แม่นางน้อยหน้ากลมคล้ายคลุ้มคลั่ง ใช้มีดเล็กกรีดลงบนฝ่ามือและแขนตัวเอง ก่อนจะลูบใบหน้าเปะปะ จากนั้นก็พุ่งเข้าแลกชีวิตกับผีสาว
แต่เด็กหญิงลืมไปว่าเวลานี้ฝนกำลังตกหนัก อีกทั้งนางยังไม่มีวิธีการของตระกูลเซียนที่จะกักเก็บปราณวิญญาณของยันต์ได้อย่างผู้เฒ่าตาบอด รอจนนางพุ่งไปถึงด้านหน้าของผีสาวสวมชุดแต่งงาน ใบหน้าของนางก็สะอาดเอี่ยมแล้ว มีเพียงเม็ดฝนที่กลิ้งหลุนๆ ต่อเนื่อง เลือดสดถูกน้ำฝนล้างจนสะอาดสะอ้านไปนานแล้ว
ผีสาวยกมือขึ้นตบลงบนซีกแก้มของแม่นางน้อยอย่างไม่ใส่ใจ เรือนกายเล็กบางผอมแห้งก็ปลิวคว้างขึ้นกลางอากาศ กระเด็นไปไกล แล้วก็หายวับไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากเด็กหนุ่มขาเป๋
หลังจากนั้นทุกก้าวที่ผีสาวชุดแดงเดินออกมาก็มีสายฟ้าสีขาวขนาดใหญ่เท่าถังน้ำผ่าลงมาบนร่มกระดาษน้ำมัน ครั้นแล้วสายฟ้าก็สาดกระเซ็นเป็นสะเก็ดแตกออกสี่ทิศ
หากเวลานี้มีคนมองมายังภูเขาลูกนี้จากที่ไกลๆ ก็จะเห็นว่ามีสายฟ้าเหมือนงูขาวหลายเส้นร่วงลงมาจากกลางอากาศที่ไม่สูงนักครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นประกายแสงสว่างจ้าก็เปล่งวาบๆ ขึ้นท่ามกลางเทือกเขา
……
เม็ดฝนโปรยปรายที่แค่สวมงอบก็สามารถต้านทานไว้ได้กลับกลายมาเป็นฝนห่าใหญ่อย่างไม่มีลางบอกเหตุ ยากที่จะเดินทางต่อได้อีก
เมื่อเฉินผิงอันเสนอว่าควรหาที่หลบฝน หลินโส่วอียื่นมือข้างหนึ่งไปประคองงอบเพื่อไม่ให้ถูกฝนเม็ดใหญ่กระแทกจนเอียงกะเท่เร่ เอ่ยเสียงหนักว่า “ผิดปกติ”
หลี่ไหวกระตุกชายแขนเสื้อของหลี่เป่าผิง ตะโกนเสียงดัง “ข้ารู้สึกกลัวเล็กน้อย”
หลี่เป่าผิงเอ่ยสั่งสอน “ผู้อาวุโสเทพหยินก็เป็นผีไม่ใช่หรือ? เจ้ายังจะต้องกลัวอะไรอีก?”
ดวงตาหลี่ไหวเป็นประกาย “จริงด้วย”
แล้วจึงหันกลับมาสั่งสอนลาขาวน้อยที่อยู่ด้านหลังหลินโส่วอี “ลาขาวน้อย เจ้าห้ามหลงกับพวกเราเด็ดขาดเลยนะ”
ลาน้อยพ่นลมออกจากจมูก
เทพหยินตนนั้นปรากฏตัวอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน เอ่ยเสียงแหบพร่า “ที่นี่มีผีสาวตนหนึ่งพิทักษ์แม่น้ำและภูเขารอบด้าน ตอนนี้นางกำลังประมือกับนักพรตเฒ่าผู้นั้น หากไม่ผิดไปจากที่คาด ผีสาวน่าจะเป็นฝ่ายชนะอย่างขาดลอย ที่มาของนางไม่แน่ชัด ตบะไม่ต่ำ หากเจอกันที่อื่นข้ายังพอจะจับตัวนางไว้ได้ แต่หากเป็นที่นี่เวลานี้กลับยากมาก”
เทพหยินกวาดตามองไปรอบด้านด้วยความระมัดระวัง เอ่ยอธิบายว่า “บนทำเนียบของภูเขาและมหาสมุทร ขอแค่เป็นเทพแม่น้ำและเทพภูเขาที่มีชื่อแซ่ล้วนต้องมีพื้นที่บนภูเขาเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็มีเขตการปกครองของตน เมื่อฆ่าคนในถิ่นของตัวเองจะได้เปรียบเพราะฟ้าลิขิตดินอำนวย นอกจากนี้หากเป็นแม่น้ำและภูเขาที่ทางราชสำนักยังไม่แต่งตั้งองค์เทพ ต่อให้เป็นภูตผีปีศาจหรือสัตว์ประหลาดใดๆ ที่มีพลังอำนาจโดดเด่น หากคิดจะมีสำนักศึกษาอย่างลัทธิขงจื๊อ พื้นที่มงคลอาณาจักรธรรมอย่างสำนักลัทธิเต๋า ซากปรักสมรภูมิโบราณอย่างนักพรตสำนัการทหารกลับยากยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์ นี่ไม่ใช่แค่ว่ามีตบะอันลึกล้ำก็จะครอบครองได้ ยังจำเป็นต้องมีโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย ทว่ากฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ไม่เคยชื่นชอบวัตถุธาตุหยินที่ชั่วร้ายอย่างพวกข้า คิดจะยึดครองพื้นที่หนึ่งอย่างเปิดเผยก็ไม่ต่างอะไรไปจากการใช้กำลังยึดพื้นที่ทำให้ประเทศแตกแยกของราชวงศ์ในโลกมนุษย์ มีหรือจะง่ายดายขนาดนั้น?”
