ฝนจากฟ้ าตกหนักติดต่อกันสามวันหยุดพักหนึ่งวัน ภูเขา สายน้าและผืนแผ่นดินในโลกมนุษย์ก็คล้ายยกจอกดื่มสุราเข้าไป
บนภูเขาที่ชื่อเดิมคือ “ป๋ ายเยว่” ชื่อในทุกวันนี้คือภูเขาฉือวิ่น กู้ช่านมาหยุดพักอยู่ที่นี่ ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปให้ให้กับหลิ่วชื่อเฉิงที่ ชอบโอ้อวดตัวเอง บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา ให้มาพบกันที่นี่
หลิ่วชื่อเฉิงที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดฝัน พอได้รับจดหมาย แล้วก็รีบออกจากโรงเตี้ยมตระกูลเซียนของฉู่โจวมาทันที ออก เดินทางโดยไม่ได้หยุดพัก ก่อนจะออกเดินทางเจ้าหอหลิ่วยังตั้งใจเอา ชุดคลุมเต๋สีชมพูกลับมาสวมใหม่อีกครั้ง เป็ นอาจารย์อาของคนอื่น ถึงอย่างไรก็ต้องให้การสนับสนุนศิษย์หลานของตัวเองสักหน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนนอกมองว่ายากจนแร ้นแค้นเกินไปจนกู้ช่าน ขายหน้า คิดไม่ถึง่าพอไปถึงสถานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่มีชื่อว่าภูเขาฉือวิ๋ นแห่งนั้น นอกจากกู้ช่านแล้วก็มีแค่สาวใช ้คนที่เขาไปหลอกเอามา จากใต้หล้าเปลี่ยวร ้างที่ยืนอยู่ริมหน้าผากึ่งกลางภูเขาด้วยกัน หลิ่ว ชื่อเฉิงมึนงงอยู่บ้าง เขาพลิ้วกายลงมาจากก้อนเมฆ แล้วก็ไม่กล้าบ่น อะไร เพียงแค่อดไม่ไหวถามว่า “กู้ช่าน อยู่ที่นี่เบื่อแล้วก็เลยเรียก อาจารย์อามาดื่มเหล้าด้วยหรือ?”
กู้ช่านกล่าว “มีคนระบุชื่อบอกว่าอยากพบท่าน”
หลิ่วชื่อเฉิงหลุดหัวเราะพรืด “มาดช่างใหญ่โตยิ่งนัก ระบุชื่อ อยากพบข้าหรือ?”
กู้ช่านพลันกุมมือคารวะไปทางนอกหน้าผา เอ่ยเสียงทุ้มหนัก จริงจังว่า “กู้ชานคารวะอาจารย์ปู่”
หลิ่วชื่อเฉิงหมุนตัวกลับ แล้วก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้า รีบลงไป นั่งคุกเข่าก้มหัวกราบทาตามพิธีใหญ่ “ลูกศิษย์คารวะท่านอาจารย์”
ครู่หนึ่งต่อมาก็ได้ยินผู้ฝึกตนหญิงแห่งเปลี่ยวร ้างหัวเราะคิก หลิ่ว ชื่อเฉิงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นถึงตระหนักได้ว่าตัวเองถูกเจ้าลูกกระต่าย กู้ช่านหลอกเอาเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนอย่างขุ่นเคือง สะบัดชุดคลุม เต๋า เศษฝุ่ นไม่น้อยถูกสะบัดออกมา ทว่ากลับไม่เห็นสีหน้าโกรธเคือง จากหลิ่วชื่อเฉิง
และเวลานี้เอง ด้านหลังก็มีเสียงตุ้บๆ ดังขึ้นมา หลิ่วชื่อเฉิงเข้าใจ ผิดคิดว่าเป็ นฝี มือกู้ช่านอีกครั้ง จึงเอ่ยอย่างขันๆ ปนฉุนว่า “แค่ พอสมควรก็พอแล้วนะ ต่อให้ข้าจะนิสัยดีแค่ไหนก็มีขีดจ ากัด เหมือนกัน”
จากนั้นหลิ่วชื่อเฉินก็โดนถีบหนึ่งที ทั้งยังโดนด่าด้วย น้าเสียง ของคนพูดคุ้นเคยอย่างถึงที่สุด “น่าอับอายขายหน้านัก ยังมีหน้าวิ่ง ไปที่ภูเขาลั่วพั่วอีกหรือ? แต่งตัวขูดฉาดแบบนี้ทุกวัน ท าไมเจ้าไม่ แกะสลักตัวอักษรสีทองใหญ่ๆ ไว้บนหน้าผากไปด้วยเลยล่ะว่า “ศิษย์ พี่ของข้าคือเจิ้งจวีจง?”
