กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 125

สรุปบท ตอนที่ 125: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 125 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท ตอนที่ 125 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หนึ่งกระบี่ทำลายอาคม
โดย
ProjectZyphon
เบื้องหน้าจวนที่แขวนกรอบป้ายคำว่า “น้ำสวยลมสูง”

ผู้เฒ่าตาบอดได้รับบาดเจ็บสาหัส คงเป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเองใกล้ตายแล้วจึงพูดจาเลหวไหลราวคนสติฟั่นเฟือน

มือสองข้างที่อยู่ในชายแขนเสื้อของหลินโส่วอีคีบยันต์ไข่มุกกลางอ่างกับฝนไฟไว้สองแผ่น หวังเพียงว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่จะสำเร็จหรือไม่คงต้องดูที่ฟ้าลิขิตเท่านั้น

เฉินผิงอันควบคุมปราณที่เป็นดั่งมังกรว่ายวนเส้นนั้นให้มุ่งหน้าไปยังช่องโพรงลมปราณสองช่อง เพื่อยืนยันว่าปราณกระบี่ยังคงอยู่ดังเดิม ไม่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น

จะพิสูจน์ยังไง ง่ายมาก ขอแค่มังกรเพลิงที่มอบความรู้สึกอบอุ่นให้แก่ชีพจรตัวนั้นไม่กล้าหยุดอยู่เบื้องหน้าช่องโพรงลมปราณทั้งสองก็หมายความว่า ปราณกระบี่ที่ “เล็กมากๆ” สองเส้นนั้นต้องยังขดตัวอยู่ข้างในแน่นอน

คราวนี้เฉินผิงอันรู้สึกว่าไม่แน่เสมอไปที่ปราณกระบี่เส้นหนึ่งจะสามารถสังหารผีสาวชุดเจ้าสาวผู้นั้นได้

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้สองเส้น!

หลังจบเรื่องต้องเสียดายตายแน่ แต่จะอย่างไรก็คุ้มค่ากว่าตายจริงๆ

ทว่ายังไม่ทันได้เรียกปราณกระบี่ออกมา เฉินผิงอันก็เสียดายแทบตายแล้ว

ดังนั้นใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้เห็นแก่เงินจึงค่อนข้างแข็งกระด้าง ปราณสังหารท่วมท้น

หลี่ไหวค้นพบว่าลาขาวที่อยู่ข้างกายกระทืบเท้าแรงๆ อยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนจากช่วงแรกเริ่มสุดที่กระวนกระวายหงุดหงิดกลายมาเป็นปลาบปลื้มดีใจ

ต่อให้ผีสาวสวมชุดแต่งงานจะลอยตัวอยู่เหนือขั้นบันไดนอกประตูใหญ่ ลาตัวนี้ก็ยังแค่ชะลอความเร็วในการกระทืบเท้าให้ช้าลงเท่านั้น

ผีสาวก้มหน้าลงมองชุดเจ้าสาวสีแดงสดที่ฉีกขาดอยู่หลายจุด นางข่มกลั้นความเดือดดาลที่พุ่งมาสุมเต็มอกเอาไว้ มองไปยังเด็กหนุ่มเด็กสาวแล้วพลิ้วร่างลงบนพื้น

ผีสาวเบี่ยงกายออกด้านข้างแล้วยอบตัวคารวะ เอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอต้อนรับแขกทุกท่านที่มาเยือน พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่าฉู่ฮูหยิน น่าเสียดายที่สามีข้าออกเดินทางไกลยังไม่กลับมา เชี่ยเซินจึงได้แต่ออกมารับรองพวกเจ้าเพียงลำพัง”

……

บนภูเขาฉีตุน ในป่าไผ่ต้นเล็กที่มีค่ายกลอำพรางตา เว่ยป้อที่อาศัยโชควาสนากลับคืนสู่ตำแหน่งเทพภูเขามองไปยังกระบอกไม้ไผ่ที่กองกันเป็นภูเขาขนาดย่อม ทั้งหมดล้วนเป็นไผ่เขียวที่ถูกอาเหลียงใช้ดาบฟันหักในครั้งเดียว ต่อให้มรสุมครั้งนี้ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์เหนือกว่าความเสียหาย แต่พอเห็นไผ่เขียวที่ดูดซับปราณวิญญาณของเขาฉีตุนมานับร้อยนับปี ในสายตาของฉีตุนก็เหมือนเห็นสาวงามที่ถูกบั่นร่างขาดครึ่งท่อน ยังคงทำให้เขาอดทอดถอนใจด้วยความเสียดายไม่ได้อยู่ดี

