เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1082

แต่ไม่รู ้ว่าเหตุใด เขาถึงทยอยสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติสอง ขุม ขุมแรกเหมือนแม่น้าไหลเชี่ยวกรากที่โถมมาปะทะใบหน้า คลื่น ลูกยักษ์สูงเทียมฟ้ า แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าขอแค่เขาโชคดีมาก พอก็ใช่ว่าจะหลบไม่ได้ ก็แค่ต้องหลบเลี่ยงประกายเฉียบคมนั้น เท่านั้น

เพราะถึงอย่างไรดวงของเขาก็ไม่เลวมาโดยตลอด

แต่ขุมที่สองกลับยิ่งทาให้เขากลุ้มใจมากกว่าเดิม ไม่ได้พุ่งมา ด้วยพลังอ านาจดุดัน แต่กลับเหมือน…งูพิษตัวหนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ ในมุมมืดซึ่งได้จับจ้องมองมายังตนแล้ว

เด็กสาวพูดด้วยสีหน้าเฉยชาว่า “อย่าได้เดือดร ้อนให้ข้าถูกจับ ไปพร ้อมกันด้วย เจ้าคนแซ่เวินผู้นั้นไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ามันอะไร วิธีการในการลงมือของเขาป่ าเถื่อนอย่างมากไม่เหมือนบัณฑิตเลย แม้แต่น้อย”

เขายิ้มเอ่ย “พวกเราทุกคนอย่าได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของไอ้หมอนี่ เด็ดขาดเลย โดยเฉพาะเจ้า ต้องการให้ข้าช่วยสร ้างยันต์แผ่นหนึ่ง ขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะหรือไม่? เสียงปังดังทีเดียว ระเบิดเหมือน ประทัด ก่อนจะตายสามารถเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหริน หาก

โชคดีก็สามารถลากเจ้าขุนเขาเวินให้ลงหลุมไปด้วยกันได้ บน เส้นทางสู่น้าพุเหลืองจะได้มีเพื่อน ไม่ขาดทุน”

เด็กสาวใช ้คมมีดกรีดฝ่ ามืออย่างต่อเนื่อง ใช ้เลือดล้างมีด เงย หน้ามองเขา “หากยังท้าทายอีก ก็อย่าโทษที่ข้าจะถามกระบี่กับเจ้า”

ปีนั้นอยู่ในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของพรรคยวนจวี้ ใบถงทวีป ที่ศาลาริมน้าเกาะซีจู่ เฝยหรานได้เจอกับเชี่ยอวิ๋นผู้เป็ น ศิษย์พี่ที่มาถึงภายหลังที่นี่ แล้วยังมือวี่ซื่อแห่งกระโจมเจี่ยเซิน ผู้ฝึก กระบี่หนุ่มที่สามารถทาให้เฟยเฟยเรียกขานด้วยความเคารพว่า “คุณชาย” ได้ และยังมีเด็กสาวเรือนกายบอบบาง สองตาว่างเปล่าไร ้ ชีวิตที่มองดูเหมือนอ่อนแอมิอาจต้านทานแรงลม พกดาบสั้นไว้ตรง เอว อิงตามคากล่าวของเชี่ยอวิน เด็กสาวมีชื่อเล่นว่าโต้วโค่ว เด็ก สาวที่หากท่องอยู่ในยุทธภพล่างภูเขาของไพศาลอาจจะถูกอันธพาล เกี้ยวพาราสีได้ง่ายๆ ผู้นี้ นางกลับเป็ นตัวการสาคัญที่ทาให้อวี้จือก่าง และพรรคยวนจวี้ สองจวนเซียนขนาดใหญ่ล่มสลาย ล้วนมีจุดจบอัน น่าอเนจอนาถที่ต้องตายศพไม่สมบูรณ์ ถูกสับเป็ นเนื้อบด เป็ นเหตุให้ ตอนนั้นที่หอชมน้าของพรรคยวนจวี้ แม้กระทั่งอดีตปีศาจใหญ่บน บัลลังก ์ราชาที่นิสัยประหลาดอย่างเชี่ยอวิ้นก็ยังเรียกนางว่า “เสี่ยวกู ไหน่ไน” ขอร ้องนางว่าอย่าได้ฆ่าคนพร่าเพื่ออีกเลย

