สองข้างทางของทางสายเล็กบนภูเขา โคมกระดาษสีขาวที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศโดยไม่มีกิ่งไม้สูงให้พึ่งพิงแกว่งไกวไปตามสายลม และได้กลายมาเป็นโคมสีแดงฉานมานานแล้ว เลือดสดดุจน้ำเดือดพล่าน เม็ดเลือดสาดกระเซ็นไปชนโคมดวงอื่นไม่หยุด เกิดเป็นเสียงเปรี๊ยะๆ ชวนขนหัวลุก
ผีสาวชุดแต่งงานยังคงร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับตัวเอง ไม่ยอมปล่อยสองมือลง ไม่เห็นเทพหยินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
จิตของเทพหยินขยับไหวเล็กน้อย ใช้เสียงในใจบอกกล่าวแก่หลินโส่วอีว่า หากเด็กหนุ่มมีโอกาสก็ให้ใช้ยันต์ทำลายเวทอำพรางตาที่ถือเป็นยันต์ภูเขา อันดับต่อไปเขาจะพยายามถ่วงรั้งผีสาวไว้ให้ได้มากที่สุด หากทำลายเวท “เส้นทางน้ำพุเหลือง” ออกไปได้ก็ให้รีบพาพวกเฉินผิงอันออกไปจากภูเขา ไม่ต้องสนใจเขา จำไว้ว่าห้ามเดินไปบนทางภูเขาใต้ฝ่าเท้าสายนี้อีก ให้เฉินผิงอันใช้ดาบยันต์มงคลบุกเบิกทางเส้นใหม่
หลังจากหลินโส่วอีตอบรับแล้วก็ลองถามหยั่งเชิงว่าต้องการให้เขาทิ้งดาบยันต์มงคลเล่มนั้นไว้หรือไม่ เทพหยินส่ายหน้า บอกว่าตนถือไม่ไหว ปราณกระบี่หนักเกินไป ใช้บุกเบิกทางใหม่ย่อมดีที่สุด เมื่อต้นไม้ใบหญ้าได้รับปราณกระบี่อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา เต็มไปด้วยสง่าราศีซึ่งเป็นตัวพิชิตวัตถุชั่วร้ายมาตั้งแต่เกิด ฝ่ายตรงข้ามก็ย่อมไม่สะดวกให้อีกฝ่ายใช้กลอุบายต่ออีก
ผีสาวสวมชุดเจ้าสาวสะบัดสองมือทิ้ง เผยให้เห็นดวงตาซีดขาวที่ไม่เหลือคราบเลือดอีกแม้แต่หยดเดียว แสยะยิ้มดุร้าย “ทีแรกก็มาโดยไม่ได้รับเชิญ ตอนหลังยังจะไปโดยไม่บอกลา นี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่วิญญูชนพึงกระทำ”
ใบหน้าของเทพหยินพลันพร่าเลือนเหมือนเทียนที่ละลายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นกลุ่มควันเข้มข้นดุจหมึกกลุ่มหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่ผีสาวสวมชุดแต่งงาน
นางยกชายแขนเสื้อขึ้นแล้วแผ่เป็นวงกว้างคล้ายนกสยายปีกปกป้องอยู่เบื้องหน้าตัวเอง
แต่กระนั้นผีสาวก็ยังคงถูกพุ่งชนจนกระเด็นออกไปเจ็ดแปดจั้งในชั่วพริบตา โคมสีแดงสดระหว่างทางที่นางถอยกรูดออกไปพากันระเบิดแตกดังปึงปัง เลือดสในโคมไฟไม่ได้สาดกราวลงบนพื้นภูเขา แต่บินเข้าหาผีสาวที่ถูกเทพหยินชนจนถอยร่นเหมือนนกที่กลับคืนรัง ภาพเหตุการณ์คล้ายตอนที่ธงเรียกวิญญาณของนักพรตเฒ่าดูดดึงเอาแก่นวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของวัตถุชั่วร้ายเข้าไป
หลินโส่วอีกล่าวเสียงหนัก “ทุกคนมาอยู่ด้านหลังข้า แยกออกไปจากทางเส้นนี้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน เฉินผิงอัน เดี๋ยวพวกเราจะต้องบุกเบิกเส้นทางใหม่ออกไป ผู้อาวุโสเทพหยินบอกว่าให้เจ้าใช้ดาบยันต์มงคลเปิดทาง”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าจะไปแบกนักพรตเฒ่า ในเมื่อเห็นคนจะตายอยู่ตรงหน้าก็ไม่ควรนิ่งดูดาย”
นักพรตตาบอดนอนอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกว่าจั้ง ลมหายใจรวยรินเต็มที
เฉินผิงอันวิ่งตะบึงเข้าไปแบกผู้เฒ่าที่น่าสงสารแล้วหมุนตัววิ่งจากมา
หลินโส่วอียืนนิ่ง นิ้วมือสองข้างคีบยันต์กระดาษเหลืองแผ่นหนึ่ง พึมพำคาถาเสียงเบาไม่หยุด
นี่ก็คือยันต์ทำลายเวทอำพรางตาหนึ่งในยันต์ภูเขาและแม่น้ำ ตามคำอธิบายของเทพหยินตนนั้น ยันต์ภูเขาและแม่น้ำมีมากมายหลายร้อยหลายพันชนิด ดาษดื่นละลานตา คือหนึ่งในยันต์จำเป็นที่ผู้ฝึกลมปราณต้องเตรียมไว้เวลาออกเดินทางไกล ป้องกันไม่ให้ถูกผีบังตาอย่างที่พวกชาวบ้านชอบพูดกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเพราะกังวลว่าจะตกอยู่ในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาที่ผู้ซึ่งเดินทางมาร่วมกันแอบร่ายไว้ หรือไม่ก็กลัวว่าจะถูกภูตผีบนภูเขาที่มีตบะลึกล้ำเล่นงาน โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปยังสถานที่อย่างซากปรักสมรภูมิรบโบราณ หรือสุสานไร้ญาติ นักพรตโดยทั่วไปแล้วหากไม่มียันต์ทำลายเวทอำพรางตา ยันต์แขวนโคมพลังหยาง ยันต์ตรีวิสุทธิ์สงบใจ ฯลฯ ก็เท่ากับโยนตัวเองเข้าไปในแห
หลินโส่วอีพลันลืมตา จุดลึกในดวงตาของเด็กหนุ่มมีประกายแสงสีทองวูบผ่าน เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “พวกเราเดินตามยันต์ไป”
เห็นเพียงว่ายันต์ทำลายเวทอำพรางตาที่อยู่ระหว่างนิ้วของเด็กหนุ่มบินออกไป หลังจากไปหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศสูงประมาณตัวคนก็เริ่มล่องลอยออกไป คล้ายคนเมาคนหนึ่งที่กำลังนำทาง
ยันต์ใบนั้นลอยมาหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศข้างทางใกล้กับผนังภูเขา หลี่ไหวเอ่ยถาม “จะให้พวกเขาโหม่งหัวเข้าชนหรือไง?”
หลินโส่วอีก้าวนำออกไปก่อนหนึ่งก้าว ร่างก็พลันหายวับไป
หลี่เป่าผิงและหลี่ไหวจึงทยอยกันเดินตามเข้าไป เฉินผิงอันที่แบกผู้เฒ่าอยู่บนหลังจูงลาขาวเดินตามเข้าไปหลังสุด เพียงไม่นานพวกเขาก็หายไปจากบนเส้นทางภูเขา
เดินทียันต์เหลืองแผ่นนั้นก็คิดจะตามเข้าไป แต่เหมือนถูกคนกระชากเอาไว้อย่างเงียบเชียบ ปราณวิญญาณหายสิ้น จึงร่วงผล็อยลงบนพื้น
คนทั้งกลุ่มมาปรากฏตัวอยู่ในจุดลึกมุมหนึ่งของป่าทึบ ทุกคนหันมามองหน้ากัน ต่อให้เป็ฯหลินโส่วอีที่ร่ายใช้ยันต์ทำลายเวทอำพรางตาด้วยตัวเองก็ยังมึนงงทำอะไรไม่ถูก
เฉินผิงอันให้หลินโส่วอีช่วยแบกผู้เฒ่านักพรตเต๋าก่อน ส่วนตัวเขาเริ่มปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ กวาดตามองรอบด้านจากจุดที่สูงที่สุด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ตรงพื้นที่ราบระหว่างภูเขาที่มีผนังภูเขาสามด้านล้อมรอบ ต่อให้เป็นสายตาของเฉินผิงอันก็ยังไม่อาจมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนนัก เห็นเป็นเพียงภาพคร่าวๆ ที่พร่าเลือนเท่านั้น
