เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1096

ขึ้นเขาไปด้วยกัน ฟังเจิ้งต้าเฟิ งพูดพล่ามไม่หยุด พยายาม เปลี่ยนวิธีมาแสดงความกระตือรือร ้น อยากจะตีสนิทด้วย เฉินหลิง จวินที่เดินอยู่ด้านหลังกาสองมือเป็ นหมัดแล้วดันแก้มไว้แรงๆ พยายามกลั้นขา

เดินผ่านเรือนหลังหนึ่งที่ไม่ได้ปิดประตู ในเรือนมีผู้เฒ่าคนหนึ่ง นอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้หวาย กาลังหลับตาพักผ่อน ลมหายใจทอด ยาวคล้ายก าลังงีบหลับ ในมือถือพัดใบลานสีออกเหลืองวางไว้บน หน้าท้อง

ตอนที่เดินผ่านประตูเรือน หางตาของชิงเจียคล้ายจะเหลือบไป เห็นภาพนี้พอดี คือภาพที่มีกลีบดอกไม้ดอกหนึ่งซึ่งคล้ายจะถูกลม วสันต์พูดโน้มน้าวให้ออกเดินทางไกลจึงหลุดออกจากกิ่ง ร่อนปลิวลง มาตามลม ก่อนตกกระทบลงบนหน้าผากของผู้เฒ่า

นางจึงมองนานหน่อย

ผู้เฒ่าคล้ายจะเป็ นผู้ฝึกยุทธไม่ต่างจากคนแซ่เจิ้งที่อยู่ข้างกาย อีกทั้งขอบเขตต้องไม่ต่ากันแน่ๆ

ขิงเจียขอบเขตสูงมากพอ มองออกว่าผู้เฒ่าที่เหมือนภิกษุ เข้าฌานผู้นั้นไม่ได้แกล้งหลับ แต่กาลัง “ปล่อยใจให้จมดิ่ง ปล่อยจิต ให้ล่องลอยไปนอกกาย

ผู้ฝึกยุทธเป็ นเช่นนี้ได้นับว่าหาได้ยาก เพียงแต่ว่าสาหรับชิงเจีย แล้วกลับไม่รู ้สึกตกอกตกใจอะไร เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่นางเคยได้เห็น และได้ยินมาก็ล้วนเป็ นบุคคลและเรื่องราวชั้นสูงของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง

บุรุษแซ่เจิ้งที่อยู่ข้างกาย ต่อให้จะอ่อนเยาว์กว่านี้ยี่สิบปี เชื่อว่า รูปลักษณ์ก็ไม่ได้น่าจะดีไปยังไง

แต่หากจะพูดถึงผู้เฒ่าในลานบ้าน หากอายุน้อยกว่านี้สัก ครึ่งหนึ่ง แล้วดูจากบุคลิกท่าทางของเขา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็ นชายงาม คนหนึ่งก็เป็ นได้?

เจิ้งต้าเฟิงถูมือ เป็ นความบังเอิญหรือว่าตั้งใจกันแน่? พ่อครัวเฒ่านี่มีฝีมือจริงๆ ใช ้วิธีเจียงไท่กงตกปลารอให้คนที่ยินดี มาติดเบ็ดอย่างนั้นหรือ?

กระบวนท่านี้สามารถเรียนรู ้ได้!

มองเจิ้งต้าเฟิ งที่ทาท่าหมายมั่นปั้นมือ เฉินหลิงจวินก็รู ้สึกว่า ตัวเองควรเป็ นมิตรแท้ผู้กล้าพูดความจริงแม้จะท าให้อีกฝ่ ายขัดใจ จึง ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “พี่น้องต้าเฟิ ง ฟังคาแนะน าข้าสักค า อย่าได้ เรียนรู ้กระบวนท่านี้เลย เชื่อข้าสักครั้งเถอะ ผลลัพธ ์มีแต่จะเป็ นไป ในทางตรงกันข้าม ท่านดูรูปลักษณ์ของพ่อครัวเฒ่าสิ ต่อให้จะไม่ได้ เรื่องแค่ไหน แต่เวลาเขาปิดปากไม่พูดจาก็ยังพอมีสภาพของคนอยู่ บ้าง เปลี่ยนมาเป็ นท่านที่ดอกไม้หล่นกระทบลงบนหัว ในสายตาของ สตรี ความรู ้สึกก็คง…พูดได้ไหม?”

เจิ้งต้าเฟิงหัวเราะร่วน “ไหนลองพูดมาสิ ล้างหูรอฟังแล้ว”

เฉินหลิงจวินกดเสียงลงต่า “หล่นไปในหลุมส้วมน่ะสิ”

เจิ้งต้าเฟิงกดหัวของเด็กน้อยชุดเขียวเอาไว้ “ถึงกับรู ้จักใช ้คา เปรียบเทียบแล้ว พูดเก่งนักนะ”

เฉินหลิงจวินถอนหายใจเฮือกๆ บ่นกับตัวเองว่า “ค าพูดจริงใจ มักจะแสลงหูคนฟังจริงเสียด้วย”

เจิ้งต้าเฟิงพลันรู ้สึกหมดความสนใจจึงหาข้ออ้างง่ายๆ บอกให้ เฉินหลิงจวินมาท าหน้าที่นาทางแทน ชายฉกรรจ์เดินลงจากภูเขาไป เพียงล าพังด้วยสีหน้าหม่นหมอง แผ่นหลังเปลี่ยวหงอย

ทุกวันนี้จูเหลี่ยนมักจะเป็ นเช่นนี้บ่อยๆ นอนหลับก็สามารถฝึ ก ตนได้ ทุกคนต่างก็เห็นกันจนชินแล้ว

