เพียงแต่ว่าตอนนี้ควรจะเรียกลำธารหลงซวีว่าลำคลองหลงซวีถึงจะถูก ส่วนลำคลองเถี่ยฝู่ก็ต้องกลายมาเป็นแม่น้ำเถี่ยฝู
ท่ามกลางม่านราตรีมีสตรีที่อุ้มกระบี่ยาวพู่สีทองไว้ในอ้อมอกคนหนึ่งยืนอยู่บนก้อนหินสีเขียวที่เป็นจุดตัดระหว่างลำธารและลำคลอง เรือนกายของหญิงสาวผู้นี้งดงามมาก ช่วงหน้าอกของนางนูนเด่นดันอาภรณ์ขึ้นสูง พูดได้ว่าก้มหน้าก็มองไม่เห็นปลายเท้าอย่างแท้จริง เป็นเหตุให้พู่กระบี่จากเส้นด้ายสีทองที่มัดรวมกันเป็นกลุ่มขดตัวอยู่เหนือเนินอกอย่างพอดิบพอดี
นางก็คือสาวใช้ประจำตัวของเหนียงเนียงผู้นั้น แม้หน้าตาจะงามพิลาส แต่กลับมีนามบ้านๆ ดุจสตรีบ้านป่าว่า หยางฮวา
สตรีโยนกระบี่ที่มีนามว่าอาญาสิทธิ์ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของบุรพแจกันสมบัติทวีปลงไปในแม่น้ำก่อน
จากนั้นนางก็สูดลมหายใจเข้าลึก เริ่มเปลื้องเสื้อผ้าทีละชิ้น แล้วโยนพวกมันให้ไหลไปตามกระแสน้ำของแม่น้ำเถี่ยฝู
สุดท้ายเผยให้เห็นเรือนกายอรชร ขาวนวลไร้ตำหนิสมบูรณ์แบบของนางที่อาบไล้อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์และไอหมอก ขับดันให้ทั้งร่างของนางแผ่กลิ่นอายของความเป็นเซียน
จากนั้นนางก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทิ้งร่างสูงเพรียวดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
นางต้องการลงน้ำเพื่อกลายเป็นเทพ
หยางฮวาสตรีที่ได้รับคำสั่งจากราชสำนักต้าหลี คืนนี้ต้องกลายมาเป็นเทพแม่น้ำของแม่น้ำเถี่ยฝูสายนี้
อำเภอของต้าหลีแบ่งออกเป็นเล็ก กลาง ใหญ่สามระดับ น้ำก็เช่นกัน ลำธารคือตอนล่างสุด จะมีสิ่งศักดิ์ทางน้ำในลำดับล่างสุด ต่อให้ราชสำนักจะแต่งตั้งเทพให้มาพิทักษ์เส้นทางน้ำก็ยังประทานนามให้เป็นแค่แม่ย่าลำธาร ห้ามล้ำเส้นแต่งตั้งเป็นเทพ ส่วนน้ำตอนบนจะแบ่งออกเป็นบน กลาง ล่างอีกสามลำดับ ตอนนี้ลำธารหลงซวีเลื่อนขั้นขึ้นมาอีกสองลำดับ เปลี่ยนจากลำธารมาเป็นลำคลองในระดับกลาง ส่วนน้ำที่อยู่บนสุดคือแม่น้ำ ไม่มีการแบ่งระดับสูงต่ำ และตอนนี้ลำคลองเถี่ยฝูก็กระโดดกลายมาเป็นแม่น้ำสายใหญ่แล้ว
เพียงแต่ว่าแม่น้ำลำคลองสองเส้นที่ตัดกันอย่างแม่น้ำเถี่ยฝูกับลำคลองหลงซวีในตอนนี้ยังไม่มีการสร้างศาลเทพแม่น้ำ ไม่มีการสร้างเทวรูปทองคำชั่วคราว
ทุกอย่างเอาความเรียบง่ายเป็นหลัก
เทพลำคลองและแม่น้ำสองท่านที่เพิ่งเลื่อนขั้นใหม่ล้วนไม่ใช่ชื่อที่คุ้นเคยกันในอำเภอหลงเฉวียน เทพแม่น้ำเถี่ยฝูหนึ่งในนั้นมีชื่อว่าหยางฮวา
เมื่อเทียบกับการแต่งตั้งเทพแม่น้ำที่ฟังแต่ชื่อแล้วมีพลังแต่ความจริงกลับไร้ความสามารถแล้ว ราชสำนักต้าหลีถือโอกาสแต่งตั้งเทพภูเขาที่แท้จริงรวดเดียวถึงสามองค์ แบ่งออกเป็นภูเขาพีอวิ๋น ภูเขาเตี่ยนเซียง และภูเขาลั่วพั่ว
พิธีการแต่งตั้งเทพยิ่งใหญ่และสำคัญ พระราชโองการที่ฮ่องเต้ต้าหลีทรงเขียนด้วยตัวเอง การช่วยป่าวประกาศเผยแพร่ของอริยะอาจารย์หร่วน เนื้อหาที่ต้องอ่านประกาศซึ่งซือหลางกรมพิธีการเป็นผู้ร่าง พิธี “ฝังทองซ่อนหยก” ของท่านชิงอูแห่งสำนักโหราศาสตร์ การเปิดฉากสร้างเทวรูปร่างทองสององค์โดยขุนนางพ่อแม่ของท้องถิ่น นายอำเภอหลงเฉวียนอู๋ยวน ฯลฯ ขั้นตอนจุกจิกยิบย่อยเหล่านี้ล้วนพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เทพภูเขาของบุรพแจกันสมบัติทวีปแบ่งออกเป็นเทพห้าขุนเขา เทพภูเขา เทพแห่งผืนดินโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสามระดับ เทพเจ้าที่ที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกขานกันจะคล้ายคลึงกับตัวสำรองของวงการขุนนาง
