กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 122

วิชาสายฟ้าจับปีศาจ
โดย
ProjectZyphon
นักพรตเต๋าตาบอดไม่ตอบรับและไม่ได้ปฏิเสธ เขาพลันเงยหน้าขึ้น ยกนิ้วทำมุทรา สีหน้าไม่ตกตะลึงกลับยินดี “ฟ้าเปลี่ยนแล้ว กลิ่นอายปีศาจเข้มข้นยิ่งนัก ถึงขนาดทำให้บรรยากาศของพื้นที่แถบหนึ่งเปลี่ยนแปลงได้! ดีๆๆ ในที่สุดก็ล่องูออกจากรูได้แล้ว จิ่วเอ๋อร์น้อย เตรียมไปกำจัดมารผดุงคุณธรรมพร้อมอาจารย์!”

แม่นางน้อยพยักหน้ารับอย่างแรก เผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจที่ชาวบ้านล่างภูเขาได้ยินชื่อแล้วต้องหน้าเปลี่ยนสี นางกลับไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

แม่นางน้อยควักมีดเล่มเล็กสีเงินยาวไปเกินชุ่นกว่าเล่มหนึ่งออกมา ม้วนชายแขนเสื้อขึ้น เตรียมจะใช้มีดกรีดลงบนแขนของตัวเอง เอ่ยถามว่า “อาจารย์ จะใช้ยันต์น้ำพุตอนนี้เลยหรือไม่?”

นักพรตเต๋าชราพยักหน้ารับ “ถึงแม้ว่าอาจารย์ยังมีเหลืออยู่อีกเล็กน้อย แต่กันไว้ดีกว่าแก้ เอามาก่อนสักเล็กน้อย อาจารย์จะได้เตรียมไว้ก่อน หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกปีศาจเล่นงานจนทำอะไรไม่ถูก ถึงเวลานั้นกลับจะเป็นการทำร้ายพวกเจ้าสองพี่น้อง”

แม่นางน้อยสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ใช้มีดเล่มเล็กกรีดลงบนแขนตัวเองจนเกิดบาดแผลหนึ่งเส้น เลือดสดไหลทะลักออกมาทันควัน จึงรีบชูมือขึ้นสูง “อาจารย์ เรียบร้อยแล้ว”

นักพรตเต๋าตาบอดยื่นนิ้วมือขวานิ้วหนึ่งออกมา แบฝ่ามือข้างซ้ายอย่างคุ้นเคย จากนั้นใช้นิ้วมือวาดอักขระตัวหนึ่งกลางฝ่ามืออย่างรวดเร็ว แล้วจึงเปลี่ยนมือ กลางฝ่ามือขวาจึงมีอักขระยันต์ตัวหนึ่งเช่นกัน

แม่นางน้อยที่สีหน้าเริ่มซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ ถามอย่างจริงจัง “อาจารย์ พอหรือไม่?”

นักพรตเต๋าชราหัวเราะร่า “ตอนนี้พอแล้ว อาจารย์จะให้ปีศาจใหญ่ที่ยึดครองภูเขาแห่งนี้ได้ลิ้มลองรสชาติของการโจมตีจากห้าอสนีซะบ้าง!”

บนทางเดินภูเขาที่ห่างจากอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ไปประมาณหนึ่งลี้ เฉินผิงอันพลันหยุดเท้า ชูมีดผ่าฟืนขึ้นสูงให้สามคนด้านหลังระวัง

เห็นเพียงว่าห่างออกไปไกลมีเด็กหนุ่มในมือถือธงประหลาดคนหนึ่งกระโดดออกมาจากป่ารกทึบดุจวานรภูเขาที่ปราดเปรียว หันหลังให้กับพวกเฉินผิงอัน เมื่อเท้าของเด็กหนุ่มเหยียบลงบนเส้นทางภูเขา เขาก็โบกสะบัดธงแรงๆ อยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงคิดจะเลียบไปตามเส้นทางภูเขาที่สะดวกต่อการวิ่งไปรวมตัวกับนักพรตเฒ่า ผลกลับกลายเป็นว่าเมื่อเด็กหนุ่มหันหน้ามากลับเห็นว่าบนเส้นทางมีพวกเฉินผิงอันยืนขวางอยู่ เด็กหนุ่มที่เหงื่อหลั่งรินเต็มสันหลังเริ่มร้อนใจ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็กัดฟันเปลี่ยนความคิด แล้ววิ่งหนีลงไปทางด้านล่างของภูเขา เลือกจะอ้อมไปทางอื่น

ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็ไม่ลืมทำมือบอกพวกเฉินผิงอันว่าให้รีบหนีไป

หลี่ไหวปากอ้าตาค้าง “นั่นเขาทำอะไร?”