ตุ้มหูทองของเว่ยป้อได้ใช้เวทอำพรางตาแล้ว เวลาปกติต่อให้เปิดเผยร่างจริงในถิ่นของตัวเอง งูดำตัวนั้นก็ไม่อาจสัมผัสได้ ไม่อาจมองเห็น เวลานี้เขาดีดนิ้วข้างหูตัวเองเบาๆ กระบอกไม้ไผ่หักท่อนที่อยู่บนพื้นดินก็เริ่มทยอยกันหายไปท่ามกลางความว่างเปล่า

รอจนเก็บสัมภาระทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เว่ยป้อก็เดินออกจากป่าไผ่ มองไปก็เห็นว่าจุดที่งูดำที่ขดตัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ อยู่ไม่ไกลยังมีผู้ฝึกกระบี่หนุ่มที่พาดกระบี่แนวขวางไว้ตรงเอวคนหนึ่งยืนอยู่ รวมไปถึง “คนคุ้นเคย” ที่ถือกาเหล้าแหงนหน้ากรอกสุราใส่ปาก ยอดฝีมือต้าหลีที่ถูกสายรุ้งของอาเหลียงชนกลับมาบนพื้นหินราบของเขาฉีตุน เว่ยป้อรู้แค่ว่าอีกฝ่ายแซ่หลิว สุดท้ายถูกผู้ฝึกกระบี่คนนั้นแบกขึ้นหลังไป เว่ยป้อเผยสีหน้าคลางแคลงใจ ชายที่ก่อนหน้านี้ร่อแร่ใกล้ตาย แม้ว่าสีหน้าจะยังอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่สามารถฟื้นตัวกลับมาเดินได้รวดเร็วขนาดนี้ ต่อให้ฝึกเวทลับขั้นสูงที่ใช้ในการหล่อหลอมเรือนกายและจิตวิญญาณโดยเฉพาะก็ยังไม่น่าจะมีประสิทธิภาพได้ถึงขั้นนี้

เพียงแต่ว่าบนเส้นทางของการฝึกตน สามารถเดินไปบนเส้นทางของสองขอบเขตสุดท้ายในห้าขอบเขตกลาง ใครบ้างที่ไม่มีความสามารถที่เก็บไว้ก้นกรุ เว่ยป้อย่อมไม่มีทางเปิดปากถาม หลักการที่ว่าเต๋าไม่ถามอายุขัย พุทธไม่ถามแซ่ เป็นที่กระจ่างกันมาตั้งแต่อดีตกาล

เช็ดคราบสุรามุมปากเสร็จ ชายฉกรรจ์แข็งแกร่งที่เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชากล่าวเสียงทุ้มว่า “เทพผืนดินเขาฉีตุน ข้าชื่อหลิวอวี้ แม้เห็นเจ้าแล้วจะยังขัดหูขัดตา แต่พระคุณช่วยชีวิต วันหน้าจะต้องตอบแทนแน่นอน หากมีเรื่องเร่งด่วนให้ช่วยเหลือ บีบยันต์จดหมายให้แตก ขอแค่เวลานั้นข้าหลิวอวี้ไม่มีภารกิจของราชสำนักติดพัน ต่อให้อยู่นครมังกรเฒ่าทางใต้สุดของแจกันสมบัติทวีปก็จะรีบเดินทางมาทันที”

ชายฉกรรจ์ร่างกำยำโยนแผ่นหยกสีขาวที่ทำจากหยกมันแพะงดงามชิ้นหนึ่งออกมา เว่ยป้อรับไว้แล้วกล่าวยิ้มๆ “รักเกลียดแยกชัด ทำอะไรตรงไปตรงมา อีกทั้งยังมีป้ายสันติสุขที่มีเฉพาะใน ‘ศาลภูเขาสำนักการทหาร’ ชิ้นนี้ หลิวอวี้เจ้าเป็นนักพรตศาลลมหิมะหรือนักพรตของเขาเจินอู่?”

