กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 129

บนภูเขา
โดย
ProjectZyphon
เบื้องใต้กรอบป้ายของจวน ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มเอาศอกสองข้างยันด้ามและปลายฝักกระบี่ที่อยู่ด้านหลังไว้ด้วยความเคยชิน แต่กลับไม่มอบความรู้สึกเกียจคร้านให้แก่ผู้คน เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉู่ฮูหยิน”

หลังจากเอ่ยเรียกหนึ่งที เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

หลางจงกรมพิธีการที่ถือโคมไฟไว้ในมือและเทพแม่น้ำซิ่วฮวาที่บนแขนมีงูดำพันล้อมกลบผ่อนลมหายใจช้าๆ ยืนตัวตรงอย่างเคร่งขรึมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ผีสาวสวมชุดแต่งงานหัวเราะหยัน “ทำไม ใต้เท้าผู้นี้คิดจะคิดบัญชีกับเชี่ยเซินย้อนหลังงั้นรึ?”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มแหงนหน้ามองไปยังม่านฟ้าที่ถูกกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ศาลลมหิมะทะลวงจนปริแตกแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “ฉู่ฮูหยินอย่าได้พูดจาประชดประชัน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่หลังจากนี้เมื่อเด็กกลุ่มนั้นเดินทางออกไปจากที่นี่ รวมถึงกลุ่มอาจารย์และศิษย์ผู้เฒ่าตาบอดสามคนนั้น หวังว่าฉู่ฮูหยินจะไม่สร้างเรื่องให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน ไม่ว่าตอนแรกฉู่ฮูหยินจะตั้งใจหรือไร้เจตนา สกุลซ่งต้าหลีก็รู้สึกซาบซึ้งใจในบุญคุณของฉู่ฮูหยิน เพราะอย่างไรซะนั่นก็คือการกระทำที่ช่วยให้สกุลซ่งสามารถสืบทอดโชคชะตาของบ้านเมืองต่อไปได้ หลังจากนั้นมาสกุลซ่งต้าหลีก็ให้รู้สึกละอายใจต่อฉู่ฮูหยิน ต่อให้ข้าที่เป็นคนนอกได้ยินเรื่องโศกนาฎกรรมในครั้งนั้นแล้ว อาจไม่ถึงขั้นเป็นเดือดเป็นแค้นแทน แต่ความเห็นอกเห็นใจย่อมต้องมี”

บรรยากาศตกสู่ความเงียบอีกครั้ง

ผีสาวสวมชุดแต่งงานยกมือขึ้นลูบเส้นผมข้างจอนหู หรี่ตายิ้มพยายามแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนอ่อนหวานของสตรีออกมาให้มากที่สุด “อันดับต่อไป ใต้เท้าสามารถพูดคำว่า ‘แต่ว่า’ ได้แล้ว”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มพยักหน้ารับจริงดังคาด “แต่ว่า เรื่องที่ฉู่ฮูหยินสังหารบัณฑิตพร่ำเพื่อ ยิ่งเนิ่นนานก็ยิ่งเป็นดั่งกระดาษที่ไม่อาจห่อไฟก็เหมือนอย่างในวันนี้ ฮ่องเต้จะคิดอย่างไร ข้าไม่กล้าคาดเดาเอาเองโดยพลการ แต่หากข้ายังได้ยินว่ามีบัณฑิตหายไปจากที่นี่อีกครั้ง ข้าก็จะมาเยือนภูเขาลูกนี้เพียงลำพัง พาฉู่ฮูหยินไปส่งที่คุกน้ำของต้าหลีด้วยตัวเอง เจ้าวางใจเถอะ ฮ่องเต้ทรงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ก็จริง แต่ย่อมต้องให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์มากกว่า อีกอย่างต่อให้ไมตรีจิตมีมากแค่ไหน ก็ต้องมีสักวันที่ต้องใช้หมด”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มถอนหายใจ สายตาแสดงความจริงจัง “ฉู่ฮูหยิน ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าไม่หวังให้มีวันนั้นจริงๆ”