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเชี่ยอวิ้นใจอ่อนมีเมตตา แต่เป็ นเพราะหนัง หน้าของผู้ฝึกลมปราณหญิงพวกนั้นคือของรักของชอบของเขา คือ ของที่เขาชอบเก็บสะสม

เด็กสาวรับรองว่าจะแค่ฟันศีรษะของสตรีลงมา แล้วน ามามอบ ให้กับผู้อาวุโสเชี่ยอวิ้นส่วนพวกผู้ฝึกตนชายทั้งหลาย เชี่ยอวิ้นก็อย่า ได้มายุ่งเลย

แม้นางจะพกดาบ แล้วก็เคยชินที่จะใช ้ดาบฆ่าคน อีกทั้งวิธีการ ยังอ ามหิตโหดร ้ายอย่างถึงที่สุด แต่นางกลับเป็ นผู้ฝึกกระบี่ที่อาพราง ตัวตนคนหนึ่ง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมีชื่อว่า “ลี่กุ่ย” (ผีร ้าย) สามารถดูดซับอารมณ์ต่างๆ เช่นความเคียดแค้นและความไม่พอใจ ฯลฯ เป็ นเหตุให้การฆ่าคนก็คือการหลอมกระบี่ น่าเสียดายที่วิชา อภินิหารแห่งชะตาชีวิตยังไม่อาจครอบคลุมความ “หวาดกลัว” ไม่อย่างนั้นป่ านนี้นางก็คงเป็ นห้าขอบเขตบนไปนานแล้ว ไม่แน่ว่า อาจมีหวังได้เลื่อนเป็ นเซียนเหรินด้วย

หญิงสาวที่เรือนกายอรชรอ้อนแอ้นซึ่งอยู่ข้างกันรีบพูดไกล่เกลี่ย “เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ทุกวันนี้พวกเราสามคนไม่ว่าใครก็ล้วนเดินไป บนเส้นทางแห่งความตายทั้งนั้น ไยต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเองด้วย เล่า”

เพียงแต่พูดมาถึงตรงนี้นางก็อดบ่นไม่ได้ว่า “ตอนนั้นไม่ควรทา แบบนี้เลย เสียใจจนไส้เขียวแล้ว ควรจะหยุดแต่พอสมควรเอาอย่าง อื่นกวานหนุ่ม ชิงหร่าง ต้องโทษเจ้านั่นแหละ”

บุรุษหัวเราะ “ไม่อาจต้านทานความโลภที่เข้าครอบงาได้ จิตแห่ง มรรคาไม่หนักแน่นมากพอ หากโทษคนอื่นก็ยิ่งเป็ นเพราะจิตแห่ง

มรรคามีรอยด่างพร ้อย ไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้จะเลื่อนเป็ นห้าขอบเขต บนได้อย่างไร”

สาหรับผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจแห่งเปลี่ยวร ้างหลายคน ฉายาคืออะไร ล้วนเป็ นเรื่องที่ฉาบฉวยไร ้สาระ ถึงอย่างไรอยากจะตั้งอย่างไรก็ตั้งกัน ไป ไม่มีใครมาสนใจ จึงกลายเรื่องที่ไม่ได้สาคัญขนาดนั้น

ผู้ฝึกตนหญิงชื่อว่าเซียนจ่าว มาจากฝ่ ายเซวี่ยซวงของนครก่วง หาน นครก่วงหานคือหนึ่งในสามสานักของปีศาจใหญ่เฟยเฟย พูด กันถึงล าดับอาวุโส เซียนจ่าวสามารถเรียกเฟยเฟยว่าบรรพจารย์ไท่ ซ่างได้ เพียงแต่ว่านางหรือจะกล้า

