วัดนิกายวินัยในอวี๋โจวต้าหลี ยามฟ้ าสาง ปัญญาชนวัยกลางคน กินอาหารเจไปแล้วก็ใช ้เตาไฟใบเล็กต้มโจ๊กแปดเซียนให้ตัวเองชาม ใหญ่ กินโจ๊กอิ่มแล้วก็นั่งลงข้างโต๊ะอ่านตารา
ชีวิตล่องลอยผ่านไปอีกวันหนึ่ง เปิดหนังสือก็เจอแสงส่องผ่าน หน้าต่าง
เณรน้อยมาเคาะหน้าต่างเตือนอีกครั้ง “อาจารย์เฉิน ก้อนเมฆ ลอยขึ้นมาในภูเขาแล้วจะไปดูหรือไม่?”
ปัญญาชนวางหนังสือในมือลง ยิ้มเอ่ย “ไปสิ รอเดี่ยว ข้าเปลี่ยน รองเท้าก่อน”
เพราะฝนหนักตกติดต่อกันถึงสามวัน ในภูเขาจึงอากาศหนาว มากเป็ นพิเศษ ปัญญาชนวัยกลางคนสวมชุดผ้าฝ้ ายเนื้อหยาบที่ช่วย ท าให้อบอุ่น สวมรองเท้าหนังกวาง ถือไม้เท้าเดินขึ้นเขา
เณรน้อยที่ก่อนหน้านี้มักจะขึ้นที่สูงไปชมเมฆเป็ นเพื่อนตนบ่อยๆ ก็ท าไม้เท้าเถาวัลย์ขึ้นมาชิ้นหนึ่งเหมือนกัน หาวัตถุดิบจากสิ่งที่อยู่ ใกล้ตัว ตอนที่หยุดพักบนเส้นทางขึ้นเขา ไม้เท้าหยุดนิ่งเหมือนการ หยุดพักจ าพรรษา
ในวัดมีหมอกขาวลอยอบอวล หนึ่งคนโตหนึ่งเด็กต่างคนต่างถือ ไม้เท้าไว้ในมือ เดินผ่านบ่ออภัยทานที่อยู่ใกล้กับตาหนักใหญ่ ริ้วน้า กระเพื่อมเป็ นระลอก ปลาตะเพียนปลาหลีพากันมารวมตัวกันอยู่ตรง สะพาน เผ่าพันธ ์น้าเหมือนสหายเก่ามาพบหน้า จาท่านได้จากเสียง ไม้เท้าที่ผ่านทางมา
เวลาอยู่ว่างๆ เณรน้อยเองก็เคยปืนขึ้นเขาหลายรอบ ไปดูก้อน เมฆบนภูเขาเพียงล าพังแต่ไม่รู ้ว่าเหตุใด พอเดินไปถึงกึ่งกลางภูเขา กลับจะรู ้สึกเหนื่อย หอบหายใจฮักๆ ต้องหยุดพักอยู่หลายครั้ง
แต่ทุกครั้งที่ติดตามปัญญาชนวัยกลางคนที่ท่าทางยากจน แต่ กลับสะอาดสะอ้านผู้นี้ขึ้นเขามาด้วยกัน กลับสบายกว่าเยอะมาก นี่ ท าให้เณรน้อยคิดเป็ นร ้อยตลบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เช ้าตรู่ของวันนี้ออก จากประตูข้างของวัดมาด้วยกัน พวกเขาเดินเลียบเส้นทางภูเขาที่ คุ้นเคยค่อยๆ เดินขึ้นสู่ที่สูง เมื่อครู่นี้เณรน้อยได้ยินว่าอีกไม่นาน ปัญญาชนก็จะออกไปจากวัดแล้ว คราวหน้าที่มาคัดคัมภีร ์ที่นี่ก็ไม่รู ้ ว่าจะเป็ นวันเวลาใด ตอนนี้ยังคิดไม่ออก เณรน้อยจึงรีบถามคาถามนี้ ออกไปทันที เพราะหากยังไม่ถามอีกก็ไม่มีโอกาสแล้ว
ปัญญาชนคลี่ยิ้มอบอุ่น ใช ้ไม้เท้าไผ่เขียวในมือเคาะพื้นดังป้ อกๆ ตอบด้วยน้าเสียงแผ่วเบาเนิบช ้า “เรี่ยวแรงยังคงเป็ นเรี่ยวแรงของเจ้า ไม่เพิ่มไม่ลดเลยแม้แต่น้อย ข้าก็แค่ช่วยปรับลมหายใจในระหว่างที่ เจ้าเดินขึ้นสู่ที่สูง พอบวกกับเรี่ยวแรงที่เจ้ามีจึงทาให้ฝีเท้าของเจ้าดี ขึ้นกว่าเดิม ข้าก็แค่ขึ้นลงภูเขาหลายครั้งจนกลายเป็ นความเคยชิน