ชายร่างกำยำแค่นเสียงเย็น “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากแม่น้ำซิ่วฮวาเอ่ยยิ้มๆ “หลิวอวี้คือแบบฉบับของคนปากคมเป็นมีดแต่ใจอ่อนดั่งก้อนเต้าหู้ เจ้าอย่าได้ถือสาเขาเลย”

เว่ยป้อโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “มิกล้าๆ”

ผู้ฝึกกระบี่วางข้อศอกไว้บนกระบี่เล่มยาวอย่างไม่ใส่ใจ หัวเราะด้วยสีหน้าอ่อนโยน “มีธุระเร่งด่วนที่ต้องไปจัดการที่อำเภอหลงเฉวียนพอดี หากไม่รังเกียจ พวกเราออกเดินทางพร้อมกันดีไหม? แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะแจ้งไปยังอู๋ยวนนายอำเภอหลงเฉวียนแล้ว ตามหลักก็ไม่ควรมีปัญหาอะไร แต่ว่าไม่กลัวหนึ่งหมื่นกลัวเศษหนึ่งส่วนหมื่น (เปรียบเปรยว่าไม่กลัวสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่กลัวสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น สิ่งที่ไม่คาดคิด) เพราะอย่างไรซะแถบภูเขาลั่วพั่วในตอนนี้ไม่เพียงแต่มีท่านชิงอูจากสำนักโหราศาสตร์ ยังมีกองกำลังภายนอกอีกมากมาย ข้าไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับต้าหลีที่เพิ่งจะคลี่คลายลงได้ต้องแตกหักกันไปอีกครั้ง”

เว่ยป้อกล่าวเหมือนไม่อนาทรร้อนใจ “ดูจากความเคลื่อนไหวของศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ คงไม่ใช่ว่ามีเทพขุนเขาทั้งห้าองค์ใดของต้าหลีโชคร้ายหล่นลงจากตำแหน่งหรอกกระมัง? ทำไม หรือว่าข้าเว่ยป้อก็สามารถฉวยโอกาสนี้แบ่งน้ำแกงถ้วยเล็กๆ กับเขาได้ด้วย? ภารกิจเร่งด่วนที่ใต้เท้าพูดถึงคงไม่ได้เกี่ยวกับข้าจริงๆ กระมัง?”

หลิวอวี้ที่มองดูเหมือนคนหยาบกระด้างวู่วามพลันหรี่ตาลง

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มยังคงพูดกลั้วหัวเราะอย่างผ่อนคลายดังเดิม “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางทำเรื่องข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานแน่นอน การเดินทางไปยังอำเภอหลงเฉวียนในครั้งนี้ สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรก็ยังต้องดูที่ความต้องการของเจ้าเว่ยป้อ ราชสำนักต้าหลีไม่มีใครบังคับขืนใจเจ้าแน่นอน ส่วนภารกิจนั้นคืออะไร บอกตามตรงว่าข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดนัก รู้แค่ว่าหลังจากฮ่องเต้ได้ยินเรื่องนี้ก็ให้ความสำคัญอย่างมาก สุดท้ายยังเพิ่มสี่คำว่า ‘ปฏิบัติอย่างมีมารยาท’ มาด้วย”

เว่ยป้อถอนหายใจ “ข้ามีนิสัยแย่ๆ อย่างชอบไม้นวมไม่ชอบไม้แข็งมาโดยตลอด ขนาดนี้แล้วข้าจะยังกล้าปฏิเสธอีหรือ? กลัวพวกเจ้าแล้วจริงๆ”

หลิวอวี้แค่นเสียงเย็น “ต้องพูดว่าไม่ชอบทั้งไม้นวมไม้แข็งถึงจะถูกกระมัง?”

เว่ยป้อยิ้มตาหยี “ชมเกินไปแล้ว ชมเกินไปแล้ว”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มปรายตามองไปยังงูดำที่ดูสงบเสงี่ยมว่าง่าย แล้วพูดอย่างสนใจ “สายตาเจ้าไม่เลว จำไว้ว่าวันหน้าเมื่อไปถึงภูเขาลั่วพั่วแล้วห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด บริเวณใกล้เคียงกับที่นั่นมีเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์ของเจ้าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในทะเลสาบกลางภูเขา ต่อให้พวกเจ้าตีกันขึ้นมาจริงๆ ทางที่ดีที่สุดก็อย่าให้เดือดร้อนคนธรรมดา นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องระวังแล้ว ในเมื่อวันนี้มีสถานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาของต้าหลี อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะถูกนักพรตที่ผ่านทางมาสังหารตามใจชอบ”

งูดำตัวนั้นผงกศีรษะแรงๆ หลังจากกินหินดีงูที่มาจากถ้ำสวรรค์หลีจูถุงนั้นเข้าไป เรือนกายของมันไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้นกลับเล็กลง ทว่ากรงเล็บสี่นิ้วที่เหมือนกับกรงเล็บของมังกรกลับยิ่งหนาใหญ่ เกล็ดสีหมึกทั่วร่างส่องประกายเป็นเงาวับ ตรงท้องยังมีลายเส้นสีทองเล็กๆ เส้นหนึ่งที่แทบจะสังเกตไม่เห็น

