หลายปีมานี้บางครั้งหร่วนฉงก็คิดว่า หากตอนนั้นคิดให้น้อยกว่า นี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะทาผิดซ้าแล้วซ้าอีก ซิ่วซิ่วก็จะอยู่ต่อ ถ้าอย่างนั้น สุดท้ายคนที่จะติดตามโจวมี่เดินขึ้นสวรรค์ไปก็จะกลายเป็ นหลี่หลิ่ว แทน?
หร่วนฉงหยิบกาเหล้าใบหนึ่งออกมา คือเหล้าต้มของพวก ชาวบ้านที่ในอดีตเขาซื้อมาจากเมืองเล็ก ชายฉกรรจ์ที่หนวดเครายุ่ง เหยิงดื่มเหล้าอย่างอัดอั้น
ความเสียใจภายหลังไม่อาจเอามากินแทนข้าวได้ แต่สามารถ เอามาดื่มแทนเหล้าได้
สี่ตัวอักษรใหญ่ที่แกะสลักไว้บนหน้าผา จากบนลงล่างก็คือสวรรค์สร ้างเส้นริ จากล่างขึ้นบน จะเป็ นซิวเสินสร ้างสรรค์
จาได้ว่าปีนั้นนักพรตหนุ่มทีมาตั้งและดูควงเคยดูดวงให้กับซิ่วซิ่ว อักษรบนแผ่นเซียมซีคือถ้อยคาโบราณที่แคมองก็รู ้ว่าแสร ้งทา
เป็ นลี้ลับซับซ ้อน เปิ ดฟ้ าของคน เปิ ดฟ้ าของฟ้ า ผู้เปิ ดฟ้ าย่อมให้ ก าเนิดคุณธรรม ส่วนผู้เปิดฟ้ าของคนกลับให้ก าเนิดโจร
หร่วนฉงจาได้ว่าครั้งสุดท้ายที่กินข้าวร่วมโต๊ะกับซิ่วซิ่ว ซิ่วซิ่ว เล่าเรื่องหนึ่งด้วยน้าเสียงง่ายๆ ผ่อนคลายว่านางได้เจอกับศิษย์พี่หลิ่ว แล้ว
ตอนนั้นหร่วนฉงไม่ได้ถามอะไรมาก แต่พอมาตอนหลังก็เป็ นมหาสมุทรความรู ้โจวมี่กับซิ่นซิ่วที่พากัน
เดินขึ้นฟ้ าจากไป
ตัวนครในอ าเภอของอ าเภอไหวหวงเคยมีคนอยู่หกร ้อยครัวเรือน ถนนตรอกซอยน้อยใหญ่ตัดสลับกัน ยกตัวอย่างเช่นตรอกที่แคบยิ่ง กว่าตรอกหนีผิงเส้นนั้น อันที่จริงมีจานวนอยู่ไม่น้อย หากออกจาก ตรอกหนีผิงไปตักน้าที่บ่อตรวนมังกรก็สามารถเลือกระยะทางให้ไกล หน่ อย นั่ นก็คือต้องผ่านสถานที่แห่งนี้ ผนังสองด้านเหมือน เผชิญหน้าคุ้มเชิงกัน หลังคากระท่อมต่าเตี้ย แสงแดดส่องไม่ถึง มืด สลัวไร ้แสงตะวัน ตอนที่เฉินผิงอันเป็ นเด็กก็มักจะมาเยือนที่แห่งนี้ บ่อยๆ โดยเฉพาะหน้าหนาวที่อากาศหนาวเหน็บ บนพื้นในตรอกที่ มืดสลัวเกาะตัวเป็ นน้าแข็ง มองไปรอบข้างไม่เห็นใคร เฉินผิงอันก็จะ วางถังน้าไว้ที่ด้านหนึ่งของตรอกเล็กก่อน แล้วผลักมันออกไป ข้างหน้า ส่วนตัวเองจะถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะกระโจนไป ข้างหน้า เบี่ยงตัวไถลลื่นผ่านตรอกเล็ก สุดท้ายไปเจอกับถังไม้ที่ บรรจุน้าไว้จนเต็มอีกด้านหนึ่งของตรอก