ดังนั้นการกระทานี้จึงไม่ถือว่าเป็ นวิชาอภินิหารอะไร เจ้าไม่ต้องคิดให้ ลี้ลับซับซ ้อนหรอก”
หลังจากที่ปัญญาชนออกมาจากที่พัก กระดาษเชวียนจื่อบนโต๊ะ น้าหมึกยังไม่ทันแห้งเนื้อหาที่ปัญญาชนคัดลอกในวันนี้กลับเป็ นสอง ประโยคที่มาจากบทว่าด้วยการดาเนินชีวิตของลัทธิเต๋า
“ไม่เปิดฟ้ าของคน แต่เปิดฟ้ าของฟ้ า ผู้เปิดฟ้ าแห่งฟ้ าย่อมสร้าง คุณธรรม ผู้เปิดฟ้ าแห่งคนย่อมสร ้างโจรผู้ร ้าย” ตรงพื้นที่ว่างมีอักษร สีชาดเขียนกากับไว้ประโยคหนึ่งว่า “เต๋าเป็ นไปตามกฎแห่ง ธรรมชาติ
ผู้ล้างแค้นไม่หักดาบโม่กาน แม้มีความแค้นเคืองแต่ไม่โทษเศษ กระเบื้องที่ปลิวปรายทว่าไม่รู้ว่าท าไมอักษรค าว่า “ไม่” ถึงได้ถูก ปัญญาชนใช้พู่กันสีชาดวาดวงกลมเอาไว้โดยเฉพาะ
……
เมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียน อาเภอฉางหนิง
ในเรือนเก่าแก่หลังหนึ่ง ในลานบ้านมีชิงช ้าอยู่หนึ่งหลัง ทุกคน ล้วนมีใจรักความสวยงาม ผีสาวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทุกวันนี้เซวียหรู อี้เปลี่ยนมาสวมเครื่องแต่งกายชาววังของราชวงศ์ก่อน บนร่างสวม ชุดปักลาย ประดับประดาด้วยไข่มุก
คนงามโล้ชิงช ้า ภาพนี้คู่ควรกับแกนหยก แขวนไว้กลางเถาวัลย์ ระย้าเหนือหน้าผาสูง
เซวียหรูอี้นั่งอยู่บนชิงช ้าที่แกว่งไกวด้วยตัวเอง รองเท้าปักลายคู่ นั้นเดี๋ยวลอยขึ้นสูงเดี๋ยวลดลงต่า นางมองกระถางดอกไม้ในลานบ้าน ที่ไม่ต้องย้ายไปหลบฝนในห้อง อยู่ดีๆ ก็นึกถึงประโยคที่นักพรตอู๋ตี กล่าวอย่างไร ้เจตนา หญ้าน้อยก็คือดอกไม้ที่ไม่ออกดอก
ก่อนหน้านี้ไม่นานนักพรตที่ตั้งแผงดูดวงย้ายออกไปจากเรือนดุ ร ้ายที่มีผีอาละวาด อาศัยอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย ทาให้เขามี เงินค่าเช่าที่ต้องจ่ายก้อนใหญ่เพิ่มมาเปล่าๆ
มีผีอาละวาดก็จริง แต่ไม่ใช่เรือนดุร ้ายอะไรเลย หากเป็ นบัณฑิต ที่อ่านนิยายบุรุษมากความสามารถกับโฉมสะคราญมาจนชิน เรือนดุ ร ้าย? นั่นเรียกว่าอยู่ใต้กระโปรงสีทับทิมต่อให้ต้องตายกลายเป็ นผีก็ ยังคุ้มค่ามากกว่ากระมัง