การเดินทางไปอำเภอหลงเฉวียนครั้งนี้ยังไม่มีใครรู้ ดังนั้นต่อให้พางูดำไปด้วยก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวตอนกลางวันออกเดินทางตอนกลางคืนอย่างเดียวเท่านั้น

หลังจากเข้ามาในเขตแม่น้ำเถี่ยฝู พอได้รับคำอนุญาตจากผู้ฝึกกระบี่หนุ่ม งูดำก็เลื้อยลงน้ำอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจะเบิกบานเป็นสุขอย่างมาก แต่ก็พยายามข่มกลั้นสัญชาตญาณของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ไม่กล้าสะบัดร่างตีน้ำในแม่น้ำให้กระจายอย่างโอหัง คนทั้งสามยืนอยู่บนร่างของงูดำ เหมือนนั่งท่องเที่ยวโดยสารเรือ เลียบแม่น้ำเถี่ยฝูเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนืออย่างผ่อนคลาย

เว่ยป้อขมวดคิ้ว สะบัดชายแขนเสื้อเบาๆ วักน้ำขึ้นมาหนึ่งฝ่ามือแล้วเขย่าคล้ายกำลังชั่งน้ำหนัก กล่าวด้วยความประหลาดใจ “เปลี่ยนจากลำคลองเป็นแม่น้ำ เรื่องนี้ข้ารู้ แต่ว่า…?”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มจึงช่วยไขข้อข้องใจให้ “หลังจากที่เทพแม่น้ำของแม่น้ำเถี่ยฝูผสานรวมกับแม่น้ำได้สำเร็จก็ได้พบเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ดึงดูดความสนใจจากท่านชิงอูคนหนึ่งจึงรีบส่งรายงานไปแจ้งทางราชสำนัก ฮ่องเต้ทรงปิติยินดีอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อนขั้นสองระดับติดต่อกันไปแล้ว คราวนี้ก็เลื่อนขึ้นไปอีกระดับ”

เว่ยป้อเหวี่ยงมือเบาๆ น้ำของแม่น้ำเถี่ยฝูกลางฝ่ามือหมุนคว้างตามไปด้วย เขาจึงจุ๊ปากพูด “เทพเลื่อนขั้นใหม่ผู้นี้ช่างโชคดีนัก นี่ไม่เท่ากับว่าเดินไปสู่จุดสูงสุดของทำเนียบภูเขาและแม่น้ำของโลกมนุษย์แล้วหรือ? น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ เวลาเพียงไม่กี่วันก็เดินไปถึงปลายทางของเส้นทางที่พวกเพื่อนร่วมงานต้องเดินนานหลายร้อยหรืออาจถึงขั้นนับพันปี พรสวรรค์และโชควาสนาเช่นนี้เรียกว่าฟ้าประทานจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือการเลื่อนขั้นของเทพแม่น้ำผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้ยึดครองโชคชะตาของกระแสน้ำเส้นอื่นเลย จำต้องพูดว่าต้าหลีของพวกเจ้าดวงดีจริงๆ”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมาเป็นครั้งแรก “เว่ยป้อ เจ้าแน่ใจหรือว่าการเลื่อนขั้นของนางไม่ได้ช่วงชิงโชคชะตาของภูเขาและแม่น้ำในรัศมีพันลี้ของที่แห่งนี้? แต่ทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากลำคลองเถี่ยฝูสายเล็กๆ ในอดีต?”

เว่ยป้อเพียงคลี่ยิ้มไม่เอ่ยตอบ

ระดับความเฉียบคมของสายตาที่มีเฉพาะในเทพขุนเขาเหนือแห่งแคว้นเสินสุ่ยในอดีตย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกท่านชิงอูของสำนักโหราศาสตร์ที่เป็น “คนนอกที่อยู่ในวงการ” จะทัดเทียมได้

เนื่องจากศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ แผ่นดินของราชสำนักต้าหลีไม่มั่นคง โชคชะตาของประเทศจึงคลอนแคลนตามไปด้วย เทพของห้าขุนเขามีสามองค์ที่พลังต้นกำเนิดได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้จึงได้แต่มอบให้ท่านชิงอูเป็นผู้ตรวจสอบดูแลเรื่องนี้