ก่อนจะออกมาจากเส้นทางภูเขา ห่างไปไกลบนเส้นทางสายนั้น เทพหยินกับผีสาวกำลังเปิดศึกกันอย่างดุเดือด เสียงระเบิดของโคมไฟดังมาให้ได้ยินไม่ขาดสาย
หลังอาศัยยันต์ทำลายเวทอำพรางตาเดินออกมาแล้วรอบด้านกลับเงียบสงัดไร้สรรพสำเนียง ความแตกต่างมหาศาลเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้หลี่ไหวสบายใจ กลับยิ่งเพิ่มความหวาดหวั่นให้เขาเข้าไปอีก
เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง มือกระชับดาบยันต์มงคลเอาไว้แน่น “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องเดินไปทางทิศใต้ มีเพียงทางฝั่งนั้นที่ไม่มีภูเขาสูงบดบัง”
……
ท่ามกลางพื้นที่ราบระหว่างภูเขาที่มีต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้ามีสิ่งปลูกสร้างเป็นหอเรือนสูงทับซ้อนเรียงกันเป็นตับโอ่อ่าใหญ่โต ขนาดใหญ่กว่าจวนของขุนนางทั่วไปในโลกมนุษย์ เกรงว่าคงมีแต่จวนของจวิ้นอ๋องเท่านั้นที่ถึงจะทัดเทียมได้
จวนแห่งนี้แขวนป้ายอักษรทองคำว่า “น้ำสวยลมสูง” ที่เขียนด้วยลายมือหนักแน่นทรงพลังดุจลายมือของเทพเซียน สองข้างฝั่งด้านนอกประตูใหญ่มีสิงโตหินขนาดยักษ์คู่หนึ่งตั้งวางอยู่ ทั้งสองล้วนสูงเท่าตัวคนสองคน สิงโตตัวหนึ่งยื่นกรงเล็บออกไปคว้ารูปปั้นหินเด็กขนาดเท่าตัวคนจริง ท่วงท่าองอาจมากบารมี
มีผู้เฒ่าสวมชุดเขียวคนหนึ่งถือโคมไฟดวงใหญ่เดินออกมาจากกลางอากาศที่เกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมเป็นระลอก
เขาก็คือใต้เท้าหลางจงที่รับผิดชอบงานพิธีบวงสรวงของกรมพิธีการต้าหลี
ผู้เฒ่าถอนหายใจ คิ้วขมวดเป็นปม เห็นได้ชัดว่ารู้สึกว่าการมาเยือนครั้งนี้เป็นปัญหาอย่างยิ่ง เขาเสียบโคมไฟที่อยู่ในมือไว้ใต้เท้าของสิงโตหินตัวหนึ่ง แทบจะชั่วพริบตานั้นจวนที่เงียบสงัดมืดมนไม่มีแม้แต่แสงไฟก็พลันสว่างไสว ไม่ว่าจะที่สูงที่ต่ำ จุดที่อยู่ใกล้หรือไกลของในจวน โคมเกือบพันดวงล้วนถูกจุดให้สว่างขึ้นในเวลาเดียวกัน
จากนั้นประตูจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกเปิดออก ดรุณีน้อยหน้าตางดงาม พ่อบ้านวัยชรา สารถี พ่อครัว สาวใช้นางกำนัล บ่าวชายเฝ้าจวนที่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคนก็เริ่มปรากฎตัวทำงานเหมือนได้รับคำสั่งจากเจ้านายในเวลาเดียวกัน
เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้สีหน้าซีดขาว ดวงตาไร้แววชีวิตชีวาแทบทั้งหมด
ในสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มขาเป๋กับแม่นางน้อยหน้ากลมนั่งพิงกันอยู่ตรงมุมกำแพง
เด็กหนุ่มขาเป๋มีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดไม่หยุด บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ต่อให้ปล่อยเขาไป เกรงว่าเขาเองก็คงเดินได้แค่ไม่กี่ก้าว ก่อนหน้านี้เพื่อรับมือกับผีสาวชุดเจ้าสาวที่มีตบะน่าตะลึง เด็กหนุ่มชักดึงอักขระสีเงินสี่ตัวอย่าง “ปราบปีศาจจับผี” เข้ามาในทวารบนใบหน้าของตน ซึ่งเป็นวิธีการอำมหิตที่ทำลายจิตวิญญาณของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!