กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 114

ลาก่อนอาเหลียง
โดย
ProjectZyphon
ดาบในมืออาเหลียงตวัดฟันลงไป

ระหว่างเขากับหอสูงป๋ายอวี้จิงปรากฎเส้นสีทองที่บางเฉียบเส้นหนึ่งเหมือนกระแสน้ำขึ้นหนึ่งเส้นที่ทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าแคว้นไม่เพียงไม่ถอยหนีกลับยังพุ่งเข้าใส่ เขาก้าวยาวๆ ไปด้านหน้า พลังอำนาจพลันพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดของวิถีวรยุทธ์ในฉับพลัน ตวาดกร้าวเดือดดาลหนึ่งครั้ง แขนสองข้างไขว้กันบดบังไว้เบื้องหน้าของตัวเอง

หลังจากลานกว้างใต้ฝ่าเท้าของเขาถูกปรมาจารย์ขอบเขตปลายทางอันดับที่สองของบุรพแจกันสมบัติทวีปผู้นี้กระทืบหนักๆ ก็แตกออกเป็นใยแมงมุมขนาดยักษ์

ความเป็นกับความตายหล่อหลอมวิถีแห่งการต่อสู้ ไม่ใช่ประโยคที่พูดลอยๆ เท่านั้น ครั้งแรกที่ซ่งจ่างจิ้งใช้ตัวตนขององค์ชายต้าหลีสมัครเข้าร่วมกองทัพอย่างเด็ดเดี่ยว ใช้ชีวิตอยู่บนหลังม้าและสมรภูมิรบมานานยี่สิบกว่าปี ชนะและแพ้ในสงครามทั้งเล็กและใหญ่ สงครามที่ยากลำบาก สงครามตัดสินเป็นตาย มากมายนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็ลุกผงาดโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งบุรพแจกันสมบัติทวีป และเกรงว่านี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ซ่งจ่างจิ้งพุ่งเข้าเผชิญกับความยากลำบากในครั้งนี้

แสงสีทองเส้นนั้นสัมผัสโดนแขนของซ่งจ่างจิ้ง ชายแขนเสื้อของชุดคลุมสีขาวพลันถูกกรีดอย่างง่ายดายเหมือนเหล็กเส้นที่กรีดผ่าเต้าหู้ขาวอ่อนนุ่ม ต้องรู้ว่าชุดคลุมตัวนี้ของซ่งจ่างจิ้งคือสมบัติอาคมลัทธิเต๋าที่แม้แต่ในตระกูลเซียนของต้าหลีก็ยังมีน้อยจนนับนิ้วได้ มันมีนามว่า “ชุดคลุมน้ำไหล” เคยเป็นวัตถุล้ำค่าที่เทพเซียนพสุธาห้าขอบเขตบนท่านหนึ่งทิ้งเอาไว้ ว่ากันว่าสามารถต้านทานวิชาอภินิหารทั้งหมดของนักพรตห้าขอบเขตบนลงไปได้ ทว่าเมื่อเจอกับเส้นสีทองที่ก่อตัวจากพายุหมุนเส้นนั้นกลับเปราะบางถึงเพียงนี้

แม้จะไม่มีวัตถุภายนอกให้เป็นที่พึ่งอีก แต่ซ่งจ่างจิ้งกลับยังยึดมั่นในปณิธานไม่ถอยหนี ชายผู้นี้คิดอยากจะทดลองดูว่าเรือนกายของผู้ฝึกยุทธ์ของตนในเวลานี้ที่ว่ากันว่าทัดเทียมกับอรหันต์ร่างทองในตำนานได้แล้ว จะสามารถต้านทานดาบเทพเซียนของจริงเล่มนี้ไว้ได้หรือไม่

และเพียงไม่นานคำตอบก็ปรากฏ ได้ แต่ต้านไว้ได้แค่เวลาเพียงชั่วกะพริบตาเท่านั้น

ซ่งจ่างจิ้งยังคงไม่ยอมถอยไปทั้งอย่างนี้ หลังจากคำรามกร้าวหนึ่งครั้ง ใบหน้าของเขาก็พลันเปล่งแสงสีทองอร่ามแปลกตา ลมปราณในร่างหมุนโคจร เปลี่ยนจากสภาวะของน้ำบ่าไหลเชี่ยวกรากก่อนหน้านี้มาเป็นชั้นน้ำแข็งที่ปิดผนึกผิวน้ำพันลี้ในเสี้ยววินาที

เรือนกายสูงเพรียวของอ๋องเจ้าแคว้นต้าหลีถอยกรูดออกไปหลายสิบจั้ง

ผิวหนังของแขนทั้งสองข้างถูกกรีดเป็นร่องเล็กบางร่องหนึ่ง แต่กลับไม่มีเลือดไหล ขณะเดียวกันเส้นแสงสีทองที่บุกทะยานไปเบื้องหน้าอย่างไม่อาจหยุดยั้งก็สลักลึงลงไปในกระดูกของซ่งจ่างจิ้ง

“หลีกไป!”