หลินโส่วอีขมวดคิ้ว “น่าจะมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่างไล่ล่าเด็กหนุ่มมา ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความชั่วร้ายขุมหนึ่ง”

แล้วก็จริงดังคาด เรือนกายพร่าเลือนร่างหนึ่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยควันดำตลบปั่นป่วนตามมาด้านหลัง พอเห็นพวกเฉินผิงอันก็หยุดชะงักอยู่ชั่วครู่ แผ่กลิ่นอายอึมครึมชวนน่าขนลุกเข้มข้น แต่สุดท้ายก็ยังเลือกจะตามเด็กหนุ่มขาเป๋ที่ถือธงผู้นั้นไปอย่างรวดเร็ว

เฉินผิงอันพูดกับหลินโส่วอี “ถามท่านผู้อาวุโสเทพหยินหน่อย เขาว่าอย่างไร?”

ครู่หนึ่งต่อมาหลินโส่วอีก็ตอบว่า “ผู้อาวุโสเทพหยินบอกให้พวกเราเดินทางต่อ ไม่ต้องรั้งรอ เขาจะคอยดูสถานการณ์ให้ แต่เขาก็พูดแล้วว่าตัวเองแค่รับผิดชอบหน้าที่คุ้มครองพวกเราไปส่งชายแดนต้าหลีเท่านั้น และเตือนพวกเราว่าเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราคือเดินทางไปขอศึกษาต่อเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนใจบุญที่ช่วยจับปีศาจปราบมาร เขาไม่หวังให้พวกเราหาเรื่องใส่ตัว”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “บอกกับผู้อาวุโสเทพหยินสักคำว่า ให้พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ หากช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน อีกอย่าง หลินโส่วอีเจ้าเองก็เตรียมยันต์สามแผ่นนั้นไว้ให้ดี หลังจากนี้เจ้ามาเป็นคนนำทาง ข้าจะคุมอยู่ด้านหลังขบวนเอง เป่าผิง หลี่ไหว จำไว้ว่าหากเจอกับภูตผีปีศาจตามคำเล่าลือจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัว ยิ่งไม่ต้องลนลาน อย่าได้ทำเหมือน…ช่างเถอะ พวกเรารีบเดินทางกันต่อเถอะ!”

เดิมทีเฉินผิงอันคิดจะพูดว่าอย่าได้ทำเหมือนจูลู่ตอนอยู่บนภูเขาฉีตุนเด็ดขาด ทั้งๆ ที่มีตบะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสองขั้นสูงสุด แต่พอเจอกับงูขาวกลับไม่กล้าแม้แต่จะลงมือ

แต่พอนึกถึงประโยคที่อาเหลียงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า ‘ผู้ที่นินทาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง ย่อมไม่ใช่คนดี’ เฉินผิงอันจึงกลืนคำพูดที่มารอตรงริมฝีปากกลับลงท้อง

หลินโส่วอีสีหน้าผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ

ยันต์อันเป็นสมบัติก้นกรุที่สกุลหลี่ในเมืองเล็กเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีปึกนั้น สามแผ่นที่ระดับต่ำที่สุด ตอนนี้หลินโส่วอีพอจะนำมาใช้ได้อย่างกล้อมแกล้ม

แผ่นหนึ่งที่ชื่อว่าไข่มุกในอ่างคือยันต์น้ำ อีกแผ่นหนึ่งที่ชื่อว่าฝนไฟคือยันต์ไฟ สุดท้ายคือยันต์ทำลายอาคมอำพรางตาห้าขุนเขา ถือว่าอยู่ในขอบเขตของยันต์ภูเขา

แต่สิ่งที่หลินโส่วอีอาศัยอย่างแท้จริงกลับไม่ใช่ยันต์สามแผ่นที่มีอานุภาพมากน้อยไม่เท่ากัน แต่เป็นตัวของเขาเอง

เป็นวิชาสายฟ้าที่สืบทอดกันมาอย่างลับๆ ซึ่งบันทึกไว้ในตำรา ‘เหนือเมฆพร่างพราว’ เล่มนั้น

แต่แน่นอนว่าหลินโส่วอีไม่มีทางหาเรื่องใส่ตัว ทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายเพียงเพราะแค่อยากทดสอบอานุภาพของพลังสายฟ้านี้แน่นอน

คนทั้งกลุ่มเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว หลี่ไหวเดินพลางชูมือขึ้นสูง กล่าวคลางแคลงใจ “อยู่ดีๆ ก็ฝนตกหรือนี่? ทำไมไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ?”

ม่านฝนมืดครึ้มโปรยปราย ไม่ได้ตกกระหน่ำ แต่กลับทำให้บรรยากาศในป่าทึบเย็นและมืดมัวขึ้นหลายส่วน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!