ภายหลังเฉินผิงอันพาเฉินหลิงจวินมาเดินเล่นในเมืองเล็กก็ได้ ผ่านที่แห่งนี้ ปากตรอกมีบ่อน้า บ่อน้าเล็กมีน้าน้อย พอแค่ให้บ้าน
ไม่กี่หลังที่อยู่ใกล้เคียงมาตักน้าเท่านั้น เฉินผิงอันเคยถูกมองเป็ นโจร ขโมยน้า ถูกด่าไปรอบหนึ่ง
ข้างบ่อน้ามีแปลงผักที่ดินแร ้นแค้นขาดสารอาหาร คุยเล่นพลาง เดินเล่นกันไป ตอนนั้นเฉินหลิงจวินเดินออกไปได้สิบกว่าก้าวแล้วถึง พลันเข้าใจเรื่องหนึ่ง
นายท่านเจ้าขุนเขาถึงกับมาขโมยผักของแปลงผักแห่งนี้ตอน เด็ก?! หาไม่แล้วไฉนนายท่านเจ้าขุนเขาถึงรู ้ว่ารสชาติของผักใน แปลงขมฝาดกันล่ะ?
ส่วนเฉินผิงอันในตอนนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร กลับกันยังแค่บอก กับเด็กชายชุดเขียวว่าอย่าเอาไปเล่าให้ใครฟัง
นี่ก็คือยอมรับว่าตอนเด็กตัวเองเคยขโมยของมาก่อนจริงๆ
หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล
ท่ามกลางม่านราตรี แมวดาตัวหนึ่งที่มักจะเตร็ดเตร่อยู่แถวตรอก ซิ่งฮวาเป็ นประจาทั่วร่างของมันเป็ นสีดาปลอด ยากจะบอกได้ว่าเป็ น แมวบ้านหรือแมวป่ า ฝีเท้าของมันแผ่วเบา เดินอยู่บนหลังคาร ้านยา ตระกูลหยางอย่างเงียบเชียบไร ้เสียง
มันมองทะลุหลังคาเพดานเปิดอ้าของเรือนหลังไปเห็นผู้เฒ่าที่ ก าลังพ่นควันขโมง
หยางเหล่าโถวกล่าว “สหายจือสือ มาก็มาแล้ว ไม่สู้เข้ามาร าลึก ความหลังกันหน่อยนอกเพดานมิอาจเก็บซ่อนค าพูดอะไรได้หรอกนะ
แมวดาที่ถูกผู้เฒ่าเรียกว่า “สหายจือสือ” ส่ายหน้าเบาๆ ก่อน จากนั้นค่อยผงกศีรษะเหมือนคน แล้วก็กระโดดแผล็วลงมายังม้านั่ง ยาวที่อยู่ใต้ชายคาตัวนั้น
เฒ่าตาบอดแห่งภูเขาใหญ่แสนสี่เปลี่ยวร ้าง ออกแรงไปในศึก เดินขึ้นฟ้ าเยอะมาก แล้วก็เพราะเขาไม่พอใจความขัดแย้งภายในที่ เกิดขึ้นในภายหลัง รู ้สึกว่าที่แท้โลกมนุษย์ที่เกิดเหตุพลิกผันก็ไม่ได้ดี ไปกว่ากันสักเท่าไร เขาผิดหวังอย่างถึงที่สุด ในฐานะผู้ฝึ กตนเผ่า มนุษย์กลับเลือกที่จะอยู่ในใต้หล้าไพศาลซึ่งห่างจากกาแพงเมือง ปราณกระบี่ไปไม่ไกล เคยควักลูกตาทั้งสองข้างของตัวเองโยนทิ้งไป ในภูเขาสายน้าอันกว้างไกลนอกใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง กลายมาเป็ นแมว ป่ าสองตัว หนึ่งดาหนึ่งขาว ท่องไปในโลกมนุ ษย์ มองดูการ เปลี่ยนแปลงของวิถีทางโลกด้วยสายตาเย็นชา