ขุนพลอักขระยันต์ของลัทธิเต๋าที่สวมเกราะดำ ร่างสูงหลายจั้งตนหนึ่งชนซ่งจ่างจิ้งกระเด็นไปหลายก้าว แล้วมันก็เข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเขา

ทั่วร่างของขุนศึกเกราะยันต์ที่สลักไว้ด้วยอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่รัศมีเรืองรอง มือทั้งคู่กำเส้นแสงสีทองที่เมื่อเทียบกับเรือนกายแข็งแกร่งใหญ่โตของมันแล้วไม่ได้สัดส่วนอย่างยิ่งเอาไว้แน่น

ถอยแล้วถอยอีก

สุดท้ายขุนพลอักขระยันต์ที่ปรมาจารย์ลัทธิเต๋าตั้งใจสร้างขึ้นจากคาถาอักษรขุนเขาก็ถูกแยกร่างเป็นสองส่วน เส้นแสงสีทองที่หม่นแสงลงแค่ไม่กี่ส่วนกลับยังคงบุกรุดหน้าเข้าหาหอเรือนสูงป๋ายอวี้จิงดังเดิม

หลังจากขุนพลหุ่นเชิดของลัทธิเต๋าถูกแยกร่างก็ล้มตึงลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่เบื้องหลังของมันกลับเผยให้เห็นผู้เฒ่าสวมผ้าป่านเนื้อหยาบเรียบง่ายคนหนึ่งที่ยื่นมือข้างหนึ่งออกมากั้นขวางแสงสีทองเส้นนั้น

ปราณทั่วร่างของผู้เฒ่ามีแต่ความเสื่อมสภาพของวัยไม้ใกล้ฝั่ง แต่ใบหน้ากลับอ่อนเยาว์เหมือนเด็ก ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดสุดขีด ใบหน้าของผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น เอ่ยถามด้วยภาษาทางการของทวีปอื่นน้ำเสียงแหบหร่า “อาเหลียง ช่วยหยุดมือเสียตั้งแต่ตอนนี้ได้หรือไม่?”

อาเหลียงขมวดคิ้ว “หลวนฉางเหย่? เจ้าไม่ได้ถูกเนรเทศไปยังทางตอนเหนือหลังจากการช่วงชิงตำแหน่งจวี้จื่อสำรอง (จวี้จื่อคือคำเรียกบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ) ล้มเหลวหรอกหรือ?”

ผู้เฒ่าขัดขวางเส้นสีทองจนฝ่ามือมีเลือดไหลออกมาเป็นเส้นๆ พลางกล่าวด้วยความจนใจไปด้วย “เรื่องมันยาวน่ะ”

อาเหลียงกระจ่างทันควัน “ข้าก็แปลกใจว่าทำไมบุรพแจกันสมบัติทวีปถึงได้มีคนสร้างหอป๋ายอวี้จิงขนาดเล็กคุณภาพย่ำแย่หลังนี้ขึ้นมา ที่แท้ก็ฝีมือเจ้านี่เอง”

หลวนฉางเหย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าเคยขอคำชี้แนะจากอาจารย์ฉีเรื่องการสร้างหอเรือนแห่งนี้”

อาเหลียงปรายตามองซ่งจ่างจิ้งที่ทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือพร้อมลงมือแวบหนึ่ง ความคิดในหัวของฝ่ายหลังตีกันพักหนึ่ง สุดท้ายก็ยังเลือกที่จะล้มเลิกความคิดจะต่อสู้อีกครั้งไป