หลิ่วชื่อเฉิงหมุนตัวกลับไปก็เห็นผู้เฒ่าร่างผอมเพรียวที่มีบุคลิก น่าเกรงขาม ริมฝีปากของหลิ่วชื่อเฉิงขยับขมุบขมิบ กรอบตาแดงก่า ลงไปนอนหมอบอยู่กับพื้นต่ออีกครั้ง พูดด้วยน้าเสียงสะอื้นว่า “อาจารย์!”
คนผู้หนึ่งที่สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียว ก็คือเฉินชิงหลิวที่อยู่ว่างไม่
มีอะไรท า
ข้างกายมีนักพรตเปลือยเท้าที่ใบหน้ามอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิง ติดตามมาด้วย บนร่างไม่มีของสิ่งใด มีเพียงร่มคันเดียวที่สะพายไว้ เฉียงๆ
สหายเก่าแก่สองคนที่รู ้จักกันมานานแล้ว ก่อนหน้านั้นได้นัดมา เจอกันที่นี่
เฉินชิงหลิวตวัดปลายเท้าขึ้นก่อนจะวางลงอีกครั้ง “ลุกขึ้นมา เถอะ เรื่องของการเคารพครูบาอาจารย์กับขอบเขตและตบะ หาก พวกเจ้าสองศิษย์พี่ศิษย์น้องเฉลี่ยกันได้ก็คงจะดี”
หลิ่วชื่อเฉิงลุกขึ้นยืน เบี่ยงหน้าไปเช็ดน้าตาอีกทาง อารมณ์ ความรู ้สึกยากจะเก็บกลั้นหากจะคิดกันขึ้นมาจริงๆ นับตั้งแต่ที่เขาถูก เทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์สยบก าราบไว้ที่แจกันสมบัติทวีป เมื่อพันปีก่อน หลังหลุดพ้นมาได้แล้ว ซึ่งไม่นับรวมกับวันนี้ เขาก็เพิ่ง ได้เจอหน้าอาจารย์ ส่วนทาไมศิษย์พี่เจิ้งถึงไม่ช่วยเขา ศิษย์พี่ต้องมี เหตุผลของตัวเองแน่นอนทาไมทั้งๆ ที่อาจารย์เองก็อยู่ที่แจกันสมบัติ
ทวีป แต่กลับไม่ยินดีใช ้กระบี่ฟันเปิดพันธนาการ คิดดูแล้วอาจารย์ เองก็น่าจะมีความลาบากใจ หลิ่วชื่อเฉิงไม่มีความพอใจเลยแม้แต่นิด เดียว
เฉินชิงหลิวแนะนาหลิ่วชื่อเฉิงให้นักพรตข้างกายรู ้จักด้วย น้าเสียงที่แฝงไว้ด้วยแววเหน็บแนม “สหายจื่อชิง คนผู้นี้คือหลิ่วเต้า ฉุนศิษย์เอกผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจของข้า เจ้านครหลิ่วแห่งนครจักรพรรดิ ขาว ทุกวันนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนชื่อเป็ นหลิ่วชื่อเฉิงแล้ว ก็คือเจ้าหอ หลิ่วที่ “คนอื่นหัวเราะเยาะว่าข้าโง่เขลา ข้าหัวเราะเยาะที่คนอื่นไม่มี ศิษย์พี่” ผู้นั้นนั่นแหละ”
นักพรตเนื้อตัวสกปรกยิ้มเอ่ย “เรื่องราวมีมากมายนับไม่ถ้วน ได้ ยินชื่อเสียงเลื่องลือมานานแล้ว”
ไม่ใช่ผู้ฝึ กกระบี่ มีแค่ขอบเขตหยกดิบก็กล้าทาตัวกร่างอยู่ใน ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางได้
เฉินชิงหลิวยิ้มบางๆ แนะนาตัวนักพรตสกปรกที่อยู่ข้างกายว่า “ท่านผู้นี้คือสหายจิ่อชิง แซ่เดิมคือเก๋อ เรียกตัวเองว่านักพรตซาน ป่ายเฉียน อีกฉายาคือ “ไหวหนัน” คือผู้สูงส่งที่หลุดพ้นทางโลกอย่าง แท้จริง มักจะไปมาอยู่ในภูเขาที่มีชื่อเสียง ไม่อยู่เป็ นที่เป็ นทาง ไม่ใช่ ผู้สันโดษครึ่งๆ กลางๆ ที่ชอบสร ้างภาพให้คนชื่นชม ในอดีตเขามี พื้นที่ประกอบพิธีกรรมอยู่หลายแห่งที่มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก อย่างเช่นว่าตาหนักอวี่หลง หรืออย่างที่ไม่ดังเท่าไรก็มียอดเขาเหวินปี่ แห่งซวีเจียง อีกแห่งหนึ่ง ภายหลังได้ถูกบัณฑิตยึดครองไปแล้ว แย่ง
ชิงกลับคืนมาไม่ได้ มีความสัมพันธ ์ที่ไม่เลวกับข้า สามารถถือว่าเป็ น …..?”
นักพรตเปลือยเท้าสะพายร่มรับคาต่อ “สหายครึ่งตัว”
กู้ช่านเหลือบมองไปที่ไหล่ของนักพรตคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้ เจตนา
หลิ่วชื่อเฉิงกลับมึนงงไม่เข้าใจ
เป็ นขอบเขตหยกดิบเหมือนกัน แต่กลับรู ้ได้ทันทีว่าใครสูงใคร ต่า
กู้ช่านคารวะตามขนบลัทธิเต๋า “กู้ช่านแห่งนครจักรพรรดิขาว คารวะเก๋อเซียนจวิน”
หลิ่วชื่อเฉิงขยับไปยืนอยู่ข้างกายอาจารย์ ไม่รู ้ว่าควรจะเปิดปาก อย่างไรจึงจะเหมาะสม รอกระทั่งกู้ช่านเอ่ยเช่นนี้ เขาถึงได้ทาตาม
นักพรตแซ่เก๋อฉายาจื่อชิงมองไปทางกู้ช่าน พยักหน้าเอ่ย ชมเชยว่า “บัณฑิตควรต้องเป็ นเช่นนี้จึงจะฝึกบาเพ็ญตนบรรลุมรรคา ได้”
เฉินชิงหลิวเหลือบมองผู้ฝึกตนหญิงแห่งเปลี่ยวร ้างคนนั้น ผู้เฒ่า ขมวดคิ้วเบาๆ นางก็รีบออกห่างไปทันทีอย่างรู ้กาลเทศะ ไม่กล้าพูด อะไรแม้แต่ค าเดียว
ขอบเขตสิบสี่ก็คือขอบเขตสิบสี่
ต่อให้มรรคกถาขอบเขตสิบสี่จะมีสูงต่า วิธีการก็มีข้อดีข้อเสีย ต่างกันไป แต่นั่นก็เป็ นแค่เรื่องระหว่างขอบเขตสิบสี่ด้วยกันเท่านั้น
ผู้พิฆาตมังกรที่ใช ้เวทกระบี่สยบการาบเผ่าพันธุ์น้าในใต้หล้า ตรงหน้าผู้นี้ได้หายตัวไปนานถึงสามพันปี ครั้งแรกที่ปรากฏตัวอย่าง เป็ นทางการก็ได้ทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ว่า “ฆ่าใครก็คือฆ่าเหมือนกัน” ไม่มีใครรู ้สึกว่านั่นคือประโยคเลื่อนลอย คุยโตโอ้อวดที่ไม่ต้องคิดเป็ น จริงเป็ นจังอะไร
เฉินชิงหลิวยิ้มเอ่ย “สหายจื่อชิง พวกเราไม่ได้เจอกันนานมาก แล้ว หากไม่เป็ นเพราะมีคนบอกว่าเจ้าปรากฏตัวในขุนเขากลาง ข้าก็ ไม่รู ้ด้วยซ้าว่าเจ้ามาเที่ยวเล่นอยู่ที่แจกันสมบัติทวีป”
นักพรตยิ้มเอ่ย “เพียงแค่เพราะอาจารย์มีคาสั่งว่าให้ข้ากับพบกับ ศิษย์น้องเว่ย”
เฉินชิงหลิวยิ้มเอ่ย “เว่ยเปิ่นหยวนแห่งตรอกเถาเย่ เจ้านักพรต จมูกโคหน้าเหม็นผู้นี้จาเรื่องในอดีตได้แล้วหรือ?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!