แต่หมื่นปีที่ผ่านมาเฒ่าตาบอดไม่ได้เก็บ ‘วิสัยทัศน์” สองส่วนนี้ กลับไป คล้ายจะมองให้เต็มตา ตาไม่เห็นใจก็ไม่หงุดหงิด
แมวดาทุกวันนี้มักจะติดตามอยู่ข้างกายหม่าขู่เสวียน ส่วนแมว ขาวเดิมที่ควรอยู่ที่ใต้หล้ามืดสลัว แต่ไม่รู ้ว่าทาไมสุดท้ายถึงวิ่งไปอยู่ ที่อารามกวานเต๋าของตงไห่
แมวป่ าเพิ่งจะออกจากตรอกเล็กมาถึงที่นี่ เด็กน้อยตัวผอมแห้ง ด าเหมือนถ่านก็ฉวยโอกาสที่ฟ้ ามืดมาขโมยผักส่วนหนึ่งกลับไปที่ ตรอกหนีผิง สองขาอ่อนยวบ เหงื่อเปียกเต็มแผ่นหลัง
ดูเหมือนหยางเหล่าโถวจะรู ้ว่ามันมองเห็นอะไร จึงเอ่ยอย่างเฉย เมยว่า “ในที่สุดก็พอจะมีกลิ่นอายของความเป็ นมนุษย์บ้างแล้ว
แมวป่ านั่งอยู่บนม้านั่งยาว ใช ้กรงเล็บสางขนที่ถูกหวีจนแวววับ เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดาสนิทคู่นั้นของมันจ้องเป๋ งไปที่ผู้เฒ่า
หยางเหล่าโถวเพียงแค่จ้องมองภาพบนพื้นดินที่อยู่ในเพดาน เปิดอ้าเท่านั้น ควันธูปมีมากมายนับไม่ถ้วน ธูปทุกดอกก็คือควันธูป ของคนบางคนในเมืองเล็ก ใต้บ่อปูเต็มไปด้วยขี้เถ้าจากธูป ผ่านเวลา ปีแล้วปีเล่าก็ทับซ ้อนกันเป็ นชั้นๆ
เพียงแต่ว่าในสายตาของแมวดา ภายในลานกลางเรือนที่เพดาน เปิดอ้าเป็ นสี่เหลี่ยมแห่งนี้ว่างเปล่าไร ้สิ่งใด
มันวางกรงเล็บลงยันไว้กับม้านั่งยาว ใช ้สายตาสอบถามผู้เฒ่าที่ ในอดีตเคยดูแลเรื่องเซียนดินชายในโลกมนุษย์เดินขึ้นสู่สวรรค์ผู้นี้ว่า
ฉีจิ้งชุนเลือกจ้าวเหยาที่เป็ นเด็กรับใช ้?
นี่เรียกว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านแล้ว ตนมีความสามารถใน การหาเงิน เฉินผิงอันก็มีความสามารถในการเก็บเงิน เชื่อว่าพวกเขา สองคนจะต้องใช ้หนี้เละเทะครั้งนี้ได้ครบอย่างแน่นอน
เพราะถึงอย่างไรก็คือชีวิตหนึ่ง ต่อให้ชายใจหญิงผู้นั้นจะปากเสีย แค่ไหน อีกทั้งยังเคยโดนหลิวเสี้ยนหยางตบปากมาก่อน แต่หากคิด กันอย่างละเอียดจริงๆ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยทาเรื่องที่โหดร ้ายผิด ศีลธรรมมาก่อน
ดูจากขบวนในคืนนี้แล้วไม่ใช่ว่าพอจับตัวเขามาได้แล้วจะทุบตี เขาจนตายหรอกนะ? ตาเฒ่าเหยาขึ้นชื่อว่าไม่ไว้หน้าญาติมิตร ยึด ติดกับความคิดที่ผิดอย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา
เหยาเหล่าโถวเอ่ยเสียงเบาด้วยสีหน้าไร ้อารมณ์ว่า รนหาที่ กันเองทั้งนั้น เดิมทีชีวิตคนเราก็เพื่อมาใช ้หนี้อยู่แล้ว หลบไม่พ้น ถ้า อย่างนั้นก็รีบใช ้ๆ ให้จบเรื่องกันไปโดยเร็ว
หลิวเสี้ยนหยางได้ยินไม่ชัดนัก คาดว่าต่อให้ได้ยินชัด ตอนนั้น เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่จิตใจบริสุทธิ์ก็คงไม่เก็บเอาไปใส่ใจ
ท่ามกลางม่านราตรีที่มืดมิด จู่ๆ ก็มีฟ้ าแลบปลาบ ชูฮั่นที่จิตใจ วุ่นวายหวาดหวั่นอาศัยแสงสว่างที่ราวกับว่าสวรรค์ประทานใหม่เหม่อ มองไปยังเด็กหนุ่มร่างผอมแห้งที่เดินอ้อมออกมาจากหลังต้นไม้ ฝ่ าย หลังส่ายหน้าเงียบๆ ยื่นนิ้วออกชี้ไปคล้ายกาลังชี้ทางรอดให้กับเขา
คนยากจนที่ไม่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีชอบเหยียบย่าคนที่ยาก จนกว่าตนมากที่สุด ก็น่าจะพูดถึงคนประเภทอย่างซูฮั่นผู้นี้
แต่คืนนี้คนที่ปล่อยเขาไปกลับเป็ นเด็กหนุ่มที่เวลาปกติเขาชอบ พูดท้าทายและหมิ่นเกียรติมากที่สุด แซ่เฉิน เงียบขรึมพูดน้อย คือ น้าเต้าตันที่โดนตีก็ไม่เอาคืน โดนด่าก็ไม่ด่ากลับ
ทว่าสุดท้ายบุรุษก็ยังคงถูกจับได้ ชายใจหญิงถูกมัดแน่นกลับไป ที่เตาเผามังกร อันที่จริงไม่ได้ถูกตีตายในทันที ต่างก็พูดกันว่า บาดแผลที่เจ็บถึงเส้นเอ็นและกระดูกรักษาหนึ่งร ้อยวัน แล้วนับประสา อะไรกับคนที่ถูกตัดมือตัดเท้าที่คงได้แต่นอนอยู่บนเตียงเกือบๆ ครึ่งปี พวกช่างและลูกศิษย์ในเตาเผาที่เดิมทีควรหมุนเวียนกันมาดูแลชาย ใจหญิงต่างก็มองงานนี้เป็ นงานลาบาก ทั้งยังรังเกียจที่ไม่ได้เงินแม้แต่ ครึ่งเหรียญทองแดง แล้วยังต้องเหน็ดเหนื่อยประเด็นสาคัญคือในห้อง มีแต่กลิ่นเหม็นของของเน่าเสียที่ไม่ชวนดมแทรกซอนมาด้วยกลิ่นยา ต้ม ทรมานคนอย่างแท้จริง ดังนั้นแต่ละคนจึงหาข้ออ้าง หรือไม่ก็ไม่ หาข้ออ้างอะไรเลยแค่บอกให้เฉินผิงอันเป็ นคนไปท า ผลคือคนสอง คนในเตาเผาที่เดิมทีชิงชังกันมากที่สุด คนหนึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียง อีกคนนั่งอยู่บนม้านั่งยาว ต่างคนต่างเงียบงัน สองฝ่ ายไม่เคยพูดคุย กัน คนหนึ่งเหม่อมองไปยังกระดาษหน้าต่างเก่าคร่าคร่าที่พอขาดตน ไปก็ไม่มีใครมาเปลี่ยนใหม่จริงดังคาด ไม่สวยงามเลยจริงๆ อีกคน หนึ่งต้มยาอย่างคล่องแคล่วแล้วค่อยนาไปป้ อนให้กับชายใจหญิง แล้วหันมาฝึกซ ้อมท่าขึ้นรูปเครื่องปั้นซ้าไปซ้ามาเงียบๆ เหมือนคน ใบ้