นางคร่าครวญโทษตัวเองว่า “เฮ้อ เมื่อก่อนยังเคยคิดจะอุ่นผ้าห่ม ให้คุณชายอวี่ซือพร ้อมกับพี่สาวอยู่เลยนะ”

อิ๋นซู่พี่สาวที่ทางานอยู่ในฝ่ ายหลิ่วเถียวได้หวนกลับไปยังใต้หล้า เปลี่ยวร ้างพร ้อมกับเฟยเฟยแล้ว นางโชคดีอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าผ่านไป อีกแค่ไม่กี่ปีก็อาจจะเป็ นเจ้านครของนครก่วงหาน

แต่หญิงแก่อย่างหย่างจื่อผู้นั้นได้ถูกหลิ่วชีที่หวนกลับมายัง ไพศาลดักขวางทางบนทะเล จากนั้นถูกศาลบุ๋นจับตัวไปขังไว้ นางยัง รู ้สึกสมน้าหน้าอีกฝ่ายอยู่มาก

เด็กสาวเอ่ยเยาะเย้ยว่า “เศษสวะสองคนที่ไม่ติดร ้อยเซียนกระบี่ อวี่ซื่อถูกใจก็แปลกแล้ว”

เซียนจ่าวทอดถอนใจ “เก่งแต่ในโปงผ้าห่มจะมีความหมายอะไร เล่า”

นางยื่นมือออกมาสร ้างลูกไฟลูกหนึ่ง ยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่าง ละเอียด ถึงกับมีเสียงกร ้วมๆ ดังขึ้นจริงๆ เงียบไปนาน นางที่กลัดกลุ้ม ทุกข์ใจก็ถามคาถามขึ้นมาว่า “พวกเราเป็ นฝ่ ายไปหาเรื่องอิ่นกวาน หนุ่มผู้นั้นก่อน จะไม่ใช่การรนหาที่ตายจริงๆ หรือ?”

เด็กสาวตอบอย่างเฉยชา “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระวังแล้วระวังอีก ก็ แค่ท าให้เขาสะอิดสะเอียน อย่าได้เจอกับเขา หากเผชิญหน้ากับเขา ขึ้นมา พวกเราทุกคนรวมกัน มีสิบชีวิตก็ยังไม่พอให้เขาฆ่าทิ้งเลย”

เซียนจ่าวพยักหน้ารับอย่างแรง ในอดีตอยู่เบื้องล่างกาแพงเมือง ปราณกระบี่ หลีเจินลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจของบรรพบุรุษภูเขาทัว เยว่ตายไปอย่างไร?

และยังมีผู้ฝึ กกระบี่ในกระโจมเจี่ยเซินในภายหลังอีก ตั้งใจ วางแผนล้อมฆ่าเฉินผิงอันคนเดียว ผลล่ะเป็ นอย่างไร ใต้หล้าเปลี่ยว ร ้างล้วนรู ้กันทั่ว

ดูเหมือนว่าตอนนั้นแม้แต่เฝ่ยหรานก็ยังลงมือแล้ว

บัณฑิตชาติสุนัข มีกลอุบายลึกล้าอย่างแท้จริง คิดวางแผนเล่น งานใครขึ้นมาก็ชั่วร ้ายและอันตรายยิ่งกว่าพวกคนที่มีแต่ความคิด ชั่วๆ อยู่เต็มท้องเสียอีก

บุรุษยิ้มเอ่ย “แสวงหาความร่ารวยสูงศักดิ์ท่ามกลางความ อันตราย ขอแค่พวกเราสามารถมีชีวิตรอดกลับไปที่บ้านเกิดก็จะมี ความร่ารวยโชคดีรอคอยพวกเราไปรับรางวัล”

เด็กสาวเงียบไม่ตอบ สอดมีดสั้นที่ดื่มเลือดสดจนเต็มอิ่มกลับใส่ เข้าไปในฝัก

ลงมือทาเรื่องเสี่ยงอันตราย อยู่ที่ใบถงทวีป คือทางเลือกที่ถูกต้อง แล้ว ดินแดนของหนึ่งทวีป ภูเขาสายน้าล้วนปริแตกย่อยยับ ความไม่ พอใจสูงท่วมเทียมฟ้ า

แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานไม่รู ้ว่าเหตุใดฟ้ าอานวยถึงได้เปลี่ยนไป เป็ นเหตุให้ผลลัพธ ์จากเส้นทางการหลอมกระบี่ที่สามารถนั่งลงเสวย สุขของนางถูกลดทอนหายไปมาก นี่ทาให้การเลื่อนเป็ นขอบเขต หยกดิบภายในสิบปี ของนาง เปลี่ยนจากสถานการณ์ที่แน่นอน กลายเป็ นความไม่แน่นอน

หากไม่ได้จริงๆ …นางเหลือบมองคนสองคนที่หลายปี มานี้รบ เคียงบ่าเคียงไหล่บุกและถอยอยู่ร่วมกันมาโดยตลอด

บุรุษหลุดหัวเราะพรืด “ฆ่าข้าได้หรือ? ขอบเขตสูงกว่าขั้นหนึ่ง แล้วร ้ายกาจนักหรือ?”

จากนั้นเขาก็ผงกปลายคางไปอีกด้าน “ดูเหมือนนางเองก็จะฆ่า ได้ไม่ง่ายเหมือนกันนะ”

ก็เหมือนอย่างที่เซียนจ่าวเคยพูดต่อหน้าอวี่ซื่อว่า “ฆ่าจนเหนื่อย แล้ว” ก็ไม่ใช่ถ้อยคาที่เอ่ยเพื่อขอรับความดีความชอบอะไร

หากไม่มีความสามารถที่แท้จริงอยู่บ้างก็ไม่มีทางมีชีวิตอยู่มา จนถึงทุกวันนี้ได้

การค้นภูเขาในหนึ่งทวีปไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึก ตนของทวีปอื่นที่มีใจชั่วร ้ายที่ทุ่มเทกาลังอย่างไม่ออมแรงมากที่สุด

เซียนจ่าวถามอย่างประหลาดใจ “ชิงหร่าง ผู้ถ่ายทอดมรรคาของ เจ้าคือใครกันแน่?”

บุรุษยิ้มเอ่ย “วีรบุรุษยากจนไม่ถามถึงที่มา วีรบุรุษบ้านป่ าไม่ จาเป็ นต้องมีที่พึ่ง”

เด็กสาวกล่าว “ข้าคิดแล้วก็ไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด อิ่นกวาน หนุ่มผู้นั้นทาเรื่องอย่างการแกะสลักตัวอักษรได้อย่างไร ยิ่งมิอาจ จินตนาการได้ว่าเขาในอีกร ้อยปีหลายร ้อยปีให้หลัง ขอบเขตจะเป็ น เช่นไร”

ในขณะที่เซียนจ่าวซึ่งมีรอยยิ้มเต็มใบหน้ากาลังจะเอ่ยสัพยอก ขณะที่นางเพิ่งจะพูดอักษรค าว่าเฉิน ยังไม่ทันพูดค าว่าผิงอันออกมา นั้นเอง บุรุษก็ลงมืออย่างว่องไวราวสายฟ้ าแลบ คว้าหัวนางแล้วจับกด ไว้กับผนัง

เด็กสาวไม่แม้แต่จะชายตามอง เพียงแค่พยักหน้าเอ่ยว่า “สมควร แล้ว”

คนที่อยู่ต่อในโลกมนุษย์มีลูกศิษย์คนแรกอย่างโซ่วเฉิน ผู้ฝึ ก กระบี่หญิงหลิวป๋ าย และยังมีลูกศิษย์ปิดส านักโจวชิงเกา อดีตมู่จีแห่ง กระโจมเจี่ยเซิน

ตามกฎแห่งสานักที่อาจารย์กาหนดไว้ช่วงแรกสุด ลูกศิษย์ผู้สืบ ทอดทุกคนที่ “มีชื่อแต่ไร ้แช่” ล้วนจ าเป็ นต้องรอให้ตีก าแพงเมือง ปราณกระบี่แตกเสียก่อน พวกเขาถึงจะสามารถเลือกแซ่ให้กับตัวเอง ได้