โดยทั่วไปแล้วต่อให้ผ่านไปร้อยปีพันปี เทือกเขายอดเขาก็มักจะมีขนาดคงที่ ดังนั้นจึงยากที่เทพภูเขา เทพแห่งผืนดินจะถูกย้ายออกไปจากที่เดิม แต่ก็ไม่ได้ตายตัวเสมอไป หากบนโลกมีผู้ยอดฝีมือตบะสูงปรากฏขึ้นมา สุดท้ายได้รับความสำคัญจากทางราชสำนัก กลายมาเป็นราชครู เจินจวินที่มีฐานะสูงส่งก็มีความเป็นไปได้ว่าคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเขาอาจได้เลื่อนฐานะตามไปด้วย เพราะอย่างไรซะภูเขาไม่จำเป็นต้องสูง ขอแค่มีเซียนอาศัยก็กลายเป็นมีชื่อเสียงได้
ภูเขาลั่วพั่วหนึ่งในนั้นมีเทพภูเขาองค์หนึ่งที่ค่อนข้างจะประหลาด รู้แค่ว่าแซ่ซ่ง เมื่อเทียบกับรูปปั้นดินเหนียวที่ตลอดร่างทาด้วยสีทองของเทวรูปอีกสององค์แล้ว รูปปั้นของเทพภูเขาองค์นี้กลับมีเฉพาะศีรษะที่เป็นสีทอง อาภรณ์และเครื่องประดับทาสีสันอื่น แต่ไม่ใช่สีทอง ว่ากันว่านี่เป็นคำสั่งลับๆ ที่มาจากทางราชสำนัก
ท่ามกลางกระแสน้ำขุ่นมัว เหนือศีรษะขึ้นไปก็คือม่านน้ำตกที่เทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง
ปลายเท้าข้างหนึ่งของสตรีเหยียบลงบนด้ามกระบี่อาญาสิทธิ์ที่ล้ำค่าของลัทธิเต๋าเล่มนั้น พู่กระบี่สีทองเป็นดั่งเถาวัลย์ที่ไม่รู้ว่าเริ่มรัดพันข้อเท้าของนางตั้งแต่เมื่อไหร่
ผิดที่ครอบครองหยก (มาจากสำนวนเดิมว่าราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่ผิดที่ครอบครองหยก เปรียบเปรยว่าทรัพย์สมบัตินำภัยมาสู่ผู้ครอบครอง)
ขนตาของสตรีที่หลับตาสองข้างแน่นกระพือน้อยๆ น้ำตาไหลลงมาจากกรอบดวงตาของนางช้าๆ เพราะร่างอยู่ใต้แม่น้ำ น้ำตาเพียงเท่านั้นจึงหายวับไปในทันที
ต่อให้นางเกิดมามีเรือนกายที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าคนทั่วไป มีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับน้ำและแม่น้ำมาตั้งแต่เล็ก ตอนนางยังเด็กเคยมีนักพรตเต๋าที่เดินทางไปทั่วมาที่บ้านนาง แล้วทำนายชะตาชีวิตให้กับนาง บอกว่าเป็นเรื่องง่ายที่นางจะดึงดูดเอาสิ่งสกปรกดำมืดทั้งหมดในน้ำมา ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าอยู่ใกล้ต้นกำเนิดน้ำเพียงลำพัง โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นจุดบรรจบกันชั่วคราวของน้ำไร้ต้นกำเนิด เด็กสาวแซ่หยางนามฮวาค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้นทีละน้อย เพียงไม่นานก็ถูกท่านชิงอูของต้าหลีหมายตา แล้วพานางมาอยู่ข้างกายเหนียงเนียงผู้นั้นเพื่อฝึกคาถาน้ำชั้นสูง ฝึกฝนวันเดียวก็เท่ากับเดินทางพันลี้ เพียงแค่ฝึกตนเรื่อยเปื่อยสามปีก็เทียบเท่ากับความยากลำบากสามสิบปีหรืออาจจะนานยิ่งกว่านั้นสำหรับคนอื่น
แต่สาเหตุแท้จริงที่บีบให้นางต้องเดินไปบน “เส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับ” เส้นนี้
ต้องรู้ว่าการกลายเป็นพ่อปู่ลำคลองแม่ย่าลำคลอง กลายเป็นองค์เทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำ มักจะถูกผู้ฝึกตนที่แท้จริงมองเป็น “ทางหัวขาด” ไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้องซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นอมตะได้เลย
ลองจินตนาการดูว่าตัวเองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสะพานแห่งความเป็นอมตะขาดลงครึ่งหนึ่ง ไม่อาจส่งคนเดินให้ถึงฝั่งได้ แล้วนั่นจะเรียกว่าสะพานแห่งความเป็นอมตะได้อย่างไร?
นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่า นี่เรียกว่าผิดที่ครอบครองหยก
เพราะนางสามารถควบคุมยันต์อาญาสิทธิ์ได้สำเร็จ ได้รับการยอมรับจากกระบี่อาญาสิทธิ์ของเมืองหลวงเล่มนั้นก่อนหน้าที่หลิวป้าเฉียวผู้ฝึกกระบี่แห่งสวมลมฟ้าจะลงมือ
หลังจากได้รับโชควาสนาเทียมฟ้าในครั้งนี้ ตบะของนาง็ยิ่งทะยานพรวดพราดไปตลอดทาง ในขณะเดียวกันกับที่นางรู้สึกว่าห้าขอบเขตบนเป็นเพียงเรื่องของการนับวันรออย่างเดียวเท่านั้น ฝันร้ายที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องก็มาเยือนอย่างเงียบเชียบ เรื่องแรกคือเหนียงเนียงต้องการให้นางเอากระบี่อาญาสิทธิ์ออกมามอบให้กับหร่วนฉงที่พิทักษ์ถ้ำสวรรค์หลีเพื่อฟันแท่นสังหารมังกรสองครั้ง จากนั้นกระบี่อาญาสิทธิ์ที่กลับเข้ามาอยู่ในมือนางอีกครั้งก็อยู่ในสภาพปริร้าวใกล้แตกสลายเต็มที นางจะยังทำอะไรได้อีก? คนหนึ่งคือเหนียงเนียงผู้มีพระคุณในการปลูกฝังอบรม อีกคนคืออริยะสำนักการทหารที่ถูกต้าหลีมองเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ นางก็ได้แต่กัดฝันยอมรับผลลัพธ์นี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็คาดไม่ถึงว่า กระดาษคำสั่งแผ่นหนึ่งที่มาจากฮ่องเต้จะแต่งตั้งให้นางกลายเป็นเทพแห่งวารีของแม่น้ำเถี่ยฝู
ท่ามกลางกระแสน้ำของแม่น้ำ สตรีที่เหยียบอยู่บนกระบี่ลอยตัวอยู่นิ่งๆ คล้ายเทวรูปที่ตั้งอยู่บนแท่นบูชา
นางตัดขาดความคิดวุ่นวายทั้งหมดทิ้งไป แล้วเริ่มสงบสติรวบรวมสมาธิ มือทั้งคู่ทำมุทรา ไม่ขยับเขยื้อนดุจขุนเขา
ผมสีดำแต่ละเส้นของนางหลุดออกเป็นอันดับแรก กระจายไปตามผิวน้ำ แล้วไหลหายไปกับกระแสธารา
ตามมาด้วยเลือดเนื้อบนเรือนกายที่ค่อยๆ หลอมละลายไปทีละน้อย
ความเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงไม่ได้มาจากเรือนกายเท่านั้น ที่มากกว่านั้นกลับเป็นเสียงร่ำไห้ที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ทำให้ท่ามกลางเลือดเนื้อที่สลายหายไป สตรีที่ใช้เวทลับตัดขาดความรู้สึกของต้าหลีก็ยังคงตัวสั่นสะท้านไม่หยุด
เรือนกายผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก!
มาถึงท้ายที่สุดสตรีก็กลายมาเป็นโครงกระดูกที่แท้จริง
ผิวน้ำเดือดพล่าน ควันร้อนลอยสูง
กระบี่อาญาสิทธิ์ที่พังไปครึ่งหนึ่งเล่มนั้นนอนนิ่งอยู่ตรงก้นแม่น้ำ แต่ยังพอจะเห็นได้ว่าโครงกระดูกอันน่าหวาดกลัวของหญิงสาวเริ่มส่ายไหวคล้ายพืชน้ำในกระแสธาร อ่อนแอเปราะบางอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าอาจจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปได้ทุกเมื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!