หลี่ไหวพึมพำกับตัวเองอย่างขลาดกลัว “ผู้อาวุโสเทพหยินท่านนี้ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องเป็นบัณฑิตเหมือนกันแน่ๆ”
คำพูดของเทพหยินลึกล้ำ ชี้ไปยังเส้นทางภูเขาใต้ฝ่าเท้าที่ทุกคนยืนอยู่ “มีข่าวหนึ่งที่ไม่ดีมากๆ นั่นก็คือผีสาวที่เป็นผู้นำของสถานที่แห่งนี้มีฐานะไม่เป็นรองเทพภูเขาเลย ไม่แน่ว่าขณะเดียวกันอาจจะยังควบตำแหน่งแม่ย่าลำคลองด้วย ถึงได้แสดงความแปลกประหลาดออกมาตลอดเวลา อีกเรื่องหนึ่งก็คือพื้นที่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเจ้าที่ถูกผีสาวร่ายเวทตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้พวกเจ้าเดินอยู่บน ‘เส้นทางน้ำพุเหลือง’ ที่นางแอบร่ายไว้ ข้ามีร่างเป็นธาตุหยิน สามารถเข้าออกได้อย่างเสรี ทว่าหากคิดจะฝืนพาพวกเจ้าออกไปจากเส้นทางสายนี้ ไม่แน่ว่าอาจทำให้เรือนกายและจิตวิญญาณของเจ้าบาดเจ็บสาหัส”
หลินโส่วอีเอ่ยเรียบๆ “ผู้อาวุโสเทพหยิน ในเมื่อท่านเอาชนะนางไม่ได้ อีกทั้งพวกเราก็หนีออกไปไม่ได้เหมือนกัน จะทำอย่างไรกันดีล่ะ?”
เทพหยินกล่าวเสียงทุ้มหนัก “รอให้นางเผยกายค่อยว่ากัน วางใจเถอะ ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด”
เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย เสียใจที่ก่อนหน้านี้ตนฝืนเดินทวนกระแสท่ามกลางปราณแห่งความเที่ยงธรรม แม้ว่าหลังจบเรื่องจะส่งผลดีต่อตบะของตัวเขาเอง ซ้ำยังถึงขั้นพูดได้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากจนเกินประเมิน แต่ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ ความสามารถของเขาลดลงจนเหลือแค่เจ็ดแปดส่วนเท่านั้น แถมยังต้องหลุมพรางของผีสาว ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่าเป้าหมายแรกของผีสาวก็คือพวกเฉินผิงอัน ไม่ใช่อาจารย์และศิษย์สามคนนั้น
โคมกระดาษขาวที่ยาวเป็นระยะทางหลายลี้ เดิมทีก็คือเวทอำพรางตาที่ล่อให้เขาไปสืบให้รู้แน่ชัด
จิตใจของเทพหยินซับซ้อน ตบะของนักพรตเฒ่าคนนั้นไม่สูง ทว่าปากที่พูดจาเหลวไหลส่งเดชกลับร้ายกาจจริงๆ
เทพหยินกล่าว “พวกเจ้าทุกคนไปยืนอยู่ด้านหลังข้า”
เพียงไม่นานเทพหยินตนนี้ก็มายืนอยู่เบื้องหน้าสุดของทางสายเล็ก
เฉินผิงอันกับหลินโส่วอีอยู่เยื้องไปทางด้านหลัง คนหนึ่งยืนฝั่งซ้าย อีกคนยืนฝั่งขวา
เฉินผิงอันเปลี่ยนจากมีดผ่าฟืนเป็นยันต์มงคลเล่มนั้นแล้ว หลินโส่วอีปล่อยมือสองข้างลง ในชายแขนเสื้อแต่ละฝั่งมียันต์อยู่หนึ่งแผ่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!