นักพรตไปเช่าเรือนหลังเล็กเก่าโทรมอยู่บนถนนสายอื่นของ อาเภอฉางหนึ่ง พวกดอกไม้ต้นไม้ในลานบ้านล้วนยกให้ผีสาวเซวีย หรูอี้เป็ นคนจัดการ ส่วนที่นางรู ้สึกว่ามองแล้วสบายตาก็จะเก็บเอาไว้ ส่วนที่ไม่ชอบก็ขายออกไปในราคาต่า ถือเสียว่าเป็ นการจ่ายค่าเช่า นักพรตผู้นั้นปากก็พูดจาเสียไพเราะน่าฟัง บอกว่าผินเต้าท่องอยู่ใน ยุทธภพยึดถือหลักการข้อหนึ่งมาโดยตลอด ไม่เคยต้องเสียเกียรติใน เรื่องของคาว่าเงิน
เพื่อให้เป็ นของขวัญก่อนจากลา นักพรตอู๋ตีได้ทิ้งตราประทับ หนังสือชิ้นหนึ่งไว้ในห้องแกะสลักเป็ นตัวอักษรห้าตัว ลมวสันต์พัด แผ่วเบา
วัสดุที่เอามาใช ้ทาตราประทับธรรมดา นักพรตไปทางานระยะสั้น หาเงินด้วยการช่วยเศรษฐีเจาะน้าแข็งที่ลาคลอง ไม่รู ้ว่าไปเก็บก้อน หินมาจากไหน ตราประทับใหญ่ก็ใหญ่จริงๆ ใหญ่เท่าฝ่ ามือ สี่เหลี่ยม ได้รูป เป็ นเหตุให้เนื้อหาตรงริมขอบมีเยอะมาก แกะสลักเป็ นบทกวี โบราณของอาจารย์จิ้งเจี๋ยไว้ทั้งบท ด้านล่างตราประทับที่เป็ นคาว่า “ลมวสันต์พัดแผ่วเบา” ก็เลือกมาจากส่วนกลางของบทกวี กลิ่นอาย แห่งหินทองของตราประทับอะไรพวกนั้น เซวียหรูอี้มองไม่ออก กลับ เป็ นประโยคหนึ่งที่บอกว่า “ยามเยาว์วัยทั้งแข็งแรงและห้าวหาญ พก กระบี่ออกเดินทางเพียงล าพัง” คือการโอ้อวดตัวเองอย่างมีเจตนา แอบแฝงหรือ? นี่ทาให้นางรู ้สึกว่าน่าขัน เจ้าเป็ นนักพรตที่ได้รับธรรม โองการส่วนตัวซึ่งหาซื้อมา คิดว่าตัวเองคือเทียนซือของภูเขามังกร พยัคฆ์ที่สะพายกระบี่ไม้ท้อกาจัดปีศาจปราบมารจริงๆ หรือไร ยังจะ พูดว่าพกกระบี่ออกเดินทางไกลอีกนะ
หากรู ้แต่แรกว่านักพรตจะมอบตราประทับที่แสร ้งทาเป็ นมีรสนิยม เช่นนี้ให้กับตน เซวียหรูอี้ก็ยังชอบคาพูดประโยคหนึ่งที่นักพรตอู๋ตี พึมพาตอนดื่มโจ๊กของมื้อเช ้าในวันหนึ่งมากกว่า
ข้ามีเคล็ดวิชาจากหว่านชิวอันเรียบง่าย แค่กินโจ๊กขาวก็ กลายเป็ นเทพเซียนได้
เซวียหรูอี้จาต้องยอมรับว่านักพรตอู๋ตีอ่านหนังสือมาเยอะมาก จริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เชี่ยวชาญการให้คาอธิบายและเว้นวรรค ประโยคภาษาโบราณ แต่ความรู ้จะสูงหรือไม่นางยังสงสัยอยู่
ท่ามกลางแสงสนธยาที่ฝนใหญ่หยุดพัก เซวียหรูอี้โล้ชิงช ้าอยู่ เพียงลาพัง เพราะเบื่อหน่ายมากจริงๆ ก่อนหน้านี้เวลาที่อากาศเป็ น เช่นนี้ ไม่มีทางที่นักพรตจะฝ่ าฝนออกไปตั้งแผงดูดวง นางก็จะรู ้สึก อารมณ์ดี ให้เจ้าย้ายออกไปจากเรือน หาเงินมาได้สักกี่แดงกัน? เพียงแต่ว่าหลังจากความอารมณ์ดีผ่านพ้นไป นางก็รู ้สึกเป็ นกังวล ขึ้นมาอีก นักพรตออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอก ต้องวิ่งวุ่นเหน็ดเหนื่อย ถึงอย่างไรก็ไม่ง่ายเลย เซวียหรูอี้จึงหาข้ออ้างให้ตัวเอง นางจะแวะไป ดูนักพรตสักหน่อยว่าต้องการให้นางช่วยเหลืออะไรหรือไม่ หากจะ พูดถึงก าลังทรัพย์ นางยังพอจะมีอยู่บ้าง ขอแค่เขายินดีเปิดปาก ถ้า อย่างนั้นนางก็จะยอมช่วย เพราะถึงอย่างไรก็เป็ นสหายกัน
เซวียหรูอี้ขอบเขตไม่ต่าแล้ว มีตบะเป็ นห้าขอบเขตกลาง หากไม่ เป็ นเพราะมีสถานะเป็ นผี ผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรคนหนึ่งก็ สามารถหาสถานที่เหมาะๆ มาเปิดภูเขาก่อตั้งพรรคได้แล้ว จากนั้นก็ ไปเป็ นแขกชั้นสูงของจักรพรรดิในแคว้นเล็กบางแห่งของแจกัน สมบัติทวีปได้เลย
นางร่ายวิชาอภินิหาร อาพรางเรือนกาย ลอยตัวไปจนถึงเรือนที่ นักพรตอู๋ตีไปพักอาศัยอยู่ล่าสุด เพราะเป็ นคนรู ้จักเก่ากับทั้งอดีตขุน นางผู้พิพากษาหงแล้วก็จี้เสี่ยวผินขุนนางหลักของกองหยินหยาง เป็ นเหตุให้ศาลเทพอภิบาลเมืองของเมืองหลวงค่อนข้างจะใจกว้างกับ นางมาโดยตลอด พอมาถึงเรือนหลังเล็กมอซอ นางไม่ได้เผยกาย ในทันที ในใจรู ้สึกขมฝาดแปลกๆ มอบตราประทับตาราให้นางชิ้น
ใหญ่ขนาดนั้น แต่กลับมาพักอาศัยอยู่ในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ นี่ทาให้ เซวียหรูอี้รู ้สึกละอายใจอยู่บ้าง นางควรจะรั้งเขาไว้
นักพรตบอกว่าตอนที่ตัวเองออกท่องยุทธภพตอนหนุ่มเคยใช ้ นามแฝงว่า “เฉินคนดี
แรกเริ่มเซวียหรูอี้รู ้สึกว่าคากล่าวนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เมื่อเทียบ กับการเรียกอีกฝ่ ายค าแล้วค าเล่าว่านักพรตอู๋ก็น่าสนุกกว่ามาก หาก นักพรตหน้าหนาอีกหน่อย ฟังบ่อยๆ เข้าจะไม่รู ้สึกใจฝ่ อบ้างหรอก หรือ?
แต่ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่าแม่นางเซวียยังคงดูแคลนหนังหน้า ของนักพรตอู๋ผู้นั้นเกินใจกว้างกับนางมาโดยตลอด พอมาถึงเรือน หลังเล็กมอซอ นางไม่ได้เผยกายในทันที ในใจรู ้สึกขมฝาดแปลกๆ มอบตราประทับตาราให้นางชิ้นใหญ่ขนาดนั้น แต่กลับมาพักอาศัย อยู่ในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ นี่ทาให้เซวียหรูอี้รู ้สึกละอายใจอยู่บ้าง นาง ควรจะรั้งเขาไว้
นักพรตบอกว่าตอนที่ตัวเองออกท่องยุทธภพตอนหนุ่มเคยใช ้ นามแฝงว่า “เฉินคนดี”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!