊อพุทธเต๋าและร ้อยสานักอยู่ที่นี่เหมือนแม่น้าไหล
มารวมกัน”
เฉินผิงอันตั้งใจฟังมาถึงตรงนี้ก็เปิ ดปากวิจารณ์ว่า “ภาพ เหตุการณ์ในหัวใจไม่ได้ยิ่งใหญ่ธรรมดาแล้ว เพียงแต่ไม่รู ้ว่าคนผู้นี้มี ใจเช่นนี้แล้วจะมีตบะเช่นนี้หรือไม่”
ขุยตงซานเองก็เคยตั้งใจไปเยี่ยมเยือนคนผู้นี้ ใช ้เวลาอยู่กับเขา ประมาณครึ่งเดือน แม้กระทั่งคนที่เชี่ยวชาญด้านการหาข้อตาหนิ อย่างชุยตงซานก็ยังหาความผิดปกติของอีกฝ่ ายไม่พบ สุภาพมี มารยาท ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ ปณิธานสูงส่งยาวไกล ทา อะไรรอบคอบ….แต่ยิ่งไร ้จุดให้โจมตีเช่นนี้ ชุยตงซานก็ยิ่งมั่นใจว่า เหตุการณ์ผิดปกติต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน!
เหตุผลของชุยตงซานเรียบง่ายมาก โลกมนุษย์ในใต้หล้านี้ จะต้องไม่มีคนที่ “จัดการเรื่องราวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม” อย่าง อาจารย์ของข้าปรากฏขึ้นเป็ นคนที่สองอย่างแน่นอน!
เฉินผิงอันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่ความลับที่มิอาจ บอกกล่าวใครได้เสียหน่อย พวกเจ้าควรจะเรียกเฉาฉิงหล่างมาคุยกัน ใจที่ทาร ้ายคนอื่นไม่ควรมี แต่ใจที่ป้ องกันคนอื่นไม่ควรขาด”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!