และระหว่างโช่วเฉินกับโจวชิงเกา อันที่จริงโจวมี่ยังมีลูกศิษย์ผู้ สืบทอดที่สามารถเรียกได้ว่าเป็ นลูกศิษย์เดินเข้าห้องได้อีกกลุ่มใหญ่ มีทั้งเปิดเผยและปิดบัง ส่วนสรุปแล้วมีกี่คนก็น่าจะไม่มีใครรู ้แล้ว

โจวชิงกับกับศิษย์พี่ชายโซ่วเฉินและศิษย์พี่หญิงหลิวป๋ ายต่างก็ ไม่คิดจะมารวมตัวกัน หรือตามหาคนร่วมสานักทุกคนมา ในเมื่อเป็ น ความตั้งใจของอาจารย์ พวกเขาก็ไม่มีความจาเป็ นที่จะต้องวาดงูเติม ขา

เดินอยู่ท่ามกลางม่านราตรี ใต้ฝ่ าเท้าของพวกเขายังคงมีรอย จากดินโคลน แสงดาวที่ห่างออกไปไกลส่องประกายแสงบางเบาวูบ วาบไม่หยุดนิ่ง แยกไม่ออกว่าเป็ นแสงของผีพุ่งใต้หรือแสงจากหิ่งห้อย ที่บินอ้อยอิ่ง

โจวมี่มหาสมุทรความรู ้เคยพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดอย่างพวกโช่ว เฉินและหลิวป๋ ายมาที่นี่ ก่อนที่จะตัดสินใจทาสงครามอย่างเป็ น ทางการก็เคยพาพวกเขาสะพายหีบต าราออกเดินทางท่องเที่ยวไปใน ใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง

หลิวป๋ ายเอ่ยเสียงเบาว่า “ปีนั้นอาจารย์เห็นจุดที่มีแสงสว่าง เขาก็ เดินก้าวเร็วๆ ขึ้นหน้าไปก่อน พอขยับเข้าไปไกลแล้ว อาจารย์ที่ถือไม้ เท้าไม้ไผ่ไว้ในมือซึ่งอารมณ์ดีอย่างถึงที่สุดก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา กะทันหัน แต่งบทกวีบทหนึ่ง นักเดินทางเดินถือไม้เท้าหวนกลับมา ยามค่าคืน แสงเยียบเย็นแสงหิ่งห้อยล้อมส่องอยู่เหนือเนินดิน แสง จันทร ์หม่นหน้าร ้านในหมู่บ้าน ทางโคลนลื่นราวจะกลืนฝ่ าเท้า ใต้ หน้าต่างไม้ไผ่จุดตะเกียงเย็บซ่อมเสื้อผ้า บทกลอนนี้ไร ้ชื่อ แล้วก็ไม่มี บทน า สามารถแยกค าว่า ‘ค่าคืน” และคาว่า “กลับ” ออกจากกันได้ เป็ นทั้งการเปิดบทกลอน แล้วก็เป็ นทั้งการสรุปรวมเนื้อหาทั้งหมด อัน ที่จริงความหมายก็ตื้นเขินอย่างมาก แต่ลูกศิษย์อย่างพวกเราแค่ฟัง ไปเท่านั้น ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามแม้แต่ค าเดียว”

ไม้เท้าไม้ไผ่ที่อาจารย์ถือในมือปีนั้นด้านในไม่กลวง หากไม่พูด ถึงการเป็ นผู้ฝึกตนเวลาคนแก่เดินบนพื้นที่ราบสามารถเอามาทาเป็ น ไม้เท้าได้ และหากยังมีแรงกายแรงใจเหลือพอจะขึ้นเขาก็เอาเป็ นไม้ ค้าสาหรับเดินขึ้นเขาได้เช่นกัน