ตามรายงานข่าวที่หมี่ลี่น้อยแพร่งพรายให้ฟัง ดูเหมือนว่าพ่อครัว เฒ่าจะมีการนัดต่อสู้กับเจ้าขุนเขาคนดี สถานที่ก็คือเมืองหลวง แคว้นหนันเยวี่ยนในพื้นที่มงคลบ้านตัวเอง หน้าหนาวปีนี้ หิมะตก เมื่อไหร่ก็จะตีกันเมื่อนั้น

เจิ้งต้าเฟิงเดินออกจากเส้นทางเล็กที่ปูด้วยหินเขียว ส่วนเส้นทาง เทพสายหลักที่ตรงไปสู่ยอดเขาจี๋หลิงนั้นใช ้ได้ทั้งขึ้นและลง หลังจาก สองจิตสองใจอยู่พักหนึ่ง เจิ้งต้าเฟิงก็เดินขึ้นไปบนทางยอดเขา

หันหน้าไปมองตรงตีนเขา ด้านหลังเสาต้นหนึ่งของซุ้มป้ ายประตู ภูเขาจะมีเก้าอี้ไม้ไผ่อยู่ตัวหนึ่ง คนที่นั่งอยู่บนนั้นคือนักพรตปลอมที่ ไม่มีแม้แต่ธรรมโองการส่วนตัว

ชื่อของเขาคือเหนียนจิ่ง เซียนเว่ยเป็ นแค่นามของเขา แล้วยังตั้ง ฉายาให้ตัวเองยามท่องยุทธภพว่า ‘ซวีเสวียน

เขาคือคนที่เจ้าขุนเขา “หลอกมา” จากเมืองหลวงต้าหลี ดังนั้น คนของภูเขาลั่วพั่วจึงเคยชินที่จะเรียกเขาว่านักพรตเซียนเว่ยตามเจ้า ขุนเขา

มีเพียงเฉินหลิงจวินที่สนิทกับเขามากแล้วถึงได้จงใจเรียกสลับ ค าว่า “เสวียนซวี” เรียกสัพยอกเขาว่านักพรตเสวียนซวี เสวียนซวี จากประโยคว่าแสร ้งท าเป็ นเร ้นลับซับซ ้อน

ขอบเขตของนักพรตเซียนเว่ยไม่สูง แต่หนังหน้ากลับไม่บาง พเนจรอยู่ในยุทธภพมานานหลายปี ยังจะต้องอายในเรื่องนี้ด้วยหรือ? กลับกลายเป็ นว่ายิ่งชอบในคากล่าวเช่นนี้ของสหายจิ่งชิงมากกว่า

ทุกวันนักพรตเซียนเว่ยจะเฝ้ าประตูตอนกลางวัน ชายแขนเสื้อ สองข้างซ่อนต าราไว้ข้างละเล่ม ยามที่ข้างกายไม่มีใคร อ่านตาราที่ เป็ นทางการ ยามที่ข้างกายมีคนก็อ่านตาราที่ยิ่งเป็ นทางการมากกว่า

ยามที่ฝนตก…ยังจะทาอย่างไรได้อีก ก็ไปหลบฝนอยู่ในบ้านน่ะสิ

อย่างมากก็กางร่มมานั่งที่หน้าประตูภูเขาให้พอเป็ นพิธี หนาวจน สั่นเหมือนนกกระทานั่งได้ไม่นานก็กลับไปอ่านหนังสือในห้องต่อแล้ว

ลองประมาณการณ์ดูคร่าวๆ ใต้หล้าไพศาลมีฝนตกติดต่อกันมา นานถึงเก้าวันเต็มแล้ว?

ใต้หล้ามืดสลัวน่าจะประมาณห้าวัน ดินแดนพุทธะสุขาวดีอาจจะ สี่วัน

ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างหนึ่งวันครึ่ง ใต้หล้าห้าสีครึ่งวัน?

เดิมทีเจิ้งต้าเฟิงคิดว่าท่ามกลางขั้นตอนที่ฝนตก “ใต้ฟ้ า” ครั้งนี้ อยู่ดีๆ เซียนเว่ยจะฝ่าทะลุขอบเขตได้หลายขั้น

ฝ่ าทะลุขอบเขตไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ฝ่ าทะลุขอบเขตนั่นสิถึงจะ แปลก

แต่ดันกลายเป็ นว่าเรื่องราวกลับแปลกประหลาดเช่นนี้

คิดไม่ถึงว่าขอบเขตของเซียนเว่ยจะ “มั่นคง” จนไร ้เหตุผล จะ บอกว่าฟ้ าผ่าไม่สะเทือนก็ยังได้ นี่ฝนก็หยุดตกไปแล้ว ตอนที่นักพรต มาอยู่บนภูเขาลั่วพั่วคือขอบเขตสอง ทุกวันนี้ก็ยังเป็ นขอบเขตสอง อยู่เหมือนเดิม

เพราะถึงอย่างไรการฝึ กตนก็เป็ นเรื่องในบ้านของใครของมัน เจิ้งต้าเฟิงจึงไม่สะดวกจะพูดเตือนอะไร แล้วก็ไม่สะดวกจะปากมาก

ล่างภูเขามักพูดกันบ่อยๆ ว่าแพร่งพรายความลับสวรรค์ด้วย ประโยคเดียว แต่บนภูเขาประโยคว่า “น่าเสียดายที่เผลอพูดความจริง ออกมา’ คือข้อห้าม

เจิ้งต้าเฟิงเอาสองมือสอดรองไว้ใต้ท้ายทอย เดินโยกไหล่ขึ้นไป บนภูเขา ลมภูเขาพัดผ่านใบหน้า สีหน้าสดชื่นปลอดโปร่ง

บทที่ 1096.2 อิงภูเขา 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!