อาเหลียงมองไปทางหลวนฉางเหย่คนคุ้นเคยจากสำนักโม่แล้วสะบัดข้อมือเบาๆ ดาบยันต์มงคลในมือแกว่งไกวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นท่าทางเกียจคร้านประมาทศัตรู แต่ในความเป็นจริงแล้วหลังจากฟาดดาบไปครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ หากเขาดึงดันจะต่อสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะ ซ่งจ่างจิ้งต้องตาย หลวนฉางเหย่ขวางไว้ไม่อยู่ หอป๋ายอวี้จิงหลังนี้ก็ต้องถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องพังถล่ม กองกำลังต้าหลีต้องถดถอยไปอีกอย่างน้อยสี่สิบห้าสิบปี ซึ่งก็หมายความว่า ผลประโยชน์ทั้งหมดที่สำนักศึกษาซานหยาซึ่งฉีจิ้งชุนสร้างขึ้นในปีนั้นนำมามอบให้แก่แคว้นต้าหลี อาเหลียงจะริบกลับคืนทั้งหมด และที่เขาต้องทำก็แค่ฟันดาบลงไปอีกครั้งเท่านั้น

ในบรรดาเมธีร้อยสำนัก พละกำลังของสำนักโม่มีไม่น้อย พวกเขาแบ่งออกเป็นสามสาย คนของสายหนึ่งในนั้นแทบจะกลายมาเป็นจอมยุทธ์ผู้กล้าที่ออกพเนจรไปทั่วยุทธภพ ส่วนใหญ่แล้วคือผู้ฝึกกระบี่ในบรรดาผู้ฝึกลมปราณ ส่วนอาเหลียงที่ท่องยุทธภพมานานหลายปีก็คือจอมยุทธ์พเนจรที่มีชื่อเสียงสะเทือนไปหลายทวีปใหญ่ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ อาเหลียงเคยมีโอกาสได้พบหน้าหลวนฉางเหย่ผู้นี้หนึ่งครั้ง ส่วนหลวนฉางเหย่ที่อยู่ห่างจากตำแหน่งจวี้จื่อของสำนักโม่แค่สองก้าวผู้นี้ก็เคารพเลื่อมใสในตัวอาเหลียงอย่างแท้จริง ดังนั้นอาเหลียงจึงรู้จักกับหลวนฉางเหย่ แต่ไม่สนิทกับคนผู้นี้

แต่คำพูดที่เอ่ยอ้างถึงฉีจิ้งชุนของหลวนฉางเหย่ประโยคนี้กลับทำให้โทสะของอาเหลียงพุ่งพล่านขึ้นมา ยกดาบยันต์มงคลขึ้นอีกครั้ง ปลายดาบชี้ไปทางผู้เฒ่าที่ถูกสำนักโม่ขับไล่และลบชื่อทิ้งผู้นั้น เขาโกรธจนกลายเป็นหัวเราะ “ฉีจิ้งชุนตายไปแล้ว เจ้ายังเอาเขามาทำเป็นยันต์คุ้มกันกายต้าหลีและหอป๋ายอวี้จิงแห่งนี้ของพวกเจ้าอีกรึ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หนังหนาของเจ้าหลวนฉางเหย่หนากว่าหน้าของข้าอาเหลียง?”

บนใบหน้าที่แก่ชราของหลวนฉางเหย่ปรากฏรอยยิ้มยั่วเย้า ส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่อาจเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสอาเหลียงได้ ตอนที่อาจารย์ฉีพูดถึงผู้อาวุโสอาเหลียงก็มีสีหน้าแบบเดียวกับผู้อาวุโสอาเหลียงในเวลานี้”

ประโยคก่อนหน้านี้ อาเหลียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ประโยคหลังนี้ อาเหลียงกลับเชื่อหมดใจ

อาเหลียงเงยหน้ามองท้องฟ้า ค่อยๆ ลดดาบยันต์มงคลลงแล้วสอดกลับเข้าฝัก ถลึงตาใส่ผู้เฒ่า “นึกว่าข้ามองแผนการถ่วงเวลารอกองหนุนมาช่วยของพวกเจ้าไม่ออกรึ”

หลังจากที่อาเหลียงเก็บดาบยันต์มงคลลงไปแล้ว ฮ่องเต้ต้าหลีที่ได้รับการปกป้องจากผู้เฒ่าแซ่ลู่ถึงได้มาปรากฎตัวอยู่ข้างกายหลวนฉางเหย่สำนักโม่

ฮ่องเต้ต้าหลีคิดจะเดินออกมาแต่กลับถูกผู้เฒ่าสวมกวานสูงคว้าชายแขนเสื้อเอาไว้ แล้วเอ่ยเสียงเบา “อย่าวู่วาม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!