ฉีถิงจี้ยิ้มเอ่ย “พวกเราไปดูที่หัวกาแพงกันไหม?”
ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมบนหัวกาแพงเมืองในอดีตล้วนเป็ นเซียน กระบี่
หมื่นปีที่ผ่านมามีข้อยกเว้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคือเซียน กระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสสั่งให้เฉินผิงอันรับเรื่องเละเทะของสายอิ่นกวานมา ดูแล
หนิงเหยาพยักหน้า
พวกเขาทะยานลมไปที่หัวกาแพงเมืองด้วยกัน
อยู่บนหัวก าแพงเมือง ยังคงยืนเรียงแถวกันเหมือนเดิม ผู้ฝึ ก กระบี่ห้าขอบเขตบนสิบเอ็ดคน บ้างนั่ง บ้างยืน บ้างก็นั่งยอง
ผู้ฝึกกระบี่บางคนที่หวนกลับมายังบ้านเกิด แต่กลับไม่มีมาตุภูมิ เดิมเหลือให้พูดถึงแล้ว รู ้สึกเสียใจที่บนหัวกาแพงเมืองไม่มีชิงช ้าที่ ชายชุดปลิวไสวหลังนั้นอยู่อีกแล้ว บางคนก็เสียใจที่ไม่มีเรือนส่วนตัว ของเซียนกระบี่ที่มักจะแวะเวียนไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ อยู่อีกแล้ว และมีคนที่เสียใจที่ตรอกเหยียนชือไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ส่วนบางคนก็ เสียใจที่ไม่ได้เห็นกระท่อมหลังนั้นของเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสแล้ว
หนิงเหยาถามเสียงเบาว่า “ไม่ได้เชิญให้เฒ่าหูหนวกเข้ามาอยู่ใน สานักกระบี่หลงเซี่ยงด้วยหรือ?”
ฉีถิงจี้ส่ายหน้า “กว่าจะได้อิสระกลับคืนมาไม่ใช่เรื่องง่าย เฒ่าหู หนวกหรือจะพาตัวมาติดกับดักอีก อีกอย่างเฒ่าหูหนวกก็หลบซ่อน ตัวได้ดียิ่งนัก คาดว่าหากไม่ถึงตอนที่สงครามใหญ่ปิดฉากลงก็คงไม่
มีใครหาตัวเขาได้พบ”
จู๋ซู่ยิ้มเอ่ยสัพยอก “หนิงเหยา มาเป็ นคนกลางช่วยเจรจาแทน บุรุษของเจ้า ผลคือไม่ได้อะไรติดมือกลับไปสักอย่าง ได้แต่กลับไปมือ เปล่า ในใจเจ้ารู ้สึกอึดอัดบ้างหรือไม่?”
หนิงเหยาเอ่ย “ไม่มีอะไรให้ต้องอึดอัด”
เว่ยจิ้นกล่าว “หนิงเหยา ช่วยนาความไปบอกแทนข้าทีว่าต้นสน หมื่นปีของหอเทพเซียนแห่งนั้น หากเฉินผิงอันอยากจะขนย้ายไปก็ ขนไปได้ตามสบาย แค่บอกไปว่าข้ารับปากแล้ว เพื่อเป็ นค่าตอบแทน ก็ขอให้วันหน้าภูเขาลั่วพั่วช่วยดูแลลูกศิษย์ของศาลลมหิมะให้มาก หน่อย”
หนิงเหยาถามอย่างสงสัย “เจ้าคิดจะหาโอกาสไปถามกระบี่กับจง หยวนหรือ?”