ผีสาวสวมชุดแต่งงานทอดสายตามองไปยังทิศไกล สองนิ้วของมือข้างหนึ่งลูบชายแขนเสื้อชุดเจ้าสาวไว้เบาๆ ยากนักที่จิตใจของนางจะสงบได้เช่นเวลานี้ จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “แค่ดูจากเรื่องที่เจ้ายอมลดตัวไปพูดกับเด็กหนุ่มคนนั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าพูดจริง”

นางหยุดไปนาน สีหน้าเปลี่ยนมาเป็นเย็นชา “ตอนนี้ข้าสามารถรับรองว่าจะไม่ทำร้ายพวกบัณฑิตที่ผ่านทางมา แต่ข้าก็อยากให้เจ้ารู้ไว้ด้วยว่า หากข้าได้เห็นพวกบัณฑิตที่เดินเที่ยวชมทัศนียภาพของภูเขาและลำธารโดยบังเอิญ ถึงเวลานั้นก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะควบคุมตัวเองได้ ข้าไม่ได้ขอร้องเจ้า แค่บอกให้เจ้ารู้ความในใจเท่านั้น ถึงเวลานั้นควรจะจัดการอย่างไร เจ้าก็จัดการได้เลย จะเป็นข้าที่ถูกเจ้าจับโยนเข้าไปในคุกน้ำ หรือข้าทำลายรากฐานภูเขาและต้นกำเนิดแม่น้ำของที่นี่เสียก่อน เจ้าและข้าต่างก็อาศัยความสามารถของตัวเอง และยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยตัวเอง!”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มยิ้ม “ได้”

เทพแม่น้ำซิ่วฮวาทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

ก่อนที่ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มจะจากไปได้หันมาพูดกับเทพแม่น้ำว่า “ไม่ต้องเก็บๆ ซ่อนๆ แล้ว เจ้าบอกความจริงฉู่ฮูหยินไปตามตรงเถอะ เวลาผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ อันที่จริงฉู่ฮูหยินควรจะรู้ความจริงตั้งนานแล้ว หากจะถามหาคนรับผิดชอบเรื่องนี้ก็โยนมาให้ข้า เจ้าไม่ต้องกังวลว่าราชสำนักจะตำหนิ”

เทพแม่น้ำกุมมือคารวะกล่าวเสียงหนัก “ขอบพระคุณใต้เท้า วันหน้าต่อให้เป็นเรื่องส่วนตัวของใต้เท้า แต่ข้าน้อยก็พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟโดยไม่เกี่ยงงอน!”

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มโบกมือ จากนั้นจึงพาหันหลางจงทะยานตัวจากไปกลางอากาศ

ฉู่ฮูหยินยืนอยู่ที่เดิม มองเทพแม่น้ำที่ได้รับความเชื่อถือจากราชสำนักต้าหลีอย่างสูงผู้นี้ด้วยความรังเกียจเล็กน้อย ทั้งไม่เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกในจวน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ไล่เขากลับไป

เทพแม่น้ำซิ่วฮวาก้าวยาวๆ เดินขึ้นบันไดแล้วนั่งลงง่ายๆ “รู้ว่าเจ้าดูแคลนชาวบู๊หยาบกระด้างอย่างข้ามาโดยตลอด ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะรวบรัดตัดความเลยแล้วกัน สามีที่เจ้าหมายตา ไม่ได้ทรยศต่อความจริงใจของเจ้า เพียงแต่เพราะราชสำนักต้าหลีเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม กลัวว่าเจ้าจะไปจากที่นี่ ทำให้ไม่สามารถสยบโชคชะตาที่เหลืออยู่ของแคว้นเสินสุ้ยที่มีภูเขาฉีตุนเป็นหลักได้อีก ดังนั้นจึงไม่ยอมบอกความจริงแก่เจ้า จงใจให้เจ้าเข้าใจบัณฑิตผู้นั้นผิด”