สีหน้าของผู้ฝึกกระบี่หนุ่มหนักอึ้ง “เว่ยป้อ เชื่อว่าลำพังเพียงแค่ความสามารถนี้ เจ้าก็สามารถรับรางวัลชิ้นใหญ่จากทางราชสำนักแล้ว”

เว่ยป้อแหงนหน้าขึ้น ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า ขับให้ “ชายหนุ่ม” ที่เดิมทีก็เหมือนเซียนอยู่แล้วยิ่งดูล่องลอยคล้ายเซียนตัวจริงเข้าไปใหญ่ เขายิ้มบางๆ สายตาอ่อนโยน “สามารถเปลี่ยนมาเป็นโชควาสนาเล็กๆ ได้หรือไม่? ยกตัวอย่างเช่นให้ลูกศิษย์คนใหม่ของตำหนักฉางชุนที่เดิมทีมีคุณสมบัติจะเลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง ในอนาคตสามารถเดินไปบนสะพานแห่งความอมตะอย่างราบรื่นได้ร้อยปี?”

เว่ยป้อร้องอ้อหนึ่งที สีหน้ากลับคืนมาเป็นปกติ นั่งลงบนหลังงูดำ “นางถือว่ามีสภาพการณ์ของพิรุณเทพ มิน่าเล่าทุกอย่างถึงได้ราบรื่นไปหมด มีไอ้หมอนี่ที่พลังอำนาจแข็งแกร่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียง ต้องมาพบหน้ากันบ่อยๆ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย”

แม้ว่าผู้ฝึกกระบี่หนุ่มจะแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้

ทว่าปรากฎการณ์ของพิรุณเทพนับว่าร้อยปียากจะพานพบอย่างแท้จริง

พวกเว่ยป้อที่นั่งอยู่บนหลังงูสีดำเคลื่อนผ่านต้นหลิวต้นหยางต้นแล้วต้นเล่า หยางฮวาเทพแม่น้ำยังคงนั่งเฉยดังเดิม

แคว้นเสินสุ่ยในอดีตมีนักกวีที่โดดเด่นมากมาย โดยเฉพาะบทกลอนบอกลาที่ได้รับคำสรรเสริญจากคนบนโลกมากที่สุด ขับร้องสืบทอดผ่านเหล่าสตรีโคมเขียว เคยเป็นที่นิยมไปทั้งทวีป

หนึ่งในนั้นมีท่อนที่ว่าดอกหยางฮวาคือเมล็ดหลิว

เพียงแต่ว่าก็เป็นอย่างที่ชายฉกรรจ์หลิวอวี้กล่าวไว้ นี่คือเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

เว่ยป้อไม่พูด ใครจะสนใจ? ต่อให้พูดไปแล้ว แล้วใครจะเต็มใจฟัง?

มีเพียงอริยะสำนักขงจื๊อเท่านั้นที่เคยอธิบายไว้ว่า หยาง หลิวคือพืชชนิดเดียวกัน กิ่งก้านต่างชูขึ้นสูง

……

เว่ยป้อพลันหันกลับไปมอง แต่กลับมองไม่เห็นเทพแม่น้ำนามว่าหยางฮวาผู้นั้นอีกแล้ว

ส่วนพื้นที่แถบที่ขยับมาทางใต้ยิ่งกว่าภูเขาฉีตุน

ที่นั่นมีโคมไฟดวงใหญ่ดวงหนึ่งลอยขึ้นสูง

มือหนึ่งของผู้ฝึกกระบี่หนุ่มวางไว้บนด้ามกระบี่ตรงเอว กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ดูท่าข้าคงต้องไปเองสักรอบแล้ว”

ทว่าเวลานี้เอง

ท่ามกลางเทือกเขาสูงตระหง่านแห่งหนึ่งริมชายแดนต้าหลี แสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นมาจากยอดเขาแล้วพุ่งไปทางทิศเหนืออย่างรวดเร็ว เหมือนดาวตกดวงหนึ่งที่ลากยาวเป็นแสงสีหิมะเส้นหนึ่ง

นั่นคือปราณกระบี่ของกระบี่บินเล่มหนึ่ง!

แต่กลับไม่เห็นเจ้าของกระบี่

ปราณกระบี่ยาวอีกทั้งยังหนักอึ้ง

หนึ่งกระบี่ร่วงลงห่างจากแม่น้ำซิ่วฮวาไปไม่ไกล

หนึ่งกระบี่ทำลายค่ายกลใหญ่ที่แข็งแกร่งดุจพื้นที่ของอริยะ ร่วงลงเบื้องหน้าลาขาวตัวหนึ่งพอดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!