เหยาเหล่าโถวเคยแวะมาดูครั้งหนึ่ง ถามซูฮั่นว่าโกรธหรือไม่ อยากไปจากเตาเผามังกร ไปหาเลี้ยงชีพที่อื่นหรือไม่ ชายใจหญิงยิ้ม กว้าง ส่ายหน้าอย่างยากล าบาก กระเทือนไปถึงบาดแผล รอยยิ้มนั้น จึงน่ากลัวยิ่งกว่าผี
อันที่จริงชายใจหญิงมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนรอบคอบ รู ้ว่าหาก ตัวเองไม่โดนตีครั้งนี้ ไม่โดนทุบตีอย่างรุนแรง เจ้าของเตาเผาต้องไม่ มีทางไว้ชีวิตเขาแน่ ชีวิตต่าต้อยด้อยค่านี้ของเขา ต่อให้ตายไปเป็ น ร ้อยรอบก็ไม่พอให้ชดใช ้
ดังนั้นสิ่งที่เหยาเหล่าโถวทาคือการช่วยเขา
หลิวเสี้ยนหยางทนกลิ่นนั้นไม่ไหวจริงๆ จึงไปนั่งอยู่ที่ธรณีประตู ด่าชายใจหญิงด้วยค าพูดไม่น่าฟังมากมายเป็ นกระบุงโกย แล้วก็หัน มาด่าเฉินผิงอันว่าเป็ นคนดีเกินเหตุ ทั้งคนที่นอนและคนที่นั่งอยู่ใน ห้อง ต่างก็ไม่มีใครเถียงกลับ คนหนึ่งไม่กล้าทะเลาะกับหลิวเสี้ยนห ยาง คนหนึ่งไม่คิดอะไรมาก
แต่ขอแค่หลิวเสี้ยนหยางไม่อยู่ที่หน้าประตู แรกเริ่มพอบาดแผล ของชายใจหญิงดีขึ้นบ้างเล็กน้อย พอจะมีเรี่ยวแรงบ้างแล้วก็อาจจะ ยังบ่นฟ้ าบ่นดินไปเบาๆ ด่าว่าสวรรค์ไม่ลืมตาบ้างเลย พอด่าติดลม แล้วก็เริ่มด่าเด็กหนุ่มแซ่เฉินเสียงดัง บอกว่าเขาคือเด็กชั้นต่าที่มีพ่อ ให้กาเนิดไม่มีแม่เลี้ยงดู ภายหลังด่าจนเหนื่อยแล้ว การทะเลาะกัน ต้องต่างคนต่างด่าถึงจะมีรสชาติ พอมาเจอเข้ากับเด็กหนุ่มที่ไม่เคย ต่อล้อต่อเถียงก็หมดสนุก ภายหลังชายใจหญิงก็ค่อยๆ หยุดไปเอง มี
ครั้งหนึ่งชายใจหญิงอัดอั้นมานานแล้วจริงๆ จึงถามเด็กหนุ่มคนนั้น ว่าเจ้าคิดอย่างไร ท าไมถึงไม่ด่าคืน ไม่โกรธจริงๆ หรือ หรือจะบอก กว่าเพราะถูกเพื่อนบ้านด่ามาตั้งแต่เด็กจนชินแล้ว หากไม่ถูกด่าสัก สองสามประโยคกลับจะกลายเป็ นว่ารู ้สึกไม่สบายตัว? เด็กหนุ่มหน้า ด าทะมึนเงียบไปนาน กว่าจะเอ่ยค าพูดจากใจจริงว่า รอให้วันใดเจ้า หายดีแล้ว สามารถลงจากเตียงมาท างานได้แล้ว ข้าค่อยตบปากเจ้า แรงๆ สี่ห้าที หากไม่ตบให้ฟันเหม็นๆ ในปากที่เต็มไปด้วยอาจมของ เจ้าร่วงลงมาสี่ห้าสี่ ข้าก็จะใช ้แช่ตามเจ้า….ชายใจหญิงที่อดทนจน เดินผ่านด่านประตูผีมาได้ได้ยินแล้วก็ไม่โกรธ กลับกันยังหัวเราะ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!