เว่ยจิ้นเงียบไม่ตอบ นี่ก็คือคาตอบแล้ว หนิงเหยากล่าว “ข้าจะไปภูเขาใหญ่แสนลี้สักหน่อย”
ฉีถิงจี้เอ่ย “มีโอกาสก็ไปพบลู่จือที่สานักกระบี่หลงเซี่ยงสักรอบ”
หนิงเหยากล่าว “ข้าไม่มีทางโน้มน้าวให้นางไปที่ใต้หล้ามืดสลัว หรอกนะ”
ฉีถิงจี้คลี่ยิ้ม “ไม่ต้องโน้มน้าว”
ทุกวันนี้ขอแค่หนิงเหยาเผยกายที่สานักกระบี่หลงเซี่ยงก็ได้ผลยิ่ง กว่าค าพูดโน้มน้าวใดๆ เสียอีก
หนิงเหยาพยักหน้า เรือนกายของนางหายวับไปจากบนหัว ก าแพงเมือง
รอกระทั่งหนิงเหยาไปจากหัวกาแพงเมืองแล้ว พวกผู้ฝึกกระบี่ หลายคนก็ถอนหายใจยาวเหยียดออกมาในเวลาเดียวกัน เพราะถึง อย่างไรอายุที่แท้จริงและอายุขัยในการฝึกตนก็วางอยู่ตรงนั้น ก่อน หน้านี้ตอนที่หนิงเหยาอยู่จึงไม่สะดวกจะเผยความขลาดกลัวออกไป
แต่ก็จาต้องยอมรับว่า อยู่ใกล้ผู้ฝึกกระบี่อิสระขอบเขตสิบสี่คน หนึ่งในระยะประชิดเช่นนี้ มีความกดดันไม่น้อย แล้วนับประสาอะไร กับที่หนิงเหยายังเป็ นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่ง ด้วย
เหมยตั้นต้างที่เป็ นหนึ่งในสองคนนอกได้ถามคาถามที่ใหญ่มาก “หนิงเหยากับเฝ่ ยหราน พวกเขาใช่ผู้ฝึกตนที่มีหวังจะเป็ นขอบเขต เดียวกับบรรพจารย์สามลัทธิหรือไม่?”
ฉีถิงจี้ไม่เปิดปากก็ไม่มีใครกล้าตอบคาถามข้อนี้
หลังจากความเงียบงันอันเนิ่นนานผ่านพ้นไป หลิงซวินก็ยิ้ม กล่าวว่า “อยากรู ้ยิ่งนักว่าเฉินอิ่นกวานเป็ นคนอย่างไร ถึงสามารถท า ให้หนิงเหยาชื่นชอบได้”
ฉีถิงจี้ยิ้มเอ่ย “เขาคือคนฉลาดที่ยึดมั่นถือมั่นมากคนหนึ่ง ต่อให้ เส้นทางแตกต่างมิอาจเดินร่วมทาง ถูกลิขิตมาแล้วว่าไม่อาจเป็ น สหายกันได้ ก็พยายามอย่าไปหาเรื่องเขาจะดีกว่า”
เซวียนหยางกล่าวอย่างตกตะลึง “ให้คาวิจารณ์สูงขนาดนี้เลย หรือ?”
ฉีถิงจี้เปลี่ยนคาพูดอย่างใหม่ที่ทาให้คนฟังเห็นภาพได้มาก กว่าเดิม “มองเขาเป็ นเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิที่ยังเป็ นหนุ่มก็แล้ว กัน”
มีคนส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
หนิงเหยามายังภูเขาใหญ่แสนลี้ที่คุ้นเคย
แล้วนางก็ได้เห็นเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวสองข้างแก้มแดงเป็ น ปั้นคนหนึ่งกาลังนั่งเหม่ออยู่ริมหน้าผา
เฒ่าตาบอดเป็ นฝ่ ายเดินออกจากกระท่อมมาเองอย่างที่หาได้ ยาก ยิ้มเอ่ยว่า “แม่หนูหนิงมาแล้วหรือ โอ้โห ไม่เลวๆ วันหน้าก็เรียก กันว่าสหายได้แล้ว”
หนิงเหยายิ้มบางๆ “ท่านปู่จือสือ”
เฒ่าตาบอดพยักหน้า “เมื่อไหร่จะจัดงานเลี้ยงล่ะ จาไว้ว่าจองที่ นั่งให้ข้าด้วยนะ ข้าจะนั่งโต๊ะประธาน”
หนิงเหยากล่าว “ไม่รู ้เหมือนกัน เรื่องแบบนี้จะให้ข้าไปเร่งเขาก็ คงไม่ได้กระมัง”
เฒ่าตาบอดพยักหน้า “ไม่เข้าท่าเลยจริงๆ”
เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวที่เงี่ยหูตั้งใจฟังหันหน้ามาพูดด้วยสี หน้าประจบ “ว้าว เจ้าก็คือหนิงเหยา คือฮูหยินเจ้าขุนเขาของพวกเรา หรือ?”
หนิงเหยาใช้เสียงในใจถาม “เจ้าก็คือป๋ ายจิ่งหรือ? เจ้าเคยเห็นห้า ผู้สูงส่งที่สุดแห่งสรวงสวรรค์เก่าหรือไม่?”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!