ชายแขนเสื้อของฉู่ฮูหยินสะบัดแรง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ น้ำตาที่เป็นสายเลือดหลั่งรินออกมาจากกรอบดวงตาอย่างต่อเนื่อง แต่สีหน้าของนางกลับยังนิ่งสงบ “เรื่องมาถึงวันนี้ เจ้ายังคิดจะหลอกข้าอีกหรือ? นึกว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไร? แม้ว่าหลังจากที่เขาจากไป ข้าจะไม่เคยไปสถานที่อื่น ไม่ไปชมทัศนียภาพในโลกมนาย์ของอำเภอหว่านผิงและเมืองหงจู๋อีก แต่เรื่องที่เขาไปยังสำนักศึกษากวานหูในปีนั้น ข้าไม่ใช่คนหูหนวก มีบัณฑิตมากมายถึงเพียงนั้นผ่านทางมา ในบรรดาพวกเขามีคนไม่น้อยที่พูดถึงเรื่องนี้โดยบังเอิญ ดังนั้นข้าจึงรู้ ข้ารู้เยอะเลยล่ะ! มาถึงท้ายที่สุด เขาก็ไปหลงรักผู้หญิงคนอื่น”

ฉู่ฮูหยินพึมพำ “ข้ารู้ หากเขารักใคร เขาก็จะต้องชอบนางมากจริงๆ”

สีหน้าของเทพแม่น้ำซิ่วฮวาเรียบเฉย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่า ในฐานะเมล็ดพันธ์บัณฑิตคนแรกของต้าหลีที่อาศัยความสามารถของตัวเองสอบติดสำนักศึกษา เขาที่อยู่ในสำนักศึกษากวานหูถูกคนร่วมมือกันเล่นงานจนมีสภาพอเนจอนาถมาก ตอนแรกก็จงใจสรรเสริญเยินยอให้เขาลำพองตน แล้วก็มีคนทุ่มเงินมหาศาลอย่างลับๆ จ้างสตรีจากหอโคมเขียวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดให้แสร้งทำเป็นเลื่อมใสในความสามารถของเขา สร้างชื่อเสียงให้กับเขา จากนั้นก็ให้ผู้มากความรู้จากลัทธิขงจื๊อของราชสำนักใกล้เคียงแสร้งเห็นเขาเป็นสหายต่างวัย อีกทั้งยังทำให้ภาพอักษรที่เขาเขียนทุกภาพมีมูลค่าควรเมือง และยังมีวิธีการอีกมากมายที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ ทำให้เขาขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะได้กลายเป็นวิญญูชนคนแรกของต้าหลีที่ได้รับการยอมรับจากสำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อ”

“ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตรเพียงชั่วข้ามคืน ชื่อเสียงเละเทะฉาวโฉ่ มีคนใส่ความว่าเขาคัดลอกบทกวีของคนอื่น ดูแคลนว่าเขาไร้มนุษยธรรม จึงมีผู้มากความรู้หลายท่านร่วมมือกันโจมตีคุณธรรมของเขา ตราหน้าว่าเขาเป็นวิญญูชนจอมปลอม ด่าว่าเขาเป็นคนต่ำช้าที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่สำนักศึกษากวานหู คนมากพรสวรรค์ที่เดิมทีเต็มไปด้วยปณิธานอันแรงกล้า กลับต้องมาเสียสติเป็นบ้าไปทั้งอย่างนี้”

“เป็นบ้าอยู่นาน บัณฑิตยากจนผู้นี้กลายมาเป็นตัวตลกของสำนักศึกษากวานหู ผู้คนก็ยิ่งมองว่าต้าหลีคือคนเหนือที่ป่าเถื่อน แต่มาถึงท้ายที่สุด ใครก็คิดไม่ถึงว่า เขากลับคืนสติขึ้นมาได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!