“ต่อให้พวกเราจะอยู่ข้างกายอาจารย์มานานหลายปี แต่ แม้กระทั่งศิษย์พี่โซ่วเฉินเองก็ยังไม่รู ้ว่าส่วนลึกในใจของอาจารย์คิด อย่างไรกันแน่ จะเสียใจบ้างหรือไม่”

ในที่สุด “จงหยวน” ที่เดินอยู่ข้างหลังก็เปิดปากพูดด้วยรอยยิ้ม บางๆ ว่า “ก็เป็ นแค่การคร่าครวญของบัณฑิตที่ป่วยใจหาใช่ป่วยกาย เท่านั้น เขาเชี่ยวชาญที่จะยืมเอาบทกวีของนักเดินทางต่างถิ่นหรือไม่

ก็รวมบทกวีคร่าครวญของสตรีในห้องหอ มาสื่อถึงความเจ็บปวดของ ขุนนางผู้ถูกปลดหรือบุตรชายที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเสมอ”

“สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็เป็ นเพราะโจวมี่เคียดแค้นโลกมนุษย์ แห่งนี้ ยิ่งขยะแขยงคนโง่เรื่องโง่ทั้งหมดที่ไม่ฉลาดเท่ากับเขา ดังนั้น อย่าได้คิดว่าเป็ นลูกศิษย์ของเขาแล้วจะหลงดีใจ อาจารย์ของพวกเจ้า

ก็แค่เก็บซ่อนอารมณ์ได้ดีเท่านั้น”

“เขาแค่มีความหวังอันเลือนรางน้อยนิดต่อตัวเองเท่านั้น แต่กลับ ผิดหวังสุดขีดกับทุกคนและทุกเรื่องในฟ้ าดินนอกเหนือจากตัวเอง ใน ใจจึงเกิดเป็ นความสิ้นหวัง”

“หากโจวมี่คิดจะอาศัยกาลังของตัวเองคนเดียวมาเปลี่ยนโลก มนุษย์ใบนี้ ด่านแรกก็คือจะเดินขึ้นฟ้ าสาเร็จได้อย่างไร ด่านที่สองก็ คือเขาควรจะคุมเชิงกับบรรพจารย์สามลัทธิอย่างไร ส่วนด่านที่สามก็ น่าจะเป็ นควรกลับมายังโลกมนุษย์แล้วกลับขึ้นฟ้ าไปอีกครั้งอย่างไร”

ใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง ภูเขาใหญ่แสนลี้

ระหว่างที่เดินทางมา เพราะเฒ่าตาบอดมาช่วยกระชากดึงเรือให้ เซี่ยโก่วจึงตั้งใจไปยืนอยู่บนหัวเรือ อ้าปากกว้างร ้องว้าวๆๆ

เหวยไท่เจินภูตจิ้งจอกที่เดิมทีคิดว่าสนิทกับแม่นางเซี่ยมากแล้ว นางตัดสินใจแล้วว่าจะต้องรักษาระยะห่างกับแม่นางเซี่ย

ระหว่างที่เดินทางผ่านสานักอวี่หลง เซี่ยโก่วก็บอกกล่าวด้วย น้าเสียงคลุมเครือฟังไม่ชัดเจน บอกว่าตัวเองคือผู้ถวายงานอันดับ

รองของภูเขาลั่วพั่ว อีกไม่นานเจ้าขุนเขาบ้านตนจะมาเป็ นแขกที่นี่ เทพธิดาทุกท่านจ าไว้ว่าโปรดเตรียมเหล้าหมักเซียนไว้ให้พร ้อม….ว้า วๆๆ…

เซี่ยโก่วนั่งยองอยู่บนหน้าผาของภูเขาที่สูงที่สุด สองมือสอดไว้ ในชายแขนเสื้อ คอตกอย่างเบื่อหน่าย ด้านหลังของนางก็คือกระท่อม ผุพังไม่กี่หลัง เฒ่าตาบอดช่างยากจนข้นแค้นเหลือเกิน มีพื้นที่กว้าง ใหญ่เสียเปล่า ไม่รู ้จักเสวยสุขเลยสักนิด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!