ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเล็ก สุสานเทพเซียนที่เทวรูป ส่วนใหญ่แตกพังไม่เหลือสภาพดี ค่อยๆ สลายกลมกลืนไปกับดินราว กับว่าเกิดมาจากดินก็จากไปพร ้อมกับดินภายหลังสถานที่แห่งนี้ได้ ถูกราชสานักต้าหลีออกเงินทุนสร ้างศาลบู๊ที่ระดับขั้นสูงมากขึ้นมาใน ท้อง” ของเทวรูปสามองค์มีทั้งเงินเหรียญทองแดงของชาวบ้านแล้วก็ มีเงินแก่นทองกังหย่าง
เฉาฉิงหล่างหวนกลับมาที่เรือนซึ่งเป็ นที่ตั้งของบ่อน้า ชุยตงซาน ก็ยิ้มถามว่า “ราบรื่น หรือไม่?”
เฉาฉิงหล่างยิ้มเอ่ย “ฮ่องเต้ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว นางยังบอก ให้ข้าน าความไปบอกกับศิษย์พี่หญิงเผยว่าหากมีเวลาว่างก็แวะไปหา นางบ้าง”
ชุยตงซานถามคาถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กาลังคุยกันอยู่ อย่างสิ้นเชิง “เจ้าคิดว่าถูกคนอื่นทุกคนปฏิเสธ กับถูกคนใกล้ตัวทุก คนยอมรับ อันไหนยากกว่ากัน?”
เฉาฉิงหล่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “หากเพิ่มสองคาว่า “ทุกคน” นี้ เข้าไปก็ยากมากทั้งคู่แล้วล่ะ”
ชุยตงซานถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตัดคาว่า “ทุกคน” ออก ปี นั้นอยู่ที่เมืองเล็กของตัวอ าเภอ อาจารย์ของพวกเรากับ…ยกตัวอย่าง
เช่นจ้าวเหยา ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่รู ้ตัว อีกทั้งคนนอก สถานการณ์ต่างก็ไม่เคยทาการเปลี่ยนแปลงใดๆ คนคนหนึ่งถูกคน จานวนมากให้การยอมรับ กับคนอีกคนที่ถูกคนจานวนมากปฏิเสธ ใครยากกว่ากัน?”
เฉาฉิงหล่างตั้งใจคิดอยู่พักใหญ่ ครั้นจึงเอ่ยว่า “ยังคงเป็ นจ้าว
เหยาที่ยากกว่าหน่อย”
ชุยตงซานพยักหน้า ยกนิ้วโป้ งให้ “ไม่เสียแรงที่เป็ นน้าใสขุมหนึ่ง ของขนบธรรมเนียมประจ าราชส านักต้าหลีพวกเรา!”
เฉาฉิงหล่างถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่เล็กถามเรื่องนี้ทาไม?”
ชุยตงซานเบ้ปาก ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พึมพ าด่าว่าเจ้าตะพาบ เฒ่าเจ้ามันไม่ใช่คนยามลงมืออามหิตขึ้นมาแม้กระทั่ง ‘ตัวเอง” ก็ยัง หลอกได้ลงคอ
เฉาฉิงหล่างเคยชินเสียแล้ว ชุยตงซานพลันถามว่า “อาจารย์ยอมรับในตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉาฉิงหล่างท าหน้าเหลอหรา ส่ายหน้าตอบ “เรื่องแบบนี้จะรู ้ได้ อย่างไร”
ชุยตงซานเกาแก้มเลียนแบบหมี่ลี่น้อย
ให้คนคนหนึ่งที่มองโลกในแง่ร ้ายอย่างสิ้นเชิงเปลี่ยนมาเป็ นมอง โลกในแง่ดี กับให้คนคนหนึ่งที่เคยชินกับการปฏิเสธตัวเองให้การ ยอมรับตัวเอง เป็ นเรื่องยากถึงเพียงใด
ยากจนแทบไม่ต่างจากการเดินขึ้นสวรรค์เลยกระมัง
ในอดีตตรงหินผาหลังวัวด าริมล าคลอง หยางเหล่าโถวแห่งเรือน หลังของร ้านยาที่นานๆ จะออกจากบ้านสักที กับเด็กหนุ่มชุดขาวที่ แบ่งจิตวิญญาณกับซิ่วหูฉุยชานไปคนละครึ่ง ทั้งสองฝ่ ายเคยมีบท สนทนาที่เปิดเผยตรงไปตรงมาต่อกัน มองดูเหมือนว่าราชครูชุยฉาน ที่ไม่ว่าจะสถานะ ขอบเขตหรือทรัพย์สมบัติล้วนเป็ นของเขาคือหลัก เด็กหนุ่มชุดขาวที่ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ตัวเองว่าชุยตงซานคือ รอง นี่หมายความว่าสติปัญญา ตบะและความสามารถในการคิด ค านวณบนกระดานหมากของชุยฉานจะต้องเหนือกว่าเด็กหนุ่มชุด ขาวไปมาก ควรต้องเป็ นแบบนี้ถึงจะถูก
ทว่าตอนนั้นหยางเหล่าโถวกลับถามคาถามที่น่าสนใจอย่างมาก “ซุยฉานที่อยู่ในเมืองหลวงก็ไม่รู ้หรือ?
เด็กหนุ่มชุดขาวกลับให้คาตอบที่จริงใจยิ่งกว่า “ข้าคนนั้นน่าจะ ไม่รู ้กระมัง
เกี่ยวกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ พวกเขาสองคนต่างก็เป็ น ปรมาจารย์ในกลุ่มของปรมาจารย์ ผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีคุณสมบัติพอจะ
พูดคุยกับพวกเขาเรื่องนี้ นับรวมใต้หล้าทุกแห่งแล้วก็ยังมีน้อยจนนับ นิ้วได้
การถามตอบครั้งนี้ อันที่จริง “ขุยฉาน” ได้แพร่งพรายความลับ สวรรค์ออกมามากมายแล้ว
หมายความว่าก่อนหน้านั้นชุยฉานได้ลงมือจัดวางแผนการ เริ่ม หลอกตัวเองหลอกคนอื่น จงใจกดความสามารถในการคานวณของ ตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะใช ้มันปิดแผ่นฟ้ าข้ามมหาสมุทร
หาไม่แล้วก็ไม่มีทางหลอกบรรพจารย์สามลัทธิได้ หลอกโจวมี่ มหาสมุทรความรู ้แห่งใต้หล้าเปลี่ยวร ้างไม่ได้
หลังจากนั้นมาถึงได้บีบให้ซิ่วไฉเฒ่าต้องใช ้ ไม้บรรทัดลงโทษ” ชุยตงซานพาอวี๋ลู่และเซี่ยเซี่ยไปด้วยกัน ทาหน้าหนาดึงดันให้เฉินผิง อันมาเป็ นอาจารย์ของตัวเองให้จงได้ นับแต่นั้นมาลาดับอาวุโสใน สายเหวินเซิ่งของเขาก็ถูกลดขั้นลงไป ขณะเดียวกันให้ตายอย่างไร ชุยตงซานก็ไม่ยอมเดินตามรอยเท้าของเจ้าตะพาบเฒ่าเด็ดขาด เขา จะไม่ยอมเป็ นศิษย์พี่ใหญ่อะไรอีกแล้ว ดังนั้นจึงตกลงกับเผยเฉียนว่า เจ้าเป็ นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเจ้าไป ข้าจะเป็ นศิษย์พี่เล็กของข้า นับ กันคนละอย่าง
ณ ภูเขาเสินซิ่วภูเขาบรรพบุรุษของสานักกระบี่หลงเฉวียน ลูก ศิษย์ผู้สืบทอดอย่างพวก ต่งกู่สัมผัสได้ถึงภาพเหตุการณ์ผิดปกติที่ เกิดขึ้นเพียงวูบเดียวก็หายไป ต่างก็เดาความจริงกันได้จึงพากันออก
จากยอดเขาของตัวเองมายังที่แห่งนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยแววยินดี เพียงแต่ติดที่อาจารย์ของพวกเขามีนิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง จึงพูดแสดง ความยินดีแค่ประโยคสองประโยคเท่านั้น หากพูดมากกว่านี้อาจทา ให้อาจารย์ไม่พอใจเอาได้ หร่วนฉงเดินออกมาจากร ้านตีเหล็ก ภาพ ปรากฏการณ์เซียนเหรินบนร่างทั้งสูงส่งยาวไกลทั้งแข็งแกร่งมั่นคง ได้รับคาแสดงความยินดีจากพวกลูกศิษย์ ชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยม่อต้อ แต่แข็งแรงก าย าไม่ได้พูดอะไร หลิวเสี้ยนหยางออกจากยอดเขาโหยว อี๋มาที่นี่ “ช่างหร่วน นี่เป็ นขอบเขตเซียนเหรินแล้วหรือ?”
หร่วนฉงอืมรับหนึ่งที
ลูกศิษย์ถามอ ย่างง่ายๆ อ าจาร ย์ก็ตอ บอ ย่างขอไปที ขนบธรรมเนียมของสานักกระบี่หลงเฉวียนแตกต่างไปจากภูเขาบาง ลูกที่เคยเป็ นเพื่อนบ้านกันอย่างมาก
หลิวเสี้ยนหยางถามอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ แล้วตาแหน่งเจ้า สานักนี่ล่ะ?”
ก่อนหน้านั้นเป็ นฝ่ ายยอมยกตาแหน่งให้เอง นั่นก็เพราะอาจารย์ มีขอบเขตเดียวกับลูกศิษย์ คาดว่าช่างหร่วนคงจะหน้าบาง ไม่มีหน้า มานั่งยองนั่งห้องส้วมโดยไม่ถ่ายอีกต่อไป ตอนนี้ขอบเขตสูงขึ้นแล้ว ก็คงจะไม่เปลี่ยนสีหน้าไม่จาคน ทวงตาแหน่งนี้กลับคืนหรอกกระมัง?
หร่วนฉงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เป็ นเจ้าส านักของเจ้าต่อไป เมื่อไหร่ที่รู ้สึกว่าคุณธรรมของตัวเองไม่คู่ควรกับตาแหน่งก็ค่อย เปลี่ยนให้ขอบเขตหยกดิบคนอื่นมาเป็ นแทน”
สามารถเลื่อนเป็ นขอบเขตเซียนเหรินได้ก็เพราะการค้าครั้งหนึ่ง ในอดีตหร่วนฉงได้มอบหน้าผาสังหารมังกรของบ้านตัวเองออกไป เพื่อแลกเปลี่ยนมาด้วยวิถีกระบี่บรรพกาลที่มีความเกี่ยวข้องกับการ หล่อหลอม
แต่ติดขัดที่ฐานกระดูกและความสามารถในการทาความเข้าใจ ของตัวเอง หร่วนฉงถึงเพิ่งจะฝ่ าทะลุคอขวดขอบเขตหยกดิบได้ก็ ตอนนี้ บางทีหากเปลี่ยนไปเป็ นหลิวเสี้ยนหยางหรือเซี่ยหลิงก็อาจจะ ฝ่าทะลุขอบเขตกันไปนานแล้ว
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!