เด็กหนุ่มไม่พูดพร่าทาเพลงก็ย้อนกลับไปทางเดิม เขาวิ่งห้ออยู่ ท่ามกลางสายฝนกระหน่า ฝีเท้าว่องไวเรือนกายปราดเปรียว ทุกครั้ง ที่หายใจ เหนือศีรษะของเด็กหนุ่มก็จะมีไอหมอกขาวขุมหนึ่งผุดลอย ขึ้นมา
เฉินผิงอันยืนอยู่ที่เดิม เพียงไม่นานก็มองเห็นเงาร่างของเด็ก หนุ่มที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วย้อนกลับมาทางเดิม ในมือของหนิงจี๋ กางร่ม ใต้รักแร ้ยังเหน็บร่มกระดาษน้ามันไว้อีกคันหนึ่ง จะเอาไปมอบ ให้ศิษย์พี่จ้าว
ต้องเป็ นความโชคดีถึงเพียงใดถึงได้มาพบเจอกับเหล่าลูกศิษย์ ทั้งหลายในช่วงเวลานั้นและในเวลานี้
หนิงจี๋วิ่งเหยาะๆ มาตลอดทางจนมาถึงข้างกายเฉินผิงอันแล้วก็ ปลุกความกล้าถามว่า “ขอข้าถามคาถามข้อหนึ่งกับอาจารย์ได้ หรือไม่”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “มีอะไรได้ไม่ได้กันเล่า ถามมาได้เลย”
หนิงจี๋ถามอย่างสงสัย “อาจารย์อยากกลายไปเป็ นคนแบบไหน หรือขอรับ?”
เฉินผิงอันยื่นมือมาลูบศีรษะของเด็กหนุ่ม ให้คาตอบที่ไม่ใช่ ค าตอบว่า “หากถามว่าอาจารย์จะไปที่ไหน แค่ศิษย์เดินไปถึงก็จะรู ้ได้ เอง”
หนิงจี๋รู ้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก “ได้จดจาถ้อยคาล้าค่าที่สามารถเอาไป เป็ นข้อเตือนใจอีกประโยคแล้ว อาจารย์มีความรู ้ยิ่งใหญ่จริงเสียด้วย”
เฉินผิงอันตบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ เอ่ยอย่างขันๆ ปนฉุนว่า “วันหน้า ไปพูดคุยเรื่องความรู ้กับเฉาฉิงหล่างให้มากหน่อย พูดคุยเรื่อยเปื่อย กับชุยตงซานให้น้อยหน่อย”
หนิงจี๋เอ่ยเสียงเบา “อันที่จริงศิษย์พี่เล็กมีความรู ้ยิ่งใหญ่มาก เหมือนกันนะ หลักการเหตุผลหลายอย่างที่ปลุกใจให้ข้าตั้งใจศึกษา เล่าเรียนล้วนพูดได้ดีมากเลย”
เฉินผิงอันถามชวนคุย “ยกตัวอย่างเช่น”
หนิงจี๋กล่าว “ยกตัวอย่างเช่นศิษย์พี่เล็กถามข้าว่าคนเรามองเห็น ขนสัตว์ที่บางเฉียบได้แต่กลับมองไม่เห็นฟื นที่ขนอยู่เต็มเกวียน เหมาะสมหรือไม่? ข้าเข้าใจแค่ครึ่งๆ กลางๆ ย่อมไม่กล้าพูดเหลวไหล ศิษย์พี่เล็กก็เลยถามเองตอบเอง ช่วยไขข้อข้องใจให้ข้า เขาเอ่ย ประโยคว่า “ข้าจะมอบวิธีแก้ปัญหาอย่างหนึ่งให้เจ้า” มาก่อน จากนั้น บอกกับข้าว่าต้องทะนุถนอมโอกาสอันล้าค่าที่ได้ใช ้เวลากับอาจารย์ ในทุกวันให้ดี มองให้มาก ฟังให้มาก เรียนรู ้ให้มาก แค่เรียนรู ้ความรู ้
จากในตาราและนอกตาราได้สักสามสี่ส่วนก็มากพอจะเป็ นประโยชน์ ต่อข้าไปตลอดชีวิตแล้ว”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างอ่อนใจ “แล้วเจ้าก็เชื่อจริงๆ?”
หนิงจี๋ถามอย่างสงสัย “เชื่อสิ ทาไมจะไม่เชื่อล่ะ ข้ามีหรือจะกล้า ไม่เชื่อ พูดถึงแค่คราวก่อนที่มองอาจารย์ยุให้นายท่านเทพลาคลอง ดื่มสุรา ตอนหลังข้ายิ่งขบคิดก็ยิ่งรู ้สึกว่ามีความรู้”
เฉินผิงอันหัวเราะร่วน “ช่างยกตัวอย่างได้ดีจริงๆ”
หนิงจี๋อยากจะคุยกับอาจารย์ให้มากๆ หน่อย จึงถามอีกว่า “นอกจากเรื่องที่ไกลตัวแล้ว ช่วงนี้อาจารย์กาลังศึกษาความรู ้เรื่อง อะไรอยู่หรือขอรับ?”
เฉินผิงอันกล่าว “ก าลังคิดถึงการเล่นหมากล้อม อีกฝ่ ายวางเม็ด หมากลงบนกระดานอย่างน้อยที่สุดแค่ไม่กี่ตัวก็สามารถตัดสินแพ้ ชนะได้แล้ว นอกจากนี้ก็ใคร่ครวญถึงนิสัยใจคอของมนุษย์ทุกคนว่า มีต้นก าเนิดเดียวกัน แต่แยกกันไปคนละสายหรือไม่”
หนิงจี๋ร ้องว้าว รู ้สึกตื่นตะลึงยิ่งนัก นี่คือสิ่งที่เขาเรียนรู ้ไม่ได้เลย
เดินอยู่บนเส้นทางสายเล็กริมธารน้า เดินผ่านต้นไม้โบราณ ใบไม้สีเขียวมรกตทับซ้อนหนาชั้น เสียงลมเสียงฝนตกกระทบลงบน ยอดไม้ น้าในลาธารสายเดียวกัน ภูเขาลูกใดก็รั้งไว้ไม่อยู่ เวลาปกติ แค่ไหลริกๆ แทนเสียงร ้องคร่าครวญของคน ยามที่ฝนตกกระหน่าก็
เหมือนเสียงตะโกนที่ดังขึ้น อาจารย์และลูกศิษย์เดินกางร่มไปด้วยกัน ช ้าๆ พอขยับเข้าใกล้โรงเรียนหนิงจี๋ก็พลันเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “อาจารย์”
เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “ท าไม พลันบังเกิดแรงบันดาลใจเลยคิด จะแต่งกลอนสักบทหรือ?”
เดิมทีเด็กหนุ่มอยากจะถามอาจารย์ว่าท าไมถึงยินดีมาสอน หนังสืออยู่ในชนบทแห่งนี้แต่พอถูกอาจารย์ขัดจังหวะก็ไม่อยากถาม แล้ว
เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สายเหวินเซิ่งของพวกเราต้อง มีจ้วงหยวนสักคนได้แล้ว”
หนิงจี๋พลันส่ายหน้าเป็ นกลองป๋ องแป๋ ง “ไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิด”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “คิดได้ คิดได้”
ห่างจากโรงเรียนมาอีกประมาณหนึ่งเค่อ เฉินผิงอันเก็บร่มยืนอยู่ ใต้ชายคา สายลมสายฝนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ฟ้ าดินหม่นสลัว มองไกลๆ ไปเห็นนาฬิกาแดดที่สลักอยู่บนก้อนหินซึ่งตั้งอยู่ริมลาน ตากธัญพืช
ควรจะต้องไปเจอจิตมารที่แท้จริงตนนั้นได้แล้ว
จะสามารถหวนกลับไปสู่ขอบเขตหยกดิบและแตะไปถึงคอขวด ได้หรือไม่ ยังต้องดูว่าจิตมารที่ทาตัวลับๆ ล่อๆ ทั้งยังอาพรางตนได้ อย่างดีเยี่ยมตนนี้คิดอย่างไรกันแน่
จิตมารทั้งหลายที่ถูกตัดแบ่งและรื้อถอนออกมา เนื่องจาก รากฐานมีความเป็ นมนุษย์ส่วนหนึ่งของเฉินผิงอันอยู่ จึงไม่ได้บริสุทธิ์ มากนัก เหมือนสองทัพที่ประจัญบานกัน จิตมารที่เป็ นแม่ทัพหลัก ตัว มันเองหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด คอยบงการพลทหารใต้บังคับบัญชานับ แสนนับล้านให้โจมตีเมืองหน้าด่าน จงใจแสร ้งทาเป็ นอ่อนแอ ทั้งยังมี ใจอยากจะหยั่งเชิง สืบสาวราวเรื่องกันแล้ว มันกับเฉินผิงอันที่มีความ เป็ นเทพบริสุทธิ์ซึ่งยืนอยู่เหนือยอดเนินกระดูกขาวผู้นั้นคือสองขั้วที่ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถือเป็ นการคุมเชิงกันอยู่ไกลๆ จิตใจคนที่ ซับซ ้อนกับความเป็ นเทพที่บริสุทธิ์กาลังทาการชักคะเย